คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 264

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 438 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 510/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อแชชซีรถยนต์ที่ไม่เปลี่ยนแปลงตัวอักษร/ตัวเลข ไม่ถือเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร
การที่จำเลยตัดเลขหมายประจำแชชซีรถยนต์คันสีแดงออกแล้วตัดเอาหมายเลขประจำแชชซีของรถยนต์คันสีฟ้ามาเชื่อมต่อไว้แทน เมื่อหมายเลขประจำแชชซีรถยนต์คันสีฟ้าเป็นหมายเลขประจำรถยนต์ที่แท้จริง แม้จะนำมาติดกับรถยนต์คันอื่นแต่ไม่มีการขูดลบแก้ไข เปลี่ยนแปลงตัวอักษร หรือตัวเลขหมายแต่อย่างใด จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารเพราะความผิดฐานปลอมเอกสารนั้นจะต้องมีการปลอมแปลงเอกสารขึ้นทั้งฉบับหรือแต่บางส่วน หรือกระทำให้ข้อความหรือความหมายในเอกสารที่แท้จริงเปลี่ยนแปลงไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 510/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อแชชซีรถยนต์โดยไม่แก้ไขตัวเลข ไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร
การที่จำเลยตัดเอาแผ่นโลหะที่มีเลขหมายประจำแชชซี ของรถยนต์คันหนึ่งมาต่อเชื่อมแทนที่เลขหมายประจำแชชซี ของรถยนต์อีกคันหนึ่งซึ่งจำเลยตัดออก เป็นการนำหมายเลขแชชซี ประจำรถยนต์ที่แท้จริงไปติดกับรถยนต์คันอื่น โดยไม่มีการขูดลบแก้ไขเปลี่ยนแปลงตัวอักษรตัวเลขหมายประจำแชชซี แต่อย่างใด ไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3942/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมและใช้เอกสารปลอม: การพิจารณาความผิดกรรมเดียว vs. หลายกรรม และการลดโทษตามกฎหมาย
คดีจะต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาตามฐานความผิดเป็นกระทง ๆ ไป เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยแต่ละกระทงจำคุกไม่เกิน 5 ปี และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีจึงต้องฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
จำเลยปลอมหนังสือเดินทางซึ่งเป็นเอกสารราชการของกระทรวงต่างประเทศ และจำเลยได้ทำปลอมขึ้นซึ่งรอยตราของสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำกรุงเบรุตประเทศเลบานอน แล้วประทับรอยตราปลอมดังกล่าวลงในหนังสือเดินทางที่จำเลยปลอมขึ้น อันเป็นการปลอมหนังสือเดินทางทั้งฉบับให้สำเร็จบริบูรณ์ดังเจตนาของจำเลย การกระทำของจำเลยในส่วนนี้จึงเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท คือมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 กับมาตรา 251 กระทงหนึ่ง ต่อมาเมื่อจำเลยนำหนังสือเดินทางที่จำเลยทำปลอมขึ้นและมีรอยตราปลอมประทับดังกล่าวไปใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เพื่อตรวจประทับตราเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรและเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร รวม 3 ครั้ง แม้จะเป็นการใช้ในลักษณะเดียวกัน แต่ก็เป็นการใช้คนละเวลาคนละครั้งต่างกรรมกัน การกระทำของจำเลยในส่วนนี้จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือจำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 265 และมาตรา 251 ประกอบด้วยมาตรา 252 แต่เนื่องจากมาตรา 263 บัญญัติว่าถ้าผู้กระทำผิดตามมาตรา 251 ได้กระทำผิดตามมาตรา 252 ด้วยให้ลงตามมาตรา 251 กระทงเดียว ดังนั้นเมื่อจำเลยเป็นผู้ทำรอยตราปลอมอันเป็นความผิดตามมาตรา 251 และได้ใช้รอยตราปลอมนั้นอันเป็นความผิดตามมาตรา 252 รวม 3 ครั้ง ในการใช้ครั้งแรกจำเลยทำรอยตราปลอมและใช้รอยตราปลอมด้วย จึงมีความผิดตามมาตรา 251 ประกอบด้วยมาตรา 263 กระทงหนึ่ง แต่ในการใช้ครั้งที่สองและครั้งที่สามจำเลยมิได้ปลอมรอยตราขึ้นอีก คงใช้รอยตราปลอมอันเก่านั้นเอง จึงมีความผิดฐานใช้รอยตราปลอมอย่างเดียวตามมาตรา 252 อีก 2 กระทง รวมทั้งสิ้น 3 กระทง ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ขึ้นมา ศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ (หมายเหตุ วรรค 2 วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2/2529)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3835/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมเอกสารทางการและใช้เอกสารปลอมเพื่อการเดินทางเข้า-ออกประเทศ
จำเลยปลอมหนังสือเดินทางของประเทศสิงคโปร์และปลอมเอกสารราชการของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดยประทับรอยตราและบันทึกข้อความอนุญาตให้จำเลยเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรลงในหนังสือเดินทางที่จำเลยทำปลอมขึ้นเพื่อให้มีรายการครบถ้วนจะได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรและอยู่ในราชอาณาจักรได้อันเป็นการกระทำครั้งเดียวการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทต้องลงโทษฐานปลอมเอกสารราชการของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา90แต่จำเลยได้นำหนังสือเดินทางและเอกสารราชการของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่จำเลยปลอมขึ้นดังกล่าวไปใช้ด้วยจึงต้องลงโทษฐานใช้เอกสารราชการของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองปลอมแต่กระทงเดียวตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา268วรรค2.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3835/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอมเพื่อการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักร
จำเลยปลอมหนังสือเดินทางของประเทศสิงคโปร์และปลอมเอกสารราชการ ของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดยประทับรอยตราและบันทึกข้อความ อนุญาตให้จำเลยเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร ลงในหนังสือเดินทาง ที่จำเลยทำปลอมขึ้น เพื่อให้มีรายการครบถ้วนจะได้เดินทางเข้ามา ในราชอาณาจักรและอยู่ในราชอาณาจักรได้ อันเป็นการกระทำครั้งเดียว การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทต้องลงโทษ ฐานปลอมเอกสารราชการของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองซึ่งเป็น บทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 แต่จำเลยได้นำ หนังสือเดินทางและเอกสารราชการของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่ จำเลยปลอมขึ้นดังกล่าวไปใช้ด้วย จึงต้องลงโทษฐานใช้เอกสารราชการ ของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองปลอมแต่กระทงเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรค 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3835/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมแปลงเอกสารราชการและใช้เอกสารปลอมเพื่อการเข้าเมืองผิดกฎหมาย
จำเลยปลอมหนังสือเดินทางของประเทศสิงคโปร์ และปลอมเอกสารราชการของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดยประทับรอยตราและบันทึกข้อความอนุญาตให้จำเลยเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร ลงในหนังสือเดินทาง ที่จำเลยทำปลอมขึ้น เพื่อให้มีรายการครบถ้วนจะได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรและอยู่ในราชอาณาจักรได้ อันเป็นการกระทำครั้งเดียว การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษฐานปลอมเอกสารราชการของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 แต่จำเลยได้นำหนังสือเดินทางและเอกสารราชการของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่จำเลยปลอมขึ้นดังกล่าวไปใช้ด้วย จึงต้องลงโทษฐานใช้เอกสารราชการ ของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองปลอมแต่กระทงเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรค 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2316/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง: การปลอมเอกสารราชการและการกระทำความผิดหลายกระทง
ในการที่จะพิจารณาว่าคดีใดต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้นต้องพิจารณาจากกระทงความผิดเป็นกระทง ๆ ไป คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดรวม 3 กระทง ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 2 ปี รวมเป็นจำคุก 6 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้ทำปลอมขึ้นซึ่งเอกสาร และการกระทำของจำเลยไม่ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายหรือไม่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การที่จำเลยทำคำสั่งจังหวัดตราดเรื่องแต่งตั้งข้าราชการลงในกระดาษไขโดยไม่มีอำนาจ แล้วตัดเอากระดาษไขที่มีลายมือชื่อของผู้ว่าราชการจังหวัดตราดซึ่งได้ลงนามไว้ในคำสั่งฉบับอื่น มาติดไว้ท้ายคำสั่งที่จำเลยทำขึ้น และจำเลยโรเนียวคำสั่งนี้ออกมา เพื่อแสดงให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่าคำสั่งที่จำเลยทำขึ้นนี้เป็นคำสั่งที่แท้จริง ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2316/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำเอกสารปลอมโดยเจตนาหลอกลวง และการพิจารณาข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการตัดสินคดีอาญา
ในการที่จะพิจารณาว่าคดีใดต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้นต้องพิจารณาจากกระทงความผิดเป็นกระทงๆไปคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดรวม3กระทงให้ลงโทษจำคุกกระทงละ2ปีรวมเป็นจำคุก6ปีศาลอุทธรณ์พิพากษายืน.จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218. ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยมิได้ทำปลอมขึ้นซึ่งเอกสารและการกระทำของจำเลยไม่ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายหรือไม่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง. การที่จำเลยทำคำสั่งจังหวัดตราดเรื่องแต่งตั้งข้าราชการลงในกระดาษไขโดยไม่มีอำนาจแล้วตัดเอากระดาษไขที่มีลายมือชื่อของผู้ว่าราชการจังหวัดตราดซึ่งได้ลงนามไว้ในคำสั่งฉบับอื่นมาติดไว้ท้ายคำสั่งที่จำเลยทำขึ้นและจำเลยโรเนียวคำสั่งนี้ออกมาเพื่อแสดงให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่าคำสั่งที่จำเลยทำขึ้นนี้เป็นคำสั่งที่แท้จริงถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1928/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานใช้เอกสารปลอม แม้ผู้กระทำผิดเป็นผู้ปลอมเอง ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมได้ 2 กระทง หากเอกสารแต่ละฉบับเป็นคนละประเภท
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา268วรรคสองที่บัญญัติว่าถ้าผู้กระทำความผิดฐานใช้หรืออ้างเอกสารปลอมเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้นให้ลงโทษตามมาตรานี้แต่กระทงเดียวนั้นหมายความว่าความผิดฐานปลอมเอกสารแต่ละกระทงนั้นถ้าผู้ใช้เอกสารปลอมเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้นก็ให้ลงโทษฐานเป็นผู้ใช้เพียงกระทงเดียวเฉพาะแต่ละกระทงที่ปลอม. การที่จำเลยปลอมสำเนาป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา264,265กระทงหนึ่งและจำเลยปลอมแผ่นป้ายทะเบียนรถแสดงการจดทะเบียนใช้รถมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา264,265อีกกระทงหนึ่งนั้นแม้จำเลยจะได้ใช้เอกสารปลอมดังกล่าวในคราวเดียวกันแต่ก็เป็นการใช้เอกสารคนละประเภทกันจำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้เอกสารดังกล่าว2กระทง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1928/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมหลายกระทง ผู้กระทำผิดเป็นทั้งผู้ปลอมและผู้ใช้
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสองที่บัญญัติว่า ถ้าผู้กระทำความผิดฐานใช้หรืออ้างเอกสารปลอมเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้น ให้ลงโทษตามมาตรานี้แต่กระทงเดียวนั้น หมายความว่าความผิดฐานปลอมเอกสารแต่ละกระทงนั้นถ้าผู้ใช้เอกสารปลอมเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้น ก็ให้ลงโทษฐานเป็นผู้ใช้เพียงกระทงเดียวเฉพาะแต่ละกระทงที่ปลอม
การที่จำเลยปลอมสำเนาป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265 กระทงหนึ่ง และจำเลยปลอมแผ่นป้ายทะเบียนรถแสดงการจดทะเบียนใช้รถมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265 อีกกระทงหนึ่งนั้น แม้จำเลยจะได้ใช้เอกสารปลอมดังกล่าวในคราวเดียวกัน แต่ก็เป็นการใช้เอกสารคนละประเภทกัน จำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้เอกสารดังกล่าว 2 กระทง
of 44