คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 264

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 438 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 710/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีทำเอกสารปลอม: การวินิจฉัยความเสียหายและขอบเขตการอุทธรณ์
ข้อความในเอกสารซึ่งจำเลยปลอมลายมือชื่อของ จ. ผู้เสียหาย น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง โจทก์ฟ้องว่าน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย แม้จำเลยรับสารภาพ แต่ศาลเห็นว่าไม่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย ศาลก็พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงว่า จำเลยปลอมลายมือชื่อ จ. ผู้เสียหายลงในเอกสารคำร้อง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ จ. ผู้เสียหาย และ น.พนักงานเจ้าหน้าที่ศาลแขวงพิพากษาว่า ที่โจทก์อ้างว่าอาจจะเกิดความเสียหายแก่ จ. นั้น โจทก์มิได้บรรยายว่าจะเกิดความเสียหายอย่างใด จึงไม่อาจจะพิเคราะห์ได้. ส่วนที่อ้างว่าน่าจะเกิดความเสียหายแก่ น. นั้น ตามคำร้องไม่อาจทำให้ น.เสียหาย พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา ศาลฎีการับวินิจฉัยข้อที่ว่า ฟ้องที่เกี่ยวกับ จ.นั้นสมบูรณ์หรือไม่ เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายและรับวินิจฉัยข้อที่ว่าน่าจะเกิดความเสียหายแก่ จ.หรือไม่เพราะศาลแขวงยกฟ้องด้วยข้อกฎหมาย แต่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องด้วยข้อเท็จจริง โดยได้วินิจฉัยว่ายังไม่เกิดความเสียหายแก่ จ. โจทก์จึงมีสิทธิฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการเสียหายแก่ จ. ส่วนข้อที่ว่าน่าจะเกิดความเสียหายแก่น.หรือไม่นั้น ศาลแขวงยกฟ้อง โดยฟังว่าไม่อาจทำให้น. เสียหาย โจทก์จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์โต้แย้ง แม้โจทก์จะอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารทำโดยผู้มีอำนาจ แม้ไม่ตรงความจริง ไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร การแจ้งความเท็จไม่ทำให้เกิดความผิดฐานกักขัง
เอกสารที่บุคคลผู้มีอำนาจหน้าที่กระทำได้ ได้ทำขึ้นนั้นแม้ข้อความในเอกสารนั้นจะไม่ตรงกับความจริง ก็หาเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารไม่
จำเลยไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่า โจทก์ยักยอกทรัพย์จนโจทก์ถูกพนักงานสอบสวนกักขัง ก็เป็นเรื่องที่พนักงานสอบสวนใช้ดุลพินิจว่าจะกักขังโจทก์หรือไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 310

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารทำโดยผู้มีอำนาจ แม้ไม่ตรงความจริง ไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร การแจ้งความเท็จไม่ทำให้เกิดความผิดฐานกักขัง
เอกสารที่บุคคลผู้มีอำนาจหน้าที่กระทำได้ ได้ทำขึ้นนั้น แม้ข้อความในเอกสารนั้นจะไม่ตรงกับความจริง ก็หาเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารไม่
จำเลยไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่า โจทก์ยักยอกทรัพย์ จนโจทก์ถูกพนักงานสอบสวนกักขัง ก็เป็นเรื่องที่พนักงานสอบสวนใช้ดุลพินิจว่าจะกักขังโจทก์หรือไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2245/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารทางราชการที่ออกตามหน้าที่ แม้ข้อความไม่ตรงกับความจริง ไม่ถือเป็นเอกสารปลอม
จำเลยที่ 4 เป็นนายทะเบียนตำบล มีหน้าที่ออกมรณบัตรในกรณีที่มีผู้ถึงแก่ความตายจำเลยที่ 4 ได้ออกมรณบัตรให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีข้อความแสดงว่า นาย ท.ราษฎรในตำบลนั้น ได้ถึงแก่ความตายแล้ว ซึ่งเป็นความเท็จความจริงนาย ท. ยังมีชีวิตอยู่ ดังนี้ เอกสารที่จำเลยที่ 4ออกนั้น ได้ออกให้ตามหน้าที่ที่เป็นนายทะเบียนจึงเป็นเอกสารอันแท้จริงของจำเลยที่ 4 แม้ข้อความในเอกสารจะไม่ตรงต่อความจริง ก็ไม่ทำให้เอกสารนั้นกลายเป็นเอกสารปลอม จำเลยที่ 4 จึงยังไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2245/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารทางราชการที่ออกตามหน้าที่ แม้ข้อความไม่ตรงกับความจริง ไม่เป็นเอกสารปลอม
จำเลยที่ 4 เป็นนายทะเบียนตำบล มีหน้าที่ออกมรณบัตรในกรณีที่มีผู้ถึงแก่ความตายจำเลยที่ 4 ได้ออกมรณบัตรให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีข้อความแสดงว่า นาย ท.ราษฎรในตำบลนั้น ได้ถึงแก่ความตายแล้ว ซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงนาย ท. ยังมีชีวิตอยู่ ดังนี้เอกสารที่จำเลยที่ 4 ออกนั้น ได้ออกให้ตามหน้าที่ที่เป็นนายทะเบียน จึงเป็นเอกสารอันแท้จริงของจำเลยที่ 4 แม้ข้อความในเอกสารจะไม่ตรงต่อความจริง ก็ไม่ทำให้เอกสารนั้นกลายเป็นเอกสารปลอม จำเลยที่ 4 จึงยังไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1871/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนย้ายแร่เพื่อความปลอดภัยไม่ต้องเสียค่าภาคหลวงก่อน เอกสารไม่ใช่ใบขนปลอม
ก่อนที่จะมีพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 ออกใช้บังคับการขนย้ายแร่ออกนอกเขตเหมืองไปเก็บรักษาเพื่อความปลอดภัย มิใช่กรณีที่จะส่งออกไปนอกราชอาณาจักร หรือเพื่อจำหน่ายภายในราชอาณาจักร ไม่จำต้องมีใบขนแร่ และไม่ต้องเสียค่าภาคหลวงก่อนที่จะทำการขนแร่
จำเลยเขียนข้อความไว้ตอนบนของหนังสือกำกับนำแร่เคลื่อนที่ว่า "ใบขนเลขที่ 280/08 ลงวันที่ 3 มิถุนายน 2508 และใบขนเลขที่ 290/08 ลงวันที่ 3 มิถุนายน 2508" เมื่อข้อความที่จำเลยเขียนไม่ใช่ข้อความที่กฎหมายบังคับให้ต้องเขียนไว้ การที่จำเลยเขียนข้อความดังกล่าวก็ไม่ทำให้หนังสือกำกับนำแร่เคลื่อนที่มีลักษณะเป็นใบขนแร่ไปได้ และแม้จำเลยจะเขียนไว้เพื่อแสดงว่าแร่ที่ขนย้ายมานั้นได้เสียค่าภาคหลวงแล้ว ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง แต่เมื่อการขนย้ายแร่ในกรณีเช่นนี้ไม่จำต้องมีใบขน ไม่จำต้องเสียค่าภาคหลวงก่อนทำการขน และต่อมาภายหลังได้เสียค่าภาคหลวงถูกต้องครบถ้วนแล้ว เช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่การกระทำที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น จำเลยจึงยังไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารหรือเอกสารสิทธิ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1750/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตั๋วแลกเงินจริง vs. ปลอม: การรับรองตั๋วแลกเงินเกินอำนาจระเบียบธนาคาร ไม่ถือเป็นตั๋วปลอม
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ต่างออกตั๋วแลกเงิน โดยจำเลยที่ 4 ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการธนาคารสาขา ลงลายมือชื่อและประทับตราของธนาคารรับรองตั๋วแลกเงินฉบับนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 ลงลายมือชื่อตนเป็นผู้สั่งจ่ายในนามของตนเอง ไม่ใช่ทำปลอมในนามของบุคคลอื่น หรือเจตนาจะให้เข้าใจว่าเป็นตั๋วแลกเงินของบุคคลอื่นตั๋วแลกเงินฉบับนั้นจึงเป็นตั๋วแลกเงินอันแท้จริงของจำเลยที่ 2 และที่ 3 และทั้งลายมือชื่อผู้รับรองตั๋วแลกเงินก็เป็นลายมือชื่ออันแท้จริงของจำเลยที่ 4 ซึ่งกระทำไปในฐานะผู้จัดการธนาคาร สาขา ตามอำนาจที่ได้รับมอบหมาย ตราที่ประทับก็เป็นตราที่แท้จริงของธนาคารดังกล่าว แม้จำเลยที่ 4 กระทำเกินกว่าอำนาจที่ระเบียบของธนาคารกำหนดให้ไว้ ก็เป็นเพียงระเบียบภายใน หาทำให้ตั๋วแลกเงินซึ่งจำเลยที่ 4 รับรองนั้น เป็นตั๋วแลกเงินปลอมขึ้นมาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำสำเนาเอกสารสิทธิที่มีข้อความเท็จและลงนามรับรอง ถือเป็นการปลอมเอกสาร แม้ไม่มีต้นฉบับ
ทำเอกสารมีข้อความเป็นเท็จทั้งสิ้น และจำเลยเซ็นชื่อรับรองว่าเป็นสำเนาอันถูกต้อง แม้ต้นฉบับอันแท้จริงไม่มี ก็เท่ากับเป็นการปลอมเอกสารขึ้นทั้งหมดเพื่อให้เห็นว่าคัดมาจากต้นฉบับที่แท้จริง ถือได้ว่าเป็นการทำเอกสารปลอม
(อ้างฎีกาที่ 1472/2496)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำสำเนาเอกสารเท็จและลงนามรับรอง ย่อมถือเป็นการปลอมเอกสาร แม้ไม่มีต้นฉบับ
ทำเอกสารมีข้อความเป็นเท็จทั้งสิ้น และจำเลยเซ็นชื่อรับรองว่าเป็นสำเนาอันถูกต้อง แม้ต้นฉบับอันแท้จริงไม่มี ก็เท่ากับเป็นการปลอมเอกสารขึ้นทั้งหมดเพื่อให้เห็นว่าคัดมาจากต้นฉบับที่แท้จริง ถือได้ว่าเป็นการทำเอกสารปลอม (อ้างฎีกาที่ 1472/2496)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คที่มิได้ออกโดยธนาคารแต่มีลายมือชื่อผู้สั่งจ่าย มิใช่เช็คปลอม ไม่มีความผิดฐานใช้ตั๋วเงินปลอม
ลำพังแต่แบบพิมพ์เช็คที่ธนาคารได้จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อให้ลูกค้าของธนาคารใช้เป็นหนังสือตราสาร คำสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินแก่ผู้รับเงินที่ยังไม่ได้ลงชือผู้สั่งจ่ายและกรอกรายการอื่นดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 988 ให้ครบถ้วนบริบูรณ์ แบบพิมพ์นั้นก็ยังไม่เป็นเช็คหรือตั๋วเงินที่ใช้ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
ถึงแม้แบบพิมพ์ที่จำเลยใช้กรอกข้อความรายการทำให้ใช้ได้เป็นเช็ค จะมิใช่แบบพิมพ์เช็คที่ธนาคารได้จัดพิมพ์ขึ้นไว้ให้ใช้ เมื่อปรากฏว่าลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายเป็นลายมือชื่อของจำเลยเอง มิได้ปลอมลายมือชื่อของบุคคลอื่นใด เช็คนั้นย่อมไม่ใช่เอกสารปลอมหรือตั๋วเงินปลอม
เมื่อเอกสารที่จำเลยนำไปใช้ไม่ใช่เป็นตั๋วเงินปลอม แม้จำเลยจะนำไปใช้ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน จำเลยก็ยังไม่มีความผิดฐานใช้ตั๋วเงินปลอม
of 44