คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประสิทธิ์ แสนศิริ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 676 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 134/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องฎีกาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกา
เสมียนทนายจำเลยลงชื่อรับทราบข้อความที่ประทับไว้ในฎีกาว่าให้มาทราบคำสั่งในวันที่ 11 ธันวาคม 2534 ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบแล้ว ต่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาและให้จำเลยนำส่งสำเนาฎีกาแก่โจทก์ภายใน 7 วัน ดังนี้ ถือว่าจำเลยทราบคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้นำส่งสำเนาฎีกาภายใน 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2534 แล้ว เมื่อจำเลยมิได้นำส่งสำเนาฎีกาในกำหนด จึงเป็นการทิ้งฟ้องฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์การปิดประกาศกฎหมายป่าไม้เพื่อใช้บังคับ จำเป็นต้องมีการนำสืบหลักฐานการปิดประกาศ ณ สถานที่ที่กฎหมายกำหนด
ประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร เรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ และเรื่องกำหนดเขตควบคุมสิ่งประดิษฐ์ที่ทำด้วยไม้หวงห้าม มิใช่กฎหมาย โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้ได้ความว่า ได้ปิดสำเนาประกาศตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 5 แห่งพ.ร.บ. ป่าไม้ฯ แล้ว ทั้งนี้ไม่ว่าจำเลยจะยกขึ้นต่อสู้หรือไม่ก็ตามเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ แต่โจทก์ไม่นำสืบให้ได้ความเช่นนั้น จึงลงโทษจำเลยไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจตัวแทนลงนาม นิติกรรมผูกพันบริษัท – อำนาจตามมติที่ประชุมกรรมการ
ตามหนังสือแจ้งมติที่ประชุมกรรมการบริษัท พ. ที่ระบุว่าที่ประชุมกรรมการบริษัท พ.มีมติให้พ.และด. คนใดคนหนึ่งลงลายมือชื่อร่วมกับกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทคนใดคนหนึ่งพร้อมประทับตราสำคัญของบริษัททำการในนามบริษัทได้นั้น มีลายมือชื่อของกรรมการผู้มีอำนาจและประทับตราสำคัญของบริษัททำการแทนบริษัทถูกต้องตามข้อบังคับ ถือได้ว่า บริษัท พ.ตั้งให้พ.และด.เป็นตัวแทนของบริษัทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 797นิติกรรมการขายลดเช็คที่ตัวแทนดังกล่าวได้กระทำไปตามมติที่ประชุมกรรมการบริษัทจึงผูกพันบริษัท พ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตั้งตัวแทนของบริษัทและการผูกพันตามนิติกรรมซื้อขายลดเช็ค
บริษัทมีหนังสือแจ้งมติที่ประชุมกรรมการบริษัทไปถึงเจ้าหนี้ระบุว่าที่ประชุมมีมติให้ พ.และด. คนใดคนหนึ่งลงลายมือชื่อร่วมกับกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทคนใดคนหนึ่งพร้อมประทับตราสำคัญของบริษัททำการในนามบริษัทได้ หนังสือนั้นมีลายมือชื่อของกรรมการผู้มีอำนาจและประทับตราสำคัญของบริษัททำการแทนบริษัทถูกต้องตามข้อบังคับ ดังนี้ถือได้ว่า บริษัทตั้งให้ พ.และด. เป็นตัวแทนของบริษัทตาม ป.พ.พ. มาตรา 797 นิติกรรมการขายลดเช็คที่ตัวแทนดังกล่าวได้กระทำไปจึงผูกพันบริษัท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 65/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ราคาทรัพย์ต่างกันเล็กน้อย โจทก์ขอใช้ราคาต่ำกว่าก็เป็นคุณแก่จำเลย
โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับรายละเอียดของทรัพย์และจำนวนพร้อมทั้งราคาที่กล่าวหาว่าจำเลยเบียดบังเอาไปไว้ในคำฟ้องและบัญชีท้ายคำฟ้องครบถ้วนแล้ว จำนวนทรัพย์ตรงกันคงมีแต่ราคาทรัพย์ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วมียอดเงินที่แตกต่างกันเท่านั้น แต่หาได้ทำให้ราคาทรัพย์แต่ละรายการที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยได้เบียดบังเอาไปแตกต่างไปจากคำฟ้องและบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องไม่สำหรับคำขอให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์จำนวนต่ำกว่าราคาทรัพย์ตามฟ้องและบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องนับว่าเป็นคุณแก่จำเลยที่ไม่ต้องใช้ราคาทรัพย์มากกว่าที่โจทก์ขอ ส่วนทรัพย์ตามคำฟ้องแต่ละจำนวนจะมีราคาเท่าใดก็ปรากฏชัดแจ้งในคำฟ้องและบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องอยู่แล้วกรณีคืนทรัพย์ไม่ได้โดยต้องใช้ราคาทรัพย์นั้นก็คำนวณราคาจาก ทรัพย์ดังกล่าวได้ ถือได้ว่าคำฟ้องโจทก์มีรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) แล้ว คำฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 65/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ราคารวมในคำฟ้องและบัญชีทรัพย์ต่างกัน ย่อมเข้าใจข้อหาได้ดี
โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับรายละเอียดของทรัพย์และจำนวนพร้อมทั้งราคาที่กล่าวหาว่าจำเลยเบียดบังเอาไปไว้ในคำฟ้องและบัญชีท้ายคำฟ้องครบถ้วนแล้ว จำนวนทรัพย์ตรงกัน คงมีแต่ราคาทรัพย์ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วมียอดเงินที่แตกต่างกันเท่านั้น แต่หาได้ทำให้ราคาทรัพย์แต่ละรายการที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยได้เบียดบังเอาไปแตกต่างไปจากคำฟ้องและบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องไม่ สำหรับคำขอให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์จำนวนต่ำกว่าราคาทรัพย์ตามคำฟ้องและบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้อง นับว่าเป็นคุณแก่จำเลยที่ไม่ต้องใช้ราคาทรัพย์มากกว่าที่โจทก์ขอ ส่วนทรัพย์ตามคำฟ้องแต่ละจำนวนจะมีราคาเท่าใด ก็ปรากฏชัดแจ้งในคำฟ้องและบัญชีทรัพย์ท้ายคำฟ้องอยู่แล้ว กรณีคืนทรัพย์ไม่ได้โดยต้องใช้ราคาทรัพย์นั้นก็คำนวณราคาจากทรัพย์ดังกล่าวได้ถือได้ว่าคำฟ้องโจทก์มีรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตาม ป.วิ.อ.มาตรา 158(5)แล้ว คำฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4155/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืน: การยึดถือแทนบุคคลอื่นไม่ถือเป็นการครอบครองเอง
อาวุธปืนของกลางที่จำเลยที่ 1 ใช้ยิงโจทก์ร่วม เป็นอาวุธปืนมีหมายเลขทะเบียนเป็นของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุตรของจำเลยที่ 1จำเลยทั้งสองพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน สถานที่เกิดเหตุก็อยู่ในบริเวณหน้าบ้านของจำเลยที่ 1 อีกทั้งขณะที่จำเลยที่ 1 นำอาวุธปืนออกจากบ้านมาที่เกิดเหตุนั้น จำเลยที่ 2 ก็ออกมาด้วยและอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยกัน เหตุการณ์เกิดขึ้นไม่นานนัก หลังเกิดเหตุจำเลยทั้งสองก็เข้าบ้านด้วยกันพฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ยึดถืออาวุธปืนไว้แทนจำเลยที่ 2 เท่านั้น มิได้มีเจตนายึดถือเพื่อตน ความครอบครองในอาวุธปืนของกลางยังคงอยู่ที่จำเลยที่ 2 หาได้เปลี่ยนมาอยู่ที่จำเลยที่ 1 ไม่ จำเลยที่ 1 จึงมิใช่ผู้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4058/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นข้อพิพาทจำกัด การสละประเด็น และการห้ามฎีกาในประเด็นที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันในศาล
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามหนังสือรับสภาพหนี้ ซึ่งมีมูลมาจากสัญญาต่างตอบแทนการทำไร่อ้อย จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์คิดราคาอ้อยค่าขนส่ง เงินชดเชย และดอกเบี้ยให้จำเลยไม่ถูกต้องโดยในปี 2524จำเลยควรจะได้รับเงิน 178,550 บาทเศษ แต่โจทก์คิดหักทอนบัญชีแล้วอ้างว่าจำเลยยังเป็นหนี้อยู่ 84,753 บาท ปี 2525 จำเลยควรจะได้รับเงิน 212,381 บาท แต่โจทก์คิดหักทอนบัญชีแล้วอ้างว่าจำเลยยังเป็นหนี้อยู่ 20,336 บาท นอกจากนั้นโจทก์ได้ตัดอ้อยของจำเลยจำนวน 2 ไร่ 1 งาน คิดเป็นเงิน 13,500 บาท แต่โจทก์ก็มิได้คิดหักทอนให้จำเลย ในปี 2525 จำเลยมีอ้อยประมาณ 170 ตัน แต่โจทก์ผิดสัญญามาตัดไปเพียง 10 ตัน ที่เหลือปล่อยให้แห้งตายทำให้จำเลยเสียหาย หนังสือรับสภาพหนี้ตามฟ้องเป็นเอกสารปลอมเพราะโจทก์กรอกข้อความในแบบพิมพ์ซึ่งมีลายมือชื่อจำเลยโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลย คำให้การดังกล่าวจำเลยมิได้ให้การโดยชัดแจ้งว่า จำนวนเงินที่ระบุในหนังสือรับสภาพหนี้ไม่ถูกต้องอย่างไร และที่ถูกควรเป็นเท่าใด จำเลยคงให้การต่อสู้เกี่ยวกับหนังสือรับสภาพหนี้แต่เพียงว่าเป็นเอกสารปลอม ฉะนั้น คดีจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าจำนวนเงินในหนังสือรับสภาพหนี้ถูกต้องหรือไม่ คงมีประเด็นแห่งคดีตามคำให้การเพียงว่าหนังสือรับสภาพหนี้เป็นเอกสารปลอมหรือไม่ที่ศาลชั้นต้นชี้สองสถานกำหนดประเด็นข้อพิพาทข้อนี้ไว้ว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องหรือไม่เพียงใด จึงเป็นการไม่ชอบ ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยประเด็นข้อนี้จึงชอบแล้ว ส่วนปัญหาตามฎีกาข้อต่อมาว่าหนังสือรับสภาพหนี้เป็นเอกสารปลอมหรือไม่นั้น ในการชี้สองสถานศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทเรื่องนี้ไว้และจำเลยก็มิได้โต้แย้ง ถือว่าจำเลยสละประเด็นข้อนี้แล้ว แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยประเด็นข้อนี้ให้ ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรกศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4015/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์สินต้องมี罪ฐานการกระทำความผิด และมีการฟ้องลงโทษในความผิดนั้นด้วย
ศาลจะสั่งริบทรัพย์สินที่จำเลยมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดได้ก็ต่อเมื่อมีการกระทำความผิดนั้นขึ้นและโจทก์ต้องฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดนั้นด้วย ดังนั้นเมื่อไม่ปรากฏว่ามีความผิดฐานเสพกัญชาเกิดขึ้น และโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองมิได้ฟ้องขอให้ลงโทษฐานเสพกัญชา โจทก์จะขอให้ศาลสั่งริบบ้องกัญชา มีดหั่นกัญชา และไม้ขีดไฟที่จำเลยมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดฐานเสพกัญชาหาได้ไม่ มิฉะนั้นโจทก์ย่อมฟ้องจำเลยทั้งสำนวนเพื่อขอให้ริบทรัพย์สินเพียงประการเดียวโดยไม่ขอให้ลงโทษจำเลยก็ย่อมกระทำได้ ซึ่งเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งริบบ้องกัญชามีดหั่นกัญชา และไม้ขีดไฟของกลาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3905/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีออกจากสารบบความเมื่อผู้ร้องเสียชีวิตและไม่มีผู้ดำเนินการแทน
ผู้ร้องได้มรณะในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ทายาทของผู้ร้องไม่ประสงค์จะขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้ร้อง และโจทก์ไม่ประสงค์ให้ศาลหมายเรียกทายาทผู้ร้องเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้ร้อง จึงให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ
of 68