พบผลลัพธ์ทั้งหมด 438 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2116-2117/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารเพื่อเบียดบังเงินค่าจ้างราษฎร ศาลฎีกาวินิจฉัยเป็นกรรมเดียวแต่ผิดหลายบท
จำเลยกับพวกร่วมกันปลอมลายมือชื่อของบุคคลอื่นหลายคนลงในบัญชีหลักฐานการจ่ายค่าแรงงาน ซึ่งความจริงบุคคลเหล่านั้นไม่เคยทำงาน และไม่ได้รับเงิน แล้วจำเลยกับพวกได้เสนอบัญชีหลักฐานการจ่ายค่าแรงนี้ไปขอเบิกเงินจากทางราชการ และเบียดบังเอาเงินจำนวนนั้นไปเป็นของ ตนและผู้อื่นเสียโดยทุจริตอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147,264,268 นั้น เห็นได้ว่าการที่จำเลยกับพวกปลอมและใช้เอกสารปลอมดังกล่าว ก็โดยเจตนาที่จะใช้เป็นหลักฐานในการเบียดบังยักยอกเงินอันเป็นค่าแรงนั่นเอง การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว แต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 อันเป็นบทหนัก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1931/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปลอมและยักยอกเอกสารราชการ กรณีออกใบเสร็จซ้ำและไม่นำส่งเงินภาษี
จำเลยทำใบเสร็จรับเงินค่าภาษีรถยนต์ที่ ช.นำมาชำระ แม้จำเลยจะได้ประทับตราชื่อของจำเลยเป็นผู้รับเงินและมีรายการเสียภาษีตามความเป็นจริงทุกประการ ก็ตามแต่จำเลยใช้ฉบับที่และเล่มที่ของใบเสร็จรับเงินเหล่านั้นซ้ำกับฉบับที่และเล่มที่ของใบเสร็จรับเงินที่แท้จริงที่มีการนำส่งเงินภาษีที่เก็บได้ต่อทางราชการโดยจำเลยมีเจตนาจะให้ผู้ที่ได้พบเห็นใบเสร็จเหล่านั้น เข้าใจว่าเป็นใบเสร็จที่ใช้ฉบับที่และเล่มที่ตามลำดับ ไม่ซ้ำกับฉบับที่และเล่มที่ของใบเสร็จอื่น ๆ และได้มีการส่งเงินตามใบเสร็จเหล่านั้นต่อทางราชการตามระเบียบด้วยจำเลยจึงต้อง มีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ เพราะเป็นเอกสารที่ทางราชการทำขึ้น
ใบเสร็จรับเงินไม่ใช่เอกสารสิทธิ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 889/2490)
ใบเสร็จรับเงินไม่ใช่เอกสารสิทธิ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 889/2490)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1931/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารราชการโดยใช้ฉบับที่ซ้ำกับเอกสารที่ส่งเงินแล้ว และความผิดร่วมยักยอกเงิน
จำเลยทำใบเสร็จรับเงินค่าภาษีรถยนต์ที่ ช. นำมาชำระ แม้ จำเลยจะได้ประทับตราชื่อของจำเลยเป็นผู้รับเงินและมีรายการเสียภาษี ตามความเป็นจริงทุกประการก็ตามแต่จำเลยใช้ฉบับที่และเล่มที่ของใบเสร็จรับเงินเหล่านั้นซ้ำกับฉบับที่และเล่มที่ของใบเสร็จรับเงินที่แท้จริงที่มี การนำส่งเงินภาษีที่เก็บได้ต่อทางราชการโดยจำเลยมีเจตนาจะให้ผู้ที่ได้ พบเห็นใบเสร็จเหล่านั้น เข้าใจว่าเป็นใบเสร็จที่ใช้ฉบับที่และเล่มที่ตามลำดับ ไม่ซ้ำกับฉบับที่และเล่มที่ของใบเสร็จอื่น ๆและได้มีการส่งเงินตามใบเสร็จเหล่านั้นต่อทางราชการตามระเบียบด้วยจำเลยจึงต้องมีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ เพราะเป็นเอกสารที่ทางราชการทำขึ้น
ใบเสร็จรับเงินไม่ใช่เอกสารสิทธิ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่889/2492)
ใบเสร็จรับเงินไม่ใช่เอกสารสิทธิ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่889/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขภาพถ่ายเพื่อแสดงตนเป็นผู้รับปริญญา ไม่ถือเป็นเอกสารปลอม เนื่องจากขาดความหมายอันเป็นสาระสำคัญ
จำเลยนำภาพถ่ายของผู้มีชื่อซึ่งถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิต รวม 2 ภาพกับภาพถ่ายของผู้มีชื่อซึ่งถ่ายขณะสวมครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ 1ภาพ ซึ่งเป็นภาพอันแท้จริงมา นำเอาภาพเฉพาะใบหน้าของจำเลยปิดทับลงไปในตำแหน่งใบหน้าของผู้มีชื่อ และแก้เลข พ.ศ.2508 ในภาพผู้มีชื่อถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาภาพหนึ่ง เป็น พ.ศ.2504 แล้วถ่ายภาพอัดขยายใหม่ กลายเป็นภาพถ่ายซึ่งดูแล้วเป็นภาพจำเลยถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิตรวม 2 ภาพ และเป็นภาพจำเลยสวมครุยปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิต 1 ภาพ แล้วนำภาพถ่ายทั้ง 3 ภาพใส่กรอบติดไว้ในร้านขายยาของจำเลย
ดังนี้ การที่จำเลยเอาภาพเฉพาะใบหน้าของจำเลยปิดทับลงในตำแหน่งใบหน้าของภาพถ่ายผู้มีชื่อ แล้วถ่ายภาพอัดขยายใหม่กลายเป็นภาพถ่ายซึ่งดูแล้วเป็นภาพจำเลยถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิต 2 ภาพ กับภาพถ่ายจำเลยถ่ายขณะสวมครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ 1 ภาพเป็นภาพถ่ายที่ไม่ได้ทำให้ปรากฏความหมายด้วยตัวอักษรตัวเลข ผัง หรือแผนแบบอย่างอื่น ตามความหมายของคำว่าเอกสารดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(7)ภาพถ่ายทั้ง 3 ภาพของจำเลยจึงไม่เป็นเอกสารส่วนที่ภาพถ่ายภาพหนึ่งซึ่งดูแล้วเป็นภาพจำเลยถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิตมีตัวอักษรและตัวเลขอยู่เหนือและนอกภาพถ่ายว่า 'มหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ 2504' ซึ่งตัวเลข 2504จำเลยแก้จากตัวเลข 2508 นั้น โจทก์มิได้นำสืบว่าตัวอักษรและตัวเลขนั้นมีความหมายถึงอะไร จึงไม่ปรากฏความหมายอันจะทำให้เป็นเอกสารในตัวเอง หรือทำให้ภาพถ่ายที่ไม่เป็นเอกสารนั้นเกิดเป็นเอกสารขึ้นได้การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมดังโจทก์ฟ้อง
ดังนี้ การที่จำเลยเอาภาพเฉพาะใบหน้าของจำเลยปิดทับลงในตำแหน่งใบหน้าของภาพถ่ายผู้มีชื่อ แล้วถ่ายภาพอัดขยายใหม่กลายเป็นภาพถ่ายซึ่งดูแล้วเป็นภาพจำเลยถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิต 2 ภาพ กับภาพถ่ายจำเลยถ่ายขณะสวมครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ 1 ภาพเป็นภาพถ่ายที่ไม่ได้ทำให้ปรากฏความหมายด้วยตัวอักษรตัวเลข ผัง หรือแผนแบบอย่างอื่น ตามความหมายของคำว่าเอกสารดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(7)ภาพถ่ายทั้ง 3 ภาพของจำเลยจึงไม่เป็นเอกสารส่วนที่ภาพถ่ายภาพหนึ่งซึ่งดูแล้วเป็นภาพจำเลยถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิตมีตัวอักษรและตัวเลขอยู่เหนือและนอกภาพถ่ายว่า 'มหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ 2504' ซึ่งตัวเลข 2504จำเลยแก้จากตัวเลข 2508 นั้น โจทก์มิได้นำสืบว่าตัวอักษรและตัวเลขนั้นมีความหมายถึงอะไร จึงไม่ปรากฏความหมายอันจะทำให้เป็นเอกสารในตัวเอง หรือทำให้ภาพถ่ายที่ไม่เป็นเอกสารนั้นเกิดเป็นเอกสารขึ้นได้การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมดังโจทก์ฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะลูกจ้างประจำไม่ใช่เจ้าพนักงาน แม้มีหน้าที่เก็บเงินค่าเช่าราชพัสดุ ยักยอกทรัพย์เป็นความผิดต่อทรัพย์
จำเลยเป็นลูกจ้างประจำสังกัดกรมธนารักษ์เบิกเงินค่าจ้างในงบงานจัดทรัพย์สินของรัฐกรมธนารักษ์ โดยได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือน มีตำแหน่งเป็นพนักงานเก็บเงินที่มีผู้ชำระต่อราชพัสดุจังหวัดเท่านั้น จึงมิใช่เป็นข้าราชการที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งตามกฎหมาย คำสั่งจ้างจำเลยระบุเพียงว่าให้จ้างจำเลยเข้าเป็นลูกจ้างประจำสังกัดกรมธนารักษ์ มิได้อ้างว่าแต่งตั้งจำเลยโดยอาศัยอำนาจของกฎหมายใดฉะนั้น แม้จำเลยจะมีหน้าที่เก็บเงินค่าเช่าอาคารราชพัสดุก็มีฐานะเป็นเพียงลูกจ้าง หาใช่เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายไม่
เงินที่จำเลยยักยอกไปเป็นเงินที่จำเลยเก็บจากผู้เช่าอาคารราชพัสดุแล้ว ยังมิได้ส่งต่อทางราชการ จำเลยมีหน้าที่ครอบครองดูแลรักษาเงินนั้น และต้องส่งมอบให้แก่ทางราชการเงินที่จำเลยรับไว้จึงเป็นของราชการกรมธนารักษ์ไม่ใช่เป็นของประชาชนผู้ชำระค่าเช่าแต่ละราย เพราะกรมธนารักษ์ต้องรับผลในการกระทำของจำเลยในอันที่จะไปเรียกเก็บค่าเช่าจากผู้เช่าให้ชำระอีกไม่ได้ ผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งได้รับมอบอำนาจให้เป็นผู้ครอบครองและควบคุมดูแลที่ราชพัสดุแทนกรมธนารักษ์จึงเป็นผู้เสียหาย
สารสำคัญตามฟ้องของโจทก์ว่าจำเลยยักยอกเอาเงินไป เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยยักยอกเอาเงินไปจริงก็เป็นอันตรงกับคำฟ้องแล้ว ส่วนที่ตามฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานนั้น แม้ตามทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงาน ก็ยังถือไม่ได้ว่าคดีได้ความตามทางพิจารณาต่างกับฟ้อง และไม่ใช่เป็นเรื่องฟ้องเคลือบคลุมหรือฟ้องไม่สมบูรณ์
เงินที่จำเลยยักยอกไปเป็นเงินที่จำเลยเก็บจากผู้เช่าอาคารราชพัสดุแล้ว ยังมิได้ส่งต่อทางราชการ จำเลยมีหน้าที่ครอบครองดูแลรักษาเงินนั้น และต้องส่งมอบให้แก่ทางราชการเงินที่จำเลยรับไว้จึงเป็นของราชการกรมธนารักษ์ไม่ใช่เป็นของประชาชนผู้ชำระค่าเช่าแต่ละราย เพราะกรมธนารักษ์ต้องรับผลในการกระทำของจำเลยในอันที่จะไปเรียกเก็บค่าเช่าจากผู้เช่าให้ชำระอีกไม่ได้ ผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งได้รับมอบอำนาจให้เป็นผู้ครอบครองและควบคุมดูแลที่ราชพัสดุแทนกรมธนารักษ์จึงเป็นผู้เสียหาย
สารสำคัญตามฟ้องของโจทก์ว่าจำเลยยักยอกเอาเงินไป เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยยักยอกเอาเงินไปจริงก็เป็นอันตรงกับคำฟ้องแล้ว ส่วนที่ตามฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานนั้น แม้ตามทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงาน ก็ยังถือไม่ได้ว่าคดีได้ความตามทางพิจารณาต่างกับฟ้อง และไม่ใช่เป็นเรื่องฟ้องเคลือบคลุมหรือฟ้องไม่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 875/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารสัญญากู้เพื่อฟ้องร้องเรียกเงิน และเบิกความเท็จต่อศาล
กรอกข้อความลงในเอกสารที่มีลายมือชื่อของโจทก์โดยโจทก์มิได้ยินยอมให้กรอก แล้วนำเอกสารมาฟ้องเรียกเงินกู้เป็นการปลอมเอกสารตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรค 2 โจทก์ฟ้องว่าเหตุเกิดที่ตำบลมะขามหย่ง แต่โจทก์เบิกความว่าเหตุเกิดที่บ้านจำเลย ตำบลบางปลาสร้อย เมื่อจำเลยรับว่าเป็นผู้กรอกข้อความและตำบลทั้งสองอยู่อำเภอเดียวกัน ไม่ถือว่าจำเลยหลงข้อต่อสู้ ลงโทษจำเลยตามฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 756/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงใบอนุญาตย้อนหลังเพื่อแก้ต่างความผิด การมีน้ำมันเกินกว่าที่ได้รับอนุญาต ไม่เป็นเหตุให้ไม่ต้องรับผิด
ตำรวจค้นพบน้ำมันเบนซิน 1,500 ลิตร ในบ้านจำเลย จำเลยนำใบอนุญาตให้เก็บรักษาน้ำมันเบนซิน 300 ลิตร มาแสดง ตำรวจจับจำเลยมาดำเนินคดี ชั้นสอบสวนจำเลยกลับนำใบอนุญาตเก็บรักษาน้ำมันเบนซินได้ไม่เกิน 2,000 ลิตร มาแสดงอีกฉบับหนึ่ง แต่เป็นใบอนุญาตที่เจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตออกให้จำเลยหลังวันจับกุมจำเลยแล้วลงวันที่ย้อนหลังไปจนถึงวันก่อนจำเลยถูกจับกุมดังนี้ เป็นการจดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ หาใช่การปลอมเอกสารไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม
แม้ศาลจะฟังว่าเจ้าพนักงานออกใบอนุญาตเก็บรักษาน้ำมันเบนซินได้ไม่เกิน 2,000 ลิตร ให้จำเลย แต่เมื่อความผิดฐานมีน้ำมันเบนซินไว้เกินกว่าที่ได้รับอนุญาตนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลฎีกาจึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ว่าใบอนุญาตที่ทางการออกให้จำเลยเก็บรักษาน้ำมันเบนซินได้ไม่เกิน 2,000 ลิตร นั้นเพิ่งออกให้ภายหลังจากที่เจ้าพนักงานตรวจพบการกระทำความผิดแล้วใบอนุญาตดังกล่าวจึงหาคุ้มจำเลยให้ไม่ต้องรับผิดทางอาญาในการกระทำความผิดของจำเลยที่เกิดขึ้นก่อนออกใบอนุญาตไม่
แม้ศาลจะฟังว่าเจ้าพนักงานออกใบอนุญาตเก็บรักษาน้ำมันเบนซินได้ไม่เกิน 2,000 ลิตร ให้จำเลย แต่เมื่อความผิดฐานมีน้ำมันเบนซินไว้เกินกว่าที่ได้รับอนุญาตนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลฎีกาจึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ว่าใบอนุญาตที่ทางการออกให้จำเลยเก็บรักษาน้ำมันเบนซินได้ไม่เกิน 2,000 ลิตร นั้นเพิ่งออกให้ภายหลังจากที่เจ้าพนักงานตรวจพบการกระทำความผิดแล้วใบอนุญาตดังกล่าวจึงหาคุ้มจำเลยให้ไม่ต้องรับผิดทางอาญาในการกระทำความผิดของจำเลยที่เกิดขึ้นก่อนออกใบอนุญาตไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2680/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเขียนข้อความเพิ่มเติมในเช็คส่วนตัวไม่เป็นเอกสารปลอม หากไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย
จำเลยลอบเขียนข้อความลงในต้นขั้วเช็คของโจทก์ว่าชำระบัญชีลงลายมือชื่อจำเลยกำกับ แสดงว่าจำเลยชำระเงินแล้ว ดังนี้ ไม่ทำให้ผู้ใดเสียหาย ไม่มีมูลความผิดฐานปลอมเอกสาร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1568/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้เลขสลากเพื่อล้อเล่นกับเพื่อน ไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ หากไม่มีเจตนาหลอกลวงเพื่อรับเงินรางวัล
แก้ตัวเลขในสลากกินแบ่ง 1 ตัว ให้เป็นหมายเลขที่ถูกรางวัลเพื่อให้เพื่อนเลี้ยงอาหารจำเลยก่อน แล้วจำเลยทิ้งสลากกินแบ่งในถังขยะในบ้าน มีผู้เก็บสลากกินแบ่งนั้นไปขอรับรางวัลนอกความรู้เห็นของจำเลย การหลอกให้เลี้ยงอาหารเป็นการล้อเล่นระหว่างเพื่อนซึ่งทำอยู่เป็นปกติ ไม่เป็นความเสียหายแก่ประชาชนหรือเพื่อนของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานเบียดบังยักยอกทรัพย์และลงข้อความเท็จ ไม่ใช่ปลอมเอกสาร, คดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดบทเดียวไม่ใช่หลายบทดังที่ศาลชั้นต้นพิพากษา และลงโทษจำเลยจำเลยเท่ากับที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ ดังนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย เมื่อโทษแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การที่สมุห์บัญชีธนาคารอาศัยอำนาจหน้าที่ของตนในการควบคุมบัญชีและเขียนข้อความลงในบัญชีสมุดเงินฝาก เขียนข้อความที่ไม่ตรงต่อความจริงลงในบัญชีดังกล่าวขณะที่ตนมีหน้าที่ต้องเขียนข้อความที่ถูกต้องนั้น เป็นเรื่องลงข้อความเท็จ หาใช่เป็นการปลอมเอกสารไม่ เพราะมิใช่ปลอมเอกสารอันแท้จริงของผู้ใด และไม่เป็นการกรอกข้อความลงในกระดาษซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่น โดยมิได้รับความยินยอมที่ให้ถือว่าเป็นการปลอมเอกสารตามความในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265 จำเลยร่วมกับสมุห์บัญชีทำการดังกล่าวจึงไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารเช่นเดียวกัน
การที่สมุห์บัญชีธนาคารอาศัยอำนาจหน้าที่ของตนในการควบคุมบัญชีและเขียนข้อความลงในบัญชีสมุดเงินฝาก เขียนข้อความที่ไม่ตรงต่อความจริงลงในบัญชีดังกล่าวขณะที่ตนมีหน้าที่ต้องเขียนข้อความที่ถูกต้องนั้น เป็นเรื่องลงข้อความเท็จ หาใช่เป็นการปลอมเอกสารไม่ เพราะมิใช่ปลอมเอกสารอันแท้จริงของผู้ใด และไม่เป็นการกรอกข้อความลงในกระดาษซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่น โดยมิได้รับความยินยอมที่ให้ถือว่าเป็นการปลอมเอกสารตามความในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265 จำเลยร่วมกับสมุห์บัญชีทำการดังกล่าวจึงไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารเช่นเดียวกัน