พบผลลัพธ์ทั้งหมด 676 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2240/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีสัญญาเช่าและการใช้สิทธิเรียกร้องตามสัญญาฉบับใหม่
คำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลหมายเรียกบริษัทบ.เข้ามาเป็นจำเลยร่วมนั้นอ้างเหตุว่าจำเลยได้ทำสัญญาเช่าโรงแรมพิพาทจากบริษัทดังกล่าวซึ่งเป็นผู้จะซื้อโรงแรมพิพาทจากโจทก์โดยโจทก์มอบอำนาจให้บริษัทบ.เป็นตัวแทนในการที่จะให้บุคคลภายนอกเช่าโรงแรมพิพาทได้จำเลยได้ชำระค่าเช่าล่วงหน้าและค่าเช่าประจำเดือนให้แก่บริษัทดังกล่าวไปแล้วหากจำเลยแพ้คดีโจทก์จำเลยย่อมมีสิทธิฟ้องไล่เบี้ยจากบริษัทบ.ในฐานะที่เป็นผู้ผิดสัญญาเช่าที่ทำไว้กับจำเลยได้ตามคำร้องของจำเลยดังกล่าวแสดงว่าจำเลยมีสิทธิที่จะใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินที่เช่าต่อไปโดยอาศัยสัญญาเช่าฉบับใหม่ที่ทำขึ้นระหว่างบริษัทบ.กับจำเลยมิใช่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์กรณีมีเหตุสมควรที่จะเรียกบริษัทบ. เข้ามาในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา57(3)(ก) จำเลยฎีกาขอให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่จำเลยต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเพียง200บาทตามตาราง1(2)ผขแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งจึงให้คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินให้แก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2240/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเรียกบริษัทเข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีเช่า กรณีมีสิทธิไล่เบี้ยตามสัญญาเช่า
คำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลหมายเรียกบริษัท บ.เข้ามาเป็นจำเลยร่วมนั้นอ้างเหตุว่าจำเลยได้ทำสัญญาเช่าโรงแรมพิพาทจากบริษัทดังกล่าวซึ่งเป็นผู้จะซื้อโรงแรมพิพาทจากโจทก์ โดยโจทก์มอบอำนาจให้บริษัท บ.เป็นตัวแทนในการที่จะให้บุคคลภายนอกเช่าโรงแรมพิพาทได้ จำเลยได้ชำระค่าเช่าล่วงหน้าและค่าเช่าประจำเดือนให้แก่บริษัทดังกล่าวไปแล้ว หากจำเลยแพ้คดีโจทก์ จำเลยย่อมมีสิทธิฟ้องไล่เบี้ยจากบริษัท บ.ในฐานะที่เป็นผู้ผิดสัญญาเช่าที่ทำไว้กับจำเลยได้ตามคำร้องของจำเลยดังกล่าวแสดงว่าจำเลยมีสิทธิที่จะใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินที่เช่าต่อไปโดยอาศัยสัญญาเช่าฉบับใหม่ที่ทำขึ้นระหว่างบริษัท บ.กับจำเลย มิใช่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ กรณีมีเหตุสมควรที่จะเรียกบริษัท บ.เข้ามาในคดีตาม ป.วิ.พ.ความแพ่ง มาตรา 57 (3) (ก)
จำเลยฎีกาขอให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ จำเลยต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเพียง 200 บาท ตามตาราง 1(2) (ข) แห่ง ป.วิ.พ. จึงให้คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินให้แก่จำเลย
จำเลยฎีกาขอให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ จำเลยต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเพียง 200 บาท ตามตาราง 1(2) (ข) แห่ง ป.วิ.พ. จึงให้คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินให้แก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2039/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องการพนันสลากกินรวบไม่เคลือบคลุมหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์เพียงพอต่อการเข้าใจข้อหา
คำบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ว่า เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2537เวลากลางวัน จำเลยกับพวกที่หลบหนีร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบอันเป็นการพนันที่ระบุไว้ในบัญชี ข. อันดับที่ 16ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 พนันเอาทรัพย์สินกันโดยจำเลยเป็นเจ้ามือสลากกินรวบรับกินรับใช้ ส่วนพวกที่หลบหนี เป็นลูกค้าผู้เข้าร่วมเล่นการพนันโดยเป็นผู้ซื้อสลากกินรวบเป็นการบรรยายการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้นพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วส่วนการกระทำที่ว่าถือเอาเลขสองตัวหรือสามตัวของรางวัลที่ 1 ตรงไหนเป็นเลขถูกรางวัลสลากกินรวบเป็นวิธีการเล่นการพนันสลากกินรวบ ซึ่งเป็นรายละเอียดที่โจทก์ไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้อง ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2039/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญา: รายละเอียดวิธีการเล่นพนันไม่จำเป็นต้องระบุในฟ้อง
คำบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ว่าเมื่อวันที่1เมษายน2537เวลากลางวันจำเลยกับพวกที่หลบหนีร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบอันเป็นการพนันที่ระบุไว้ในบัญชีข.อันดับที่16ท้ายพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ.2478พนันเอาทรัพย์สินกันโดยจำเลยเป็นเจ้ามือสลากกินรวบรับกินรับใช้ส่วนพวกที่หลบหนีเป็นลูกค้าผู้เข้าร่วมเล่นการพนันโดยเป็นผู้ซื้อสลากกินรวบเป็นการบรรยายการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้นพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วส่วนการกระทำที่ว่าถือเอาเลขสองตัวหรือสามตัวของรางวัลที่1ตรงไหนเป็นเลขถูกรางวัลสลากกินรวบเป็นวิธีการเล่นการพนันสลากกินรวบซึ่งเป็นรายละเอียดที่โจทก์ไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้องฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2015/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยเพิ่มจากอัตราที่ตกลงกันในสัญญากู้ยืม ศาลไม่อนุมัติหากโจทก์ไม่แจ้งพฤติการณ์พิเศษและจำเลยไม่ยินยอม
ค่าเสียหายที่ว่าถ้าจำเลยไม่ผิดนัดโจทก์จะได้ประโยชน์จากการเอาเงินที่จำเลยชำระไปให้ลูกค้ารายอื่นของโจทก์กู้ยืมโจทก์จะได้ดอกเบี้ยตามอัตราที่ประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าอัตราที่โจทก์เรียกเก็บได้จากจำเลยนั้นเป็นค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษ และโจทก์มิได้แจ้งให้จำเลยทราบล่วงหน้า ทั้งจำเลยยังไม่ได้รับทราบหรือยินยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยในอัตราดังกล่าวแต่อย่างใด กรณีจึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้คาดเห็นล่วงหน้าก่อนว่าการผิดนัดของจำเลยทำให้โจทก์เสียหายมากกว่าดอกเบี้ยในอัตราที่โจทก์เรียกเก็บจากจำเลยขณะผิดนัด โจทก์จึงไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยเพิ่มจากร้อยละ 15.5 ต่อปีเป็นร้อยละ 16.5 ต่อปี ร้อยละ 17 ต่อปีร้อยละ 18.5 ต่อปี หลังจากครบกำหนดชำระเงินคืนแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2015/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายพิเศษจากการผิดนัดชำระหนี้ ผู้เสียหายต้องพิสูจน์การคาดเห็นถึงความเสียหายที่เพิ่มขึ้น
ค่าเสียหายที่ว่าถ้าจำเลยไม่ผิดนัดโจทก์จะได้ประโยชน์จากการเอาเงินที่จำเลยชำระไปให้ลูกค้ารายอื่นของโจทก์กู้ยืม โจทก์จะได้ดอกเบี้ยตามอัตราที่ประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าอัตราที่โจทก์เรียกเก็บได้จากจำเลยนั้น เป็นค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษ และโจทก์มิได้แจ้งให้จำเลยทราบล่วงหน้า ทั้งจำเลยยังไม่ได้รับทราบหรือยินยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยในอัตราดังกล่าวแต่อย่างใด กรณีจึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้คาดเห็นล่วงหน้าก่อนว่าการผิดนัดของจำเลยทำให้โจทก์เสียหายมากกว่าดอกเบี้ยในอัตราที่โจทก์เรียกเก็บจากจำเลยขณะผิดนัด โจทก์จึงไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยเพิ่มจากร้อยละ 15.5 ต่อปีเป็นร้อยละ 16.5 ต่อปี ร้อยละ 17 ต่อปี ร้อยละ 18.5 ต่อปี หลังจากครบกำหนดชำระเงินคืนแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1859/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการขอเพิกถอนการขายทอดตลาดในคดีล้มละลาย หากราคาขายต่ำเกินไป และเจ้าพนักงานบังคับคดีมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งได้รับมอบหมายจาก เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ทำการ ขายทอดตลาดแทนมีฐานะเป็น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทรัพย์สินของจำเลยในราคาต่ำทำให้จำเลยได้รับความเสียหายจำเลยจึงมีสิทธิยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลภายในกำหนดเวลา14วันนับแต่วันที่ได้ทราบขอให้ศาล เพิกถอนการขายและประกาศขายทอดตลาดใหม่ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา146กรณีไม่อยู่ในบังคับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296วรรคสองที่จะอนุโลมนำมาใช้ได้เพราะพระราชบัญญัติล้มละลายฯบัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1856/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหย่าจากพฤติกรรมร้ายแรง: การหมิ่นประมาทและเหยียดหยามอย่างรุนแรงเป็นเหตุให้ฟ้องหย่าได้
จำเลยด่าโจทก์ต่อหน้าธารกำนัลว่า"อีดอกทองมึงไปประชุมที่โรงแรมก็ไปนอนให้เขาเย็ดๆ""มึงมีชู้จนหีเน่าต้องไปตัดหี"เป็นถ้อยคำหมิ่นประมาทและเหยียดหยามโจทก์สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่โจทก์ซึ่งดำรงตำแหน่งครูใหญ่และผู้จัดการโรงเรียนจึงเป็นเรื่องร้ายแรงเกินควรแก่สภาพและฐานะของโจทก์อันจะพึงรับได้กรณีมีเหตุตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1516(2)(ค)(3)ที่โจทก์จะฟ้องหย่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1856/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทและเหยียดหยามอย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้ฟ้องหย่าได้
จำเลยด่าโจทก์ต่อหน้าธารกำนัลว่า "อีดอกทอง มึงไปประชุมที่โรงแรมก็ไปนอนให้เขาเย็ด..." "...มึงมีชู้จนหีเน่า ต้องไปตัดหี..." เป็นถ้อยคำหมิ่นประมาทและเหยียดหยามโจทก์ สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่โจทก์ ซึ่งดำรงตำแหน่งครูใหญ่และผู้จัดการโรงเรียน จึงเป็นเรื่องร้ายแรงเกินควรแก่สภาพและฐานะของโจทก์อันจะพึงรับได้ กรณีมีเหตุตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 (2) (ค) (3)ที่โจทก์จะฟ้องหย่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1846/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละมรดกทำได้โดยหนังสือมอบแก่พนักงานเจ้าหน้าที่หรือสัญญาประนีประนอมยอมความ
การ สละมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1612ต้องทำ เป็นหนังสือมอบไว้แก่ พนักงานเจ้าหน้าที่คือ นายอำเภอตาม กฎกระทรวงมหาดไทย พ.ศ.2481และ พระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินฯ หรือทำเป็น สัญญาประนีประนอมยอมความตามมาตรา850ดังนั้นแม้ เจ้าพนักงานที่ดินมิใช่ พนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจดังกล่าวแต่เมื่อข้อความในเอกสารเป็นการ ประนีประนอมยอมความโดยโจทก์ผู้รับผิดในฐานะ ผู้สละมรดกและจำเลยในฐานะ ผู้รับมรดกได้ลงชื่อไว้จึงเป็นการ สละมรดกโดยชอบ