พบผลลัพธ์ทั้งหมด 438 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงลายมือชื่อแทนกันโดยไม่ได้รับมอบอำนาจไม่ถือเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร หากผู้เสียหายทราบข้อเท็จจริงและยินยอม
ลายมือชื่อนั้นไม่มีกฎหมายให้เซ็นแทนกันได้ แม้จะมอบอำนาจก็เซ็นแทนไม่ได้ จำเลยเซ็นชื่อสามีจำเลยลงในสัญญามัดจำซื้อขายที่ดินจึงเป็นการลงลายมือชื่อปลอม แต่ความผิดฐานปลอมเอกสารนั้นจะต้องมีลักษณะที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนด้วย เมื่อผู้เสียหายรู้จักชื่อและตัวสามีจำเลยผู้เป็นเจ้าของที่ดินตลอดจนจำเลยซึ่งเป็นภรรยาอยู่ก่อนแล้ว ยังได้สมัครใจเข้าทำสัญญากับจำเลยและรู้เห็นว่าจำเลยได้ลงชื่อสามีจำเลยในช่องผู้ให้สัญญาตอนทำสัญญานั้น จากพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าผู้เสียหายมิได้หลงผิดหรือหลงเชื่อ จึงไม่อยู่ในฐานะที่จะอ้างว่าได้รับความเสียหายตามกฎหมายสามีจำเลยก็ไม่เสียหายเพราะเป็นผู้มอบอำนาจให้จำเลยไว้ จำเลยจึงไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงลายมือชื่อแทนกันในสัญญา แม้ได้รับมอบอำนาจก็เป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร แต่ต้องพิเคราะห์ความเสียหายที่เกิดขึ้น
ลายมือชื่อนั้นไม่มีกฎหมายให้เซ็นแทนกันได้ แม้จะมอบอำนาจก็เซ็นแทนไม่ได้ จำเลยเซ็นชื่อสามีจำเลยลงในสัญญามัดจำซื้อขายที่ดินจึงเป็นการลงลายมือชื่อปลอม แต่ความผิดฐานปลอมเอกสารนั้นจะต้องมีลักษณะที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนด้วย เมื่อผู้เสียหายรู้จักชื่อและตัวสามีจำเลยผู้เป็นเจ้าของที่ดินตลอดจนจำเลยซึ่งเป็นภรรยาอยู่ก่อนแล้ว ยังได้สมัครใจเข้าทำสัญญากับจำเลยและรู้เห็นว่าจำเลยได้ลงชื่อสามีจำเลยในช่องผู้ให้สัญญาตอนทำสัญญานั้น จากพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าผู้เสียหายมิได้หลงผิดหรือหลงเชื่อ จึงไม่อยู่ในฐานะที่จะอ้างว่าได้รับความเสียหายตามกฎหมายสามีจำเลยก็ไม่เสียหายเพราะเป็นผู้มอบอำนาจให้จำเลยไว้ จำเลยจึงไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 793/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญา ผู้เสียหายต้องเป็นผู้ได้รับความเสียหายโดยตรงจากการกระทำของจำเลย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1, 2 ร่วมกันกระทำผิด โดยจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอใบสุทธิโดยไม่มีหลักฐานการสอบไล่ได้ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นครูใหญ่กรอกข้อความอันเป็นเท็จรับรองในแบบสอบสวนขอรับใบสุทธิหรือใบแทนเกิน 10 ปี เสนอขออนุญาตออกให้ตามคำขอ เป็นเหตุให้นายอำเภอและเจ้าหน้าที่แผนกศึกษาธิการอำเภอหลงเชื่อ อนุญาตให้จำเลยที่ 2 ออกใบสุทธิซึ่งเป็นเอกสารปลอมให้จำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 1 นำไปเป็นหลักฐานสมัครรับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านต่อคณะกรรมการรับสมัครคณะกรรมการรับใบสมัครของจำเลยที่ 1 ไว้และเป็นผลให้จำเลยที่ 1 ได้รับเลือก โจทก์ในฐานะผู้สมัครรับเลือกด้วยได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1, 2 ฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม ดังนี้ ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐ รัฐเป็นผู้เสียหายโดยตรง การที่โจทก์ไม่ได้รับเลือก หาใช่เป็นผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลยไม่ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายที่จะนำคดีมาฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 793/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญา จำเลยกระทำผิดต่อเจ้าหน้าที่รัฐ โจทก์ไม่เป็นผู้เสียหายโดยตรง จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1, 2 ร่วมกันกระทำผิด โดยจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอใบสุทธิโดยไม่มีหลักฐานการสอบไล่ได้ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นครูใหญ่กรอกข้อความอันเป็นเท็จรับรองในแบบสอบสวนขอรับใบสุทธิหรือใบแทนเกิน 10 ปี เสนอขออนุญาตออกให้ตามคำขอ เป็นเหตุให้นายอำเภอและเจ้าหน้าที่แผนกศึกษาธิการอำเภอหลงเชื่อ อนุญาตให้จำเลยที่ 2 ออกใบสุทธิซึ่งเป็นเอกสารปลอมให้จำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 1 นำไปเป็นหลักฐานสมัครรับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้าน ต่อคณะกรรมการรับสมัครคณะกรรมการรับใบสมัครของจำเลยที่ 1 ไว้ และเป็นผลให้จำเลยที่ 1 ได้รับเลือก โจทก์ในฐานะผู้สมัครรับเลือกด้วยได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1, 2 ฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม ดังนี้ ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐ รัฐเป็นผู้เสียหายโดยตรง การที่โจทก์ไม่ได้รับเลือก หาใช่เป็นผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลยไม่ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายที่จะนำคดีมาฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 167/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารสิทธิเพื่อฉ้อโกงและใช้เอกสารปลอม การกระทำเข้าข่ายความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอม
จำเลยกู้เงินผู้เสียหายแล้วทำหนังสือสัญญากู้ลงลายมือชื่อผู้อื่นในช่องผู้กู้ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าจำเลยเองเป็นผู้กู้ การกระทำของจำเลยเป็นการทุจริตเพื่อจะให้ได้เงินที่กู้ไป แต่มิให้ผู้เสียหายใช้สัญญากู้นั้นเป็นหลักฐานฟ้องร้องเรียกเงินคืนจากจำเลย ผู้เสียหายได้รับความเสียหายจำเลยจึงมีความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ เมื่อจำเลยได้มอบสัญญากู้ให้ผู้เสียหายยึดถือไว้ จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมอีกกระทงหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 167/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมแปลงเอกสารสิทธิเพื่อหลอกลวงเอาเงินกู้ และการใช้เอกสารปลอมนั้น
จำเลยกู้เงินผู้เสียหายแล้วทำหนังสือสัญญากู้ลงลายมือชื่อผู้อื่นในช่องผู้กู้ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าจำเลยเองเป็นผู้กู้ การกระทำของจำเลยเป็นการทุจริตเพื่อจะให้ได้เงินที่กู้ไป แต่มิให้ผู้เสียหายใช้สัญญากู้นั้นเป็นหลักฐานฟ้องร้องเรียกเงินคืนจากจำเลย ผู้เสียหายได้รับความเสียหายจำเลยจึงมีความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิเมื่อจำเลยได้มอบสัญญากู้ให้ผู้เสียหายยึดถือไว้ จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมอีกกระทงหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3380/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การออกเช็คโดยไม่มีเงินในบัญชี ไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ หากลงชื่อตนเอง
จำเลยนำเอาแบบพิมพ์ที่มีรายการระบุว่าเป็นเช็ค ระบุชื่อธนาคารศรีนครจำกัดสาขาเล่งเน่ยยี่หมายเลขบี 10105906 มากรอกรายการและเซ็นชื่อของจำเลยออกให้แก่ผู้เสียหาย โดยจำเลยไม่มีเงินฝากในธนาคารศรีนคร จำกัดดังนี้ ไม่เป็นการปลอมเอกสารสิทธิ เพราะจำเลยลงชื่อของจำเลยเอง มิได้ปลอมลายมือชื่อของผู้ใด และการสั่งจ่ายเงินโดยไม่มีเงินฝากหรือมีนิติสัมพันธ์อย่างใดกับธนาคารนั้นฯ ก็ไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยนำเอาเช็คระบุชื่อธนาคารศรีนคร จำกัด สาขาเล่งเน่ยยี่ สั่งจ่ายเงิน 4,000 บาทมาใช้แก่ผู้เสียหายอันเป็นเอกสารสิทธิและเป็นตั๋วเงินปลอม ซึ่งมีผู้ทำปลอมขึ้นทั้งฉบับ แต่ฎีกาว่า "เช็คของกลางเป็นเช็คที่มีผู้อื่นจัดพิมพ์ขึ้นโดยเลียนแบบเช็คของธนาคารศรีนคร จำกัด สาขาเล่งเน่ยยี่ เช็คของกลางจึงเป็นเช็คปลอมโดยเป็นการปลอมเช็คของธนาคารศรีนครจำกัดสาขาเล่งเน่ยยี่ขึ้นทั้งฉบับ" ข้อความตามฎีกาโจทก์ดังนี้มิได้กล่าวในฟ้องศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัยให้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยนำเอาเช็คระบุชื่อธนาคารศรีนคร จำกัด สาขาเล่งเน่ยยี่ สั่งจ่ายเงิน 4,000 บาทมาใช้แก่ผู้เสียหายอันเป็นเอกสารสิทธิและเป็นตั๋วเงินปลอม ซึ่งมีผู้ทำปลอมขึ้นทั้งฉบับ แต่ฎีกาว่า "เช็คของกลางเป็นเช็คที่มีผู้อื่นจัดพิมพ์ขึ้นโดยเลียนแบบเช็คของธนาคารศรีนคร จำกัด สาขาเล่งเน่ยยี่ เช็คของกลางจึงเป็นเช็คปลอมโดยเป็นการปลอมเช็คของธนาคารศรีนครจำกัดสาขาเล่งเน่ยยี่ขึ้นทั้งฉบับ" ข้อความตามฎีกาโจทก์ดังนี้มิได้กล่าวในฟ้องศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3380/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การออกเช็คที่ไม่มีเงินในบัญชี ไม่ถือเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ แต่เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยนำเอาแบบพิมพ์ที่มีรายการระบุว่าเป็นเช็ค ระบุชื่อธนาคารศรีนคร จำกัด สาขาเล่งเน่ยยี่ หมายเลขบี 10105906 มา กรอกรายการและเซ็นชื่อของจำเลยออกให้แก่ผู้เสียหาย โดยจำเลยไม่มีเงินฝากในธนาคารศรีนคร จำกัด ดังนี้ ไม่เป็นการปลอมเอกสารสิทธิเพราะจำเลยลงชื่อของจำเลยเอง มิได้ปลอมลายมือชื่อของผู้ใดและการสั่งจ่ายเงินโดยไม่มีเงินฝากหรือมีนิติสัมพันธ์อย่างใดกับธนาคารนั้นฯ ก็ไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยนำเอาเช็คระบุชื่อธนาคารศรีนคร จำกัดสาขาเล่งเน่ยยี่ สั่งจ่ายเงิน 4,000 บาทมาใช้แก่ผู้เสียหายอันเป็นเอกสารสิทธิและเป็นตั๋วเงินปลอม ซึ่งมีผู้ทำปลอมขึ้นทั้งฉบับแต่ฎีกาว่า "เช็คของกลางเป็นเช็คที่มีผู้อื่นจัดพิมพ์ขึ้นโดยเลียนแบบเช็คของธนาคารศรีนคร จำกัด สาขาเล่งเน่ยยี่ เช็คของกลางจึงเป็นเช็คปลอมโดยเป็นการปลอมเช็คของธนาคารศรีนคร จำกัด สาขาเล่งเน่ยยี่ขึ้นทั้งฉบับ" ข้อความตามฎีกาโจทก์ดังนี้มิได้กล่าวในฟ้อง ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัยให้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยนำเอาเช็คระบุชื่อธนาคารศรีนคร จำกัดสาขาเล่งเน่ยยี่ สั่งจ่ายเงิน 4,000 บาทมาใช้แก่ผู้เสียหายอันเป็นเอกสารสิทธิและเป็นตั๋วเงินปลอม ซึ่งมีผู้ทำปลอมขึ้นทั้งฉบับแต่ฎีกาว่า "เช็คของกลางเป็นเช็คที่มีผู้อื่นจัดพิมพ์ขึ้นโดยเลียนแบบเช็คของธนาคารศรีนคร จำกัด สาขาเล่งเน่ยยี่ เช็คของกลางจึงเป็นเช็คปลอมโดยเป็นการปลอมเช็คของธนาคารศรีนคร จำกัด สาขาเล่งเน่ยยี่ขึ้นทั้งฉบับ" ข้อความตามฎีกาโจทก์ดังนี้มิได้กล่าวในฟ้อง ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2345/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอม: ศาลฎีกายกฟ้องเมื่อศาลอุทธรณ์เปลี่ยนคำพิพากษาโดยไม่มีอำนาจ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกับพวกปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยปลอมเอกสารและลงโทษฐานนี้ จำเลยอุทธรณ์โจทก์ไม่อุทธรณ์ ข้อหาฐานใช้เอกสารปลอมจึงยุติไปแล้ว ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยความผิดฐานใช้เอกสารปลอมอีก เมื่อศาลอุทธรณ์ว่าฟังไม่ได้ว่าจำเลยปลอมเอกสาร แล้วกลับฟังว่าจำเลยใช้เอกสารปลอม และพิพากษาลงโทษฐานนี้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนนี้จึงไม่ชอบเมื่อจำเลยฎีกาต่อมา ส่วนโจทก์ไม่ฎีกา ข้อหาฐานปลอมเอกสารจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้เป็นให้ยกฟ้องทั้ง 2 ข้อหา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 710/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีปลอมแปลงเอกสาร: ความเสียหายที่ต้องพิสูจน์ และขอบเขตการอุทธรณ์
ข้อความในเอกสารซึ่งจำเลยปลอมลายมือชื่อของ จ. ผู้เสียหายน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริงโจทก์ฟ้องว่าน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย แม้จำเลยรับสารภาพแต่ศาลเห็นว่าไม่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย ศาลก็พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงว่า จำเลยปลอมลายมือชื่อ จ. ผู้เสียหายลงในเอกสารคำร้อง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ จ. ผู้เสียหายและ น.พนักงานเจ้าหน้าที่ศาลแขวงพิพากษาว่า ที่โจทก์อ้างว่าอาจจะเกิดความเสียหายแก่ จ. นั้น โจทก์มิได้บรรยายว่าจะเกิดความเสียหายอย่างใด จึงไม่อาจจะพิเคราะห์ได้. ส่วนที่อ้างว่าน่าจะเกิดความเสียหายแก่ น. นั้น ตามคำร้องไม่อาจทำให้ น.เสียหาย พิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา ศาลฎีการับวินิจฉัยข้อที่ว่า ฟ้องที่เกี่ยวกับ จ.นั้นสมบูรณ์หรือไม่ เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายและรับวินิจฉัยข้อที่ว่าน่าจะเกิดความเสียหายแก่ จ.หรือไม่เพราะศาลแขวงยกฟ้องด้วยข้อกฎหมาย แต่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องด้วยข้อเท็จจริง โดยได้วินิจฉัยว่ายังไม่เกิดความเสียหายแก่ จ.โจทก์จึงมีสิทธิฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการเสียหายแก่ จ.ส่วนข้อที่ว่าน่าจะเกิดความเสียหายแก่น.หรือไม่นั้น ศาลแขวงยกฟ้องโดยฟังว่าไม่อาจทำให้น. เสียหาย โจทก์จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์โต้แย้งแม้โจทก์จะอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงนี้
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงว่า จำเลยปลอมลายมือชื่อ จ. ผู้เสียหายลงในเอกสารคำร้อง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ จ. ผู้เสียหายและ น.พนักงานเจ้าหน้าที่ศาลแขวงพิพากษาว่า ที่โจทก์อ้างว่าอาจจะเกิดความเสียหายแก่ จ. นั้น โจทก์มิได้บรรยายว่าจะเกิดความเสียหายอย่างใด จึงไม่อาจจะพิเคราะห์ได้. ส่วนที่อ้างว่าน่าจะเกิดความเสียหายแก่ น. นั้น ตามคำร้องไม่อาจทำให้ น.เสียหาย พิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา ศาลฎีการับวินิจฉัยข้อที่ว่า ฟ้องที่เกี่ยวกับ จ.นั้นสมบูรณ์หรือไม่ เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายและรับวินิจฉัยข้อที่ว่าน่าจะเกิดความเสียหายแก่ จ.หรือไม่เพราะศาลแขวงยกฟ้องด้วยข้อกฎหมาย แต่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องด้วยข้อเท็จจริง โดยได้วินิจฉัยว่ายังไม่เกิดความเสียหายแก่ จ.โจทก์จึงมีสิทธิฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการเสียหายแก่ จ.ส่วนข้อที่ว่าน่าจะเกิดความเสียหายแก่น.หรือไม่นั้น ศาลแขวงยกฟ้องโดยฟังว่าไม่อาจทำให้น. เสียหาย โจทก์จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์โต้แย้งแม้โจทก์จะอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงนี้