พบผลลัพธ์ทั้งหมด 676 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5469/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอคุ้มครองชั่วคราวต้องสอดคล้องกับคำขอท้ายฟ้อง ศาลไม่คุ้มครองประโยชน์เกินกว่าที่ฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินพิพาททั้ง 4 แปลง ให้กลับไปใช้โฉนดที่ดินเดิม เลขที่ 3472 แต่ระบุเนื้อที่เพียง 17 ไร่เศษ มิใช่ 18 ไร่เศษตามเนื้อที่ในโฉนดเดิมเนื่องจากที่ดินถูกการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเวนคืนแล้วจำนวน 2 ไร่เศษ ทั้งตามคำขอท้ายฟ้องก็มิได้เรียกให้จำเลยใช้ค่าเสียหายหรือให้จำเลยนำเงินค่าเวนคืนที่ดินจำนวน 22,837,000 บาท มาส่งมอบแก่โจทก์แต่อย่างใด เช่นนี้ การที่โจทก์ขอคุ้มครองชั่วคราวโดยขอให้จำเลยนำเงินค่าเวนคืนที่ดินจำนวนดังกล่าวไปฝากธนาคารแล้วนำสมุดเงินฝากมาวางศาล จึงเป็นการขอคุ้มครองประโยชน์เกินกว่าคำขอในคำฟ้องของโจทก์ แม้ผลแห่งคดีในที่สุดโจทก์ชนะศาลก็จะพิพากษาเพิกถอนการได้มาซึ่งที่โฉนดของจำเลยตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์เท่านั้น ไม่มีผลบังคับไปถึงเงินค่าเวนคืนจำนวนดังกล่าว ซึ่งจำเลยได้รับไปจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ตามที่โจทก์ร้องขอคุ้มครองได้ กรณีไม่ต้องด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 254 (2) และมาตรา 264 ที่โจทก์จะขอคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5438/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยนอกประเด็นในชั้นอุทธรณ์: ศาลต้องวินิจฉัยเฉพาะประเด็นที่โต้เถียงกันเท่านั้น
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ยิงผู้ตาย ผู้ตายถูกยิงล้มก่อนที่จำเลยจะได้รับปืนจาก ข. แสดงว่าข.พวกจำเลยยิงผู้ตาย แต่จำเลยกับ ข.ร่วมกันมีสาเหตุกับผู้ตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกับพวกฆ่าผู้ตายตามฟ้อง โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นส่วนจำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในประเด็นนี้ว่า จำเลยมิได้มีส่วนร่วมกับ ข.ในการกระทำผิดดังกล่าว ดังนั้นข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยไม่ได้เป็นผู้ยิงผู้ตายจึงเป็นยุติ การที่ศาลอุทธรณ์นำคำให้การในชั้นสอบสวนของ ส.พยานโจทก์ที่ให้การว่า ส.เห็นจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายล้ม มารับฟังว่าจำเลยเป็นผู้ยิงผู้ตายนั้นจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นที่โต้เถียงกันในชั้นอุทธรณ์เป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5438/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยนอกประเด็นอุทธรณ์และการเปลี่ยนแปลงข้อหาจากฆ่าเป็นพยายามฆ่าและพยานยามฆ่า
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ยิงผู้ตายผู้ตายถูกยิงล้มก่อนที่จำเลยจะได้รับปืนจากข. แสดงว่าข.พวกจำเลยยิงผู้ตายแต่จำเลยกับข.ร่วมกันมีสาเหตุกับผู้ตายจำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกับพวกฆ่าผู้ตายตามฟ้องโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นส่วนจำเลยอุทธรณ์คำคัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในประเด็นนี้ว่าจำเลยมิได้มีส่วนร่วมกับข. ในการกระทำผิดดังกล่าวดังนั้นข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยไม่ได้เป็นผู้ยิงผู้ตายจึงเป็นยุติการที่ศาลอุทธรณ์นำคำให้การในชั้นสอบสวนของส.พยานโจทก์ที่ให้การว่าส. เห็นจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายล้มมารับฟังว่าจำเลยเป็นผู้ยิงผู้ตายนั้นจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นที่โต้เถียงกันในชั้นอุทธรณ์เป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5430/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมกระทำผิด: ร่วมกันออกติดตามและทำร้ายผู้ตาย
อ และจำเลยต่างออกตามหาผู้ตายและ อ. กับจำเลยออกมาพร้อมกันโดยต่างมีอาวุธ เมื่อมาพบผู้ตายระหว่างทาง อ. เป็นผู้เข้าทำร้ายผู้ตายแล้วจำเลยกับ อ. หลบหนีจากที่เกิดเหตุไปด้วยกัน ถือได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำผิดกับ อ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5423/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งคำบังคับโดยการปิดประกาศและการนับกำหนดเวลาคำขอพิจารณาใหม่ในคดีที่จำเลยมีภูมิลำเนาไม่แน่นอน
จำเลยที่2มีภูมิลำเนาไม่แน่นอนและโจทก์ไม่ทราบว่าจำเลยที่2มีภูมิลำเนาอยู่แห่งใดการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่2ไม่สามารถจะทำได้ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่2โดยการประกาศหนังสือพิมพ์และปิดประกาศคำบังคับให้จำเลยที่2ทราบที่หน้าศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา79วรรคหนึ่ง การปิดประกาศคำบังคับที่หน้าศาลมีผลใช้ได้เมื่อกำหนด15วันได้ล่วงพ้นไปแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา79วรรคสอง ศาลชั้นต้นปิดประกาศคำบังคับให้จำเลยทราบเมื่อวันที่9กันยายน2534ถือว่าได้ส่งคำบังคับให้จำเลยที่2แล้วเมื่อวันที่24กันยายน2534และเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยที่2เป็นคดีล้มละลายเนื่องจากจำเลยที่2ไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้จำเลยที่2เป็นผู้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องด้วยตนเองเมื่อวันที่5มีนาคม2535การที่จำเลยที่2ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่10เมษายน2535จึงพ้นกำหนดสิบห้าวันนับจากวันที่ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาแก่จำเลยที่2ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา208แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5423/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกโดยการประกาศและการนับระยะเวลาเพื่อการยื่นคำขอพิจารณาใหม่ในคดีล้มละลาย
จำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาไม่แน่นอน และโจทก์ไม่ทราบว่าจำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาอยู่แห่งใด การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 2 ไม่สามารถจะทำได้ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 2 โดยการประกาศหนังสือพิมพ์ และปิดประกาศคำบังคับให้จำเลยที่ 2ทราบที่หน้าศาลได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 79 วรรคหนึ่ง
การปิดประกาศคำบังคับที่หน้าศาลมีผลใช้ได้เมื่อกำหนด 15 วันได้ล่วงพ้นไปแล้วตาม ป.วิ.พ. มาตรา 79 วรรคสอง
ศาลชั้นต้นปิดประกาศคำบังคับให้จำเลยทราบเมื่อวันที่ 9กันยายน 2534 ถือว่าได้ส่งคำบังคับให้จำเลยที่ 2 แล้วเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2534และเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีล้มละลายเนื่องจากจำเลยที่ 2 ไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้ จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องด้วยตนเองเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2535 การที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่10 เมษายน 2535 จึงพ้นกำหนดสิบห้าวันนับจากวันที่ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาแก่จำเลยที่ 2 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208 แล้ว
การปิดประกาศคำบังคับที่หน้าศาลมีผลใช้ได้เมื่อกำหนด 15 วันได้ล่วงพ้นไปแล้วตาม ป.วิ.พ. มาตรา 79 วรรคสอง
ศาลชั้นต้นปิดประกาศคำบังคับให้จำเลยทราบเมื่อวันที่ 9กันยายน 2534 ถือว่าได้ส่งคำบังคับให้จำเลยที่ 2 แล้วเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2534และเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีล้มละลายเนื่องจากจำเลยที่ 2 ไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้ จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องด้วยตนเองเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2535 การที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่10 เมษายน 2535 จึงพ้นกำหนดสิบห้าวันนับจากวันที่ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาแก่จำเลยที่ 2 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5366/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ในการประชุมเจ้าหนี้แม้ยังไม่มีคำสั่งรับชำระหนี้ - การดำเนินการประชุมเจ้าหนี้ต้องเป็นไปตามกฎหมาย
แม้ศาลจะยังไม่ได้มีคำสั่งให้ ก. ซึ่งได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามคำพิพากษาภายในระยะเวลาตามกฎหมายได้รับชำระหนี้ก็ถือได้ว่าก. เป็นเจ้าหนี้ในคดีย่อมมีสิทธิเข้าประชุมเจ้าหนี้และออกเสียงลงคะแนนได้ตามมาตรา34แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483ส่วนการที่จะมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยแค่ไหนเพียงใดนั้นเป็นดุลพินิจของศาลที่จะมีคำสั่งต่อไปในสำนวนคำขอรับชำระหนี้การที่ศาลยังมิได้มีคำสั่งให้ ก. ได้รับชำระหนี้ไม่เป็นเหตุที่จะต้องเลื่อนการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกซึ่งต้องดำเนินการโดยเร็วที่สุดตามมาตรา31แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5366/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ในการประชุมเจ้าหนี้แม้ยังไม่ได้คำสั่งรับชำระหนี้ การดำเนินการประชุมเจ้าหนี้ต้องเป็นไปตามกฎหมาย
เจ้าหนี้รายที่4ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามคำพิพากษาภายในระยะเวลาตามกฎหมายถึงแม้ศาลจะยังไม่ได้มีคำสั่งให้เจ้าหนี้รายที่4ได้รับชำระหนี้ก็ถือได้ว่าเจ้าหนี้รายที่4เป็นเจ้าหนี้ในคดีย่อมมีสิทธิเข้าประชุมเจ้าหนี้และออกเสียงลงคะแนนได้ตามมาตรา34แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483ส่วนการที่จะมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยแค่ไหนเพียงใดนั้นเป็นดุลพินิจของศาลที่จะมีคำสั่งต่อไปในสำนวนคำขอรับชำระหนี้การที่ศาลยังมิได้มีคำสั่งให้เจ้าหนี้รายที่4ได้รับชำระหนี้ไม่เป็นเหตุที่จะต้องเลื่อนการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกซึ่งต้องดำเนินการโดยเร็วที่สุดตามมาตรา31
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5366/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ในการประชุมเจ้าหนี้แม้ยังไม่มีคำสั่งรับชำระหนี้ การดำเนินการประชุมเจ้าหนี้ต้องเป็นไปตามกฎหมาย
เจ้าหนี้รายที่ 4 ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามคำพิพากษาภายในระยะเวลาตามกฎหมาย ถึงแม้ศาลจะยังไม่ได้มีคำสั่งให้จำเลยรายที่ 4 ได้รับชำระหนี้ ก็ถือได้ว่าจำเลยที่ 4เป็นเจ้าหนี้ในคดี ย่อมมีสิทธิเข้าประชุมเจ้าหนี้และออกเสียงลงคะแนนได้ตามมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483ส่วนการที่จะมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยแค่ไหนเพียงใดนั้น เป็นดุลพินิจของศาลที่จะมีคำสั่งต่อไปในสำนวนคำขอรับชำระหนี้ การที่ศาลยังมิได้มีคำสั่งให้เจ้าหนี้รายที่ 4 ได้รับชำระหนี้ ไม่เป็นเหตุที่จะต้องเลื่อนการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกซึ่งต้องดำเนินการโดยเร็วที่สุดตามมาตรา 31
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5366/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ในการประชุมเจ้าหนี้ แม้ยังไม่ได้รับชำระหนี้
แม้ศาลจะยังไม่ได้มีคำสั่งให้ ก.ซึ่งได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามคำพิพากษาภายในระยะเวลาตามกฎหมายได้รับชำระหนี้ ก็ถือได้ว่า ก.เป็นเจ้าหนี้ในคดี ย่อมมีสิทธิเข้าประชุมเจ้าหนี้และออกเสียงลงคะแนนได้ตามมาตรา34 แห่ง พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 ส่วนการที่จะมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยแค่ไหนเพียงใดนั้น เป็นดุลพินิจของศาลที่จะมีคำสั่งต่อไปในสำนวนคำขอรับชำระหนี้ การที่ศาลยังมิได้มีคำสั่งให้ ก.ได้รับชำระหนี้ไม่เป็นเหตุที่จะต้องเลื่อนการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกซึ่งต้องดำเนินการโดยเร็วที่สุดตามมาตรา31 แห่ง พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483