พบผลลัพธ์ทั้งหมด 676 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1312/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองบุตรและการสืบสิทธิมรดกโดยชอบธรรม
ผู้ตายได้แสดงออกกับชาวบ้านในละแวกนั้นว่า นาย ต.เป็นบุตรของผู้ตายและพักอาศัยอยู่ด้วยกันกับผู้ตาย และให้ใช้นามสกุลของผู้ตายด้วย เมื่อครั้นนาย ต.แต่งงานกับมารดาของผู้คัดค้านก็ได้มาอยู่กินกันที่บ้านของผู้ตายตลอดจนผู้คัดค้านเกิด ผู้ตายก็แสดงออกว่าผู้คัดค้านเป็นหลานของผู้ตาย จึงฟังได้ว่านาย ต.เป็นบุตรของผู้ตายซึ่งผู้ตายได้รับรองแล้ว จึงมีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย เมื่อนาย ต.ถึงแก่ความตายก่อนผู้ตาย ผู้คัดค้านจึงมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายแทนที่นาย ต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1312/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบสิทธิในมรดกของบุตรที่เกิดจากภรรยาและเมียน้อย ผู้ตายรับรองสิทธิ
ผู้ตายได้แสดงออกกับชาวบ้านในละแวกนั้นว่า นาย ต. เป็นบุตรของผู้ตายและพักอาศัยอยู่ด้วยกันกับผู้ตาย และให้ใช้นามสกุลของผู้ตายด้วย เมื่อครั้นนาย ต. แต่งงานกับมารดาของผู้คัดค้านก็ได้มาอยู่กินกันที่บ้านของผู้ตายตลอดจนผู้คัดค้านเกิด ผู้ตายก็แสดงออกว่าผู้คัดค้านเป็นหลานของผู้ตาย จึงฟังได้ว่านาย ต.เป็นบุตรของผู้ตายซึ่งผู้ตายได้รับรองแล้ว จึงมีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย เมื่อนาย ต. ถึงแก่ความตายก่อนผู้ตาย ผู้คัดค้านจึงมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายแทนที่นาย ต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1312/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับมรดกโดยบุตรที่ได้รับการรับรอง และการพิสูจน์สถานะความเป็นบุตรจากเอกสารมหาชน
สำเนาทะเบียนบ้านเป็นเอกสารมหาชนซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้นหรือรับรองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้อง เป็นหน้าที่ของคู่ความฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายันต้องนำสืบความไม่ถูกต้องของเอกสาร เมื่อไม่มีพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักเพียงพอมาสืบหักล้างจึงต้องถือว่าสำเนาทะเบียนบ้านนั้นถูกต้องแล้ว ผู้ตายได้รับรองว่าต.เป็นบุตรของตนต.จึงมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายเมื่อต.ตายก่อนผู้ตาย ผู้คัดค้านซึ่งเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของ ต.จึงมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายแทนที่ ต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1310/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: การไม่อุทธรณ์คำพิพากษาตามยอมทำให้สิทธิในการเพิกถอนสัญญาหมดไป
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาล และศาลพิพากษาตามยอมแล้ว ถ้าโจทก์เห็นว่าไม่ถูกต้องก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาตามยอมดังกล่าวได้หากเข้ากรณีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 เมื่อโจทก์ไม่อุทธรณ์จนคดีถึงที่สุดไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1235/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อระบุให้ผู้เช่าซื้อรับผิดชอบค่าเช่าซื้อครบถ้วนแม้รถสูญหาย ข้อตกลงไม่ขัดกฎหมาย
สัญญาเช่าซื้อระบุว่า ในกรณีที่รถยนต์ที่เช่าซื้อสูญหายผู้เช่าซื้อจะต้องชำระค่าเช่าซื้อทั้งสิ้นจนครบ หมายความว่าผู้เช่าซื้อจะต้องชำระราคารถยนต์ที่เช่าซื้อที่ยังไม่ได้ชำระตามสัญญาจนครบ เพราะมิได้ระบุให้ผู้เช่าซื้อผ่อนชำระเป็นงวด ๆดังกรณีที่ทรัพย์ที่เช่าซื้อไม่สูญหาย และข้อตกลงดังกล่าวไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 567 หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1210/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุของจำเลยที่ศาลไม่ทราบตั้งแต่ต้น ศาลฎีกาพิจารณาเองได้ตามกฎหมาย
จำเลยอายุ 15 ปีเศษ ในขณะกระทำความผิด อันอยู่ในอำนาจของศาลเยาวชนและครอบครัว แต่ข้อเท็จจริงในเรื่องอายุของจำเลยมิได้ปรากฏขึ้นในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นที่มีอำนาจพิจารณาคดีธรรมดา แต่ปรากฏในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาและได้ทำการพิจารณาโดยศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว อันถือได้ว่าเป็นการโอนคดีไปยังศาล ที่มีอำนาจเพื่อพิจารณาพิพากษาต่อไปตามพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวพ.ศ. 2534 มาตรา 15 แล้ว จึงไม่ต้องโอนคดีไปยังศาลเยาวชนและครอบครัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1210/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุจำเลยเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาคดีเยาวชน แม้ข้อเท็จจริงเพิ่งปรากฏต่อศาลฎีกา
จำเลยอายุ 15 ปีเศษ ในขณะกระทำความผิด อันอยู่ในอำนาจของศาลเยาวชนและครอบครัว แต่ข้อเท็จจริงในเรื่องอายุของจำเลยมิได้ปรากฏขึ้นในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นที่มีอำนาจพิจารณาคดีธรรมดา แต่ปรากฏในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา และคดีนี้ได้ทำการพิจารณาโดยศาลฎีกาแผนกคดี-เยาวชนและครอบครัว อันถือได้ว่าเป็นการโอนคดีไปยังศาลที่มีอำนาจเพื่อพิจารณา-พิพากษาต่อไป ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดี-เยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2534 มาตรา 15 แล้ว จึงไม่ต้องโอนคดีไปยังศาล-เยาวชนและครอบครัว
จำเลยกระทำความผิดขณะอายุยังไม่เกิน 17 ปี จึงต้องลดมาตราส่วนโทษให้แก่จำเลยกึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 75
จำเลยกระทำความผิดขณะอายุยังไม่เกิน 17 ปี จึงต้องลดมาตราส่วนโทษให้แก่จำเลยกึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 75
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1210/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุผู้กระทำความผิดในชั้นฎีกาและการลดโทษตามกฎหมายอาญา
จำเลยอายุ 15 ปีเศษ ในขณะกระทำความผิด อันอยู่ในอำนาจของศาลเยาวชนและครอบครัว แต่ข้อเท็จจริงในเรื่องอายุของจำเลยมิได้ปรากฏขึ้นในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นที่มีอำนาจพิจารณาคดีธรรมดา แต่ปรากฏในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา และคดีนี้ได้ทำการพิจารณาโดยศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว อันถือได้ว่าเป็นการโอนคดีไปยังศาลที่มีอำนาจเพื่อพิจารณาพิพากษาต่อไปตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534 มาตรา 15 แล้ว จึงไม่ต้องโอนคดีไปยังศาลเยาวชนและครอบครัว จำเลยกระทำความผิดขณะอายุยังไม่เกิน 17 ปี จึงต้องลดมาตราส่วนโทษให้แก่จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1131/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวหรือหลายกรรม: เจตนาของผู้กระทำเป็นสำคัญ แม้กระทำผิดหลายฐานในคราวเดียว
การพิจารณาว่าการกระทำเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกันมิใช่จะพิจารณาแต่เพียงว่าถ้าเป็นการกระทำความผิดหลายฐานในครั้งเดียวคราวเดียวแล้วจะต้องเป็นกรรมเดียวเสมอไป การกระทำผิดหลายฐานในครั้งเดียวคราวเดียวอาจเป็นหลายกรรมต่างกันได้ หากผู้กระทำมีเจตนาที่จะให้เกิดผลต่างกันหรือประสงค์จะให้เกิดผลเป็นความผิดหลายฐาน จำเลยพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายและพรากผู้เสียหายไปจากมารดาของผู้เสียหาย ซึ่งได้กระทำในคราวเดียวกัน อันเป็นความผิดต่อผู้เสียหายกับเป็นความผิดต่อมารดาผู้เสียหาย ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดให้เกิดผลในกรรมในความผิดต่างฐานต่างหากจากกัน จึงเป็นความผิดหลายกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1120/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการเช่าซื้อค้างชำระ: ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาให้คิดค่าเสียหายจากการขาดประโยชน์จากการใช้รถยนต์เพิ่มเติม
โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาประการหนึ่ง และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ขาดประโยชน์จากการที่ยังไม่ได้รถยนต์ที่เช่าซื้อคืนอีกประการหนึ่ง ศาลล่างพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืน หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา 35,000 บาท ดังนี้ พิจารณาคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสอง แสดงว่าเป็นเพียงการกำหนดให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดใช้ราคารถยนต์กับค่าเสียหายที่โจทก์ขาดประโยชน์จากการใช้ทรัพย์รวมกันมาในกรณีที่จำเลยทั้งสองส่งมอบรถยนต์คืนไม่ได้เท่านั้น จึงต้องกำหนดค่าเสียหายที่โจทก์ขาดประโยชน์จากการใช้ทรัพย์ในกรณีที่จำเลยทั้งสองส่งมอบรถยนต์คืนโจทก์ได้เพิ่มขึ้นไว้ด้วย