พบผลลัพธ์ทั้งหมด 676 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1921/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: เจตนาเป็นเจ้าของสำคัญกว่าการรู้ว่าเป็นที่ดินของผู้อื่น
โจทก์และจำเลยซื้อที่ดินมีโฉนดจากเจ้าของกรรมสิทธิ์พร้อมกันแต่ได้เข้าครอบครองที่ดินสลับแปลงกัน แม้จำเลยจะครอบครองที่ดินของโจทก์โดยความเข้าใจผิดว่าเป็นที่ดินของตนเองแต่จำเลยก็ครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของไม่จำเป็นที่จำเลยจะต้องว่าเป็นที่ดินของโจทก์แล้วแย่งการครอบครองเกินกว่า 10 ปี จึงจะได้กรรมสิทธิ์ เมื่อการเข้าครอบครองนั้นเป็นการครอบครองด้วยความสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเกิน 10 ปี จำเลยย่อมได้กรรมสิทธิ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1889/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกสัญญาสัญญาเช่าซื้อโดยความยินยอม การยึดรถไม่ถือเป็นการผิดสัญญา
เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามกำหนด และโจทก์ไปยึดรถยนต์ที่เช่าซื้อคืน โดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้โต้แย้งการยึดรถยนต์คืน พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 ต่างสมัครใจเลิกสัญญาเช่าซื้อต่อกัน นับแต่วันที่โจทก์ยึดรถยนต์ที่เช่าซื้อคืน มิใช่เป็นกรณีที่ผู้เช่าซื้อหรือผู้ให้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 573 และมาตรา 574ดังนั้น การที่โจทก์ยึดรถยนต์คืนจากจำเลยที่ 1 จึงหาทำให้โจทก์ตกเป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าซื้อไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1778/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกเงินค่าใบยาสูบที่เหลือจากการซื้อขาย ไม่ใช่การฟ้องเรียกเงินทดรอง จึงใช้ อายุความ 10 ปี
โจทก์จำเลยติดต่อซื้อขายใบยาสูบแห้งกัน โจทก์จ่ายเงินทดรองให้แก่จำเลยเป็นค่าซื้อใบยาสูบแห้งล่วงหน้า เมื่อจำเลยส่งใบยาสูบแห้งให้โจทก์ก็คิดหักราคากันโดยจำเลยยอมเสียดอกเบี้ยให้โจทก์จากเงินทดรองที่ยังไม่ได้หักหนี้นับแต่วันรับเงินทดรองจนกว่าจะคืนเงินที่เหลือด้วย ต่อมาเมื่อคิดหักหนี้กันแล้วปรากฏว่ายังมีเงินค่าใบยาสูบแห้งที่จำเลยรับล่วงหน้าเหลือและดอกเบี้ย การที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่เหลือดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยมิใช่เป็นการฟ้องเรียกหนี้ค่าที่โจทก์ได้ออกเงินทดรองไปก่อนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/33(5) ซึ่งมีอายุความ 5 ปี จึงต้องใช้อายุความ 10 ปีตามมาตรา 193/30
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1778/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกเงินค่าใบยาสูบที่เหลือหลังหักกลบลบหนี้ ไม่ใช่การฟ้องเรียกเงินทดรองจ่าย
โจทก์จำเลยติดต่อซื้อขายใบยาสูบแห้งกัน โดยจำเลยรับเงินล่วงหน้าไปจากโจทก์ เมื่อจำเลยส่งใบยาสูบแห้งให้โจทก์ก็คิดหักราคากัน ต่อมาเมื่อคิดหักหนี้กันแล้วปรากฏว่ายังมีเงินค่าใบยาสูบแห้งที่จำเลยรับล่วงหน้าเหลืออยู่และดอกเบี้ย โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่เหลือดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยคืนมิใช่เป็นการฟ้องเรียกหนี้ค่าที่โจทก์ได้ออกเงินทดรองไปก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/33(5) ซึ่งมีอายุความ 5 ปี จึงต้องใช้อายุความ 10 ปีตามมาตรา 193/30
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1778/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกเงินเหลือจากซื้อขายใบยาสูบ: พิจารณาจากลักษณะการฟ้องเป็นหนี้ค่าของหรือทดรองจ่าย
โจทก์จำเลยติดต่อซื้อขายใบยาสูบแห้งกัน โดยจำเลยรับเงินล่วงหน้าไปจากโจทก์ เมื่อจำเลยส่งใบยาสูบแห้งให้โจทก์ก็คิดหักราคากัน ต่อมาเมื่อคิดหักหนี้กันแล้ว ปรากฏว่ายังมีเงินค่าใบยาสูบแห้งที่จำเลยรับล่วงหน้าเหลืออยู่และดอกเบี้ย โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่เหลือดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยคืนมิใช่เป็นการฟ้องเรียกหนี้ค่าที่โจทก์ได้ออกเงินทดรองไปก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/33 (5) ซึ่งมีอายุความ 5 ปี จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามมาตรา 193/30
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1729/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืนที่ใช้งานไม่ได้เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ แม้ไม่สามารถใช้ยิงได้
ตามมาตรา 4(1) แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490ที่แก้ไขแล้ว มิได้บัญญัติว่าอาวุธปืนจะต้องใช้ยิงได้จึงจะเป็นอาวุธปืน ดังนั้น การที่จำเลยมีปืนของกลางจำนวน 4 กระบอกไว้ในครอบครอง แม้จะปรากฏว่าปืนของกลางมีสภาพเก่า ลำกล้องมีสนิมขึ้นไม่สามารถใช้ยิงได้และบางกระบอกไม่มีด้ามปืน จำเลยก็มีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1729/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อาวุธปืนไม่มีสภาพใช้งานได้ ก็ยังถือเป็นอาวุธปืนตามกฎหมาย
ปืนของกลางแม้มีสภาพเก่า ลำกล้องมีสนิมขึ้นไม่สามารถใช้ยิงได้ และบางกระบอกไม่มีด้ามปืนก็ตาม ก็ถือเป็น "อาวุธปืน"ตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4(1)ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 3)พ.ศ. 2501 มาตรา 3 ดังนั้น การที่จำเลยมีอาวุธปืนของกลางไว้ในความครอบครอง จึงมีความผิดฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1629/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางภารจำยอม/ทางสาธารณะ: จำเลยปิดกั้นทางเดินที่โจทก์ใช้ประโยชน์ต่อเนื่องกว่า 10 ปี โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ทางพิพาทเป็นทางเดินบนคันคลองสาธารณะผ่านที่ดินของจำเลยซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ทั้งสามโจทก์ทั้งสามและบริวารได้ใช้ทางพิพาทนี้เดินไปมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษติดต่อกันมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว โจทก์ทั้งสามจึงได้ภารจำยอมโดยอายุความ หรือมิฉะนั้นทางพิพาทก็เป็นทางสาธารณประโยชน์ที่บุคคลทั่วไปมีสิทธิใช้สอยได้ ถือได้ว่าสภาพของทางพิพาทตามที่โจทก์บรรยายฟ้องมานั้นอาจเป็นได้ทั้งสองกรณี กล่าวคือ หากทางพิพาทเป็นที่ดินของจำเลยก็อาจตกเป็นภารจำยอม หากไม่เป็นที่ดินของจำเลยก็อาจเป็นทางสาธารณะได้ คำบรรยายฟ้องของโจทก์เช่นนี้ไม่ขัดแย้งกันไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1626/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อความในสัญญาซื้อขายโดยพยานบุคคล และผลกระทบต่อสินสมรสในคดีล้มละลาย
แม้การนำพยานบุคคลมาสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญาซื้อขายว่า น. ซื้อบ้านพิพาทแทน ก. จะเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 และเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อศาลฎีกาไม่เห็นสมควร ศาลฎีกาก็ไม่ยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1622/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: การรับฟังพยานหลักฐานและการนับระยะเวลายื่นอุทธรณ์
ในชั้นสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แม้เจ้าหนี้มีเพียงผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าหนี้ให้การยืนยันว่าจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้าง ฆ. แต่จำเลยที่ 2มิได้แถลงหรือให้การต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โต้แย้งคัดค้านว่าข้อเท็จจริงมิได้เป็นเช่นนั้น คำให้การของผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าหนี้ดังกล่าวรับฟังได้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 กำหนดให้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นภายใน 1 เดือน นับแต่วันอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น แต่ในกรณีที่มีการยื่นคำขอรับชำระหนี้ เมื่อเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้แล้ว เจ้าหนี้ย่อมไม่อาจทราบได้ว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะทำความเห็นส่งสำนวนเรื่องหนี้สินที่เจ้าหนี้ขอรับชำระไปยังศาลชั้นต้นเมื่อใด ทั้งไม่อาจทราบได้ว่าศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งเมื่อใด จึงต้องถือว่าวันที่เจ้าหนี้ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นวันที่ได้อ่านคำสั่งศาลชั้นต้นให้เจ้าหนี้ฟังและกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์เริ่มนับแต่วันนั้น