คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประสิทธิ์ แสนศิริ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 676 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดสิทธิอุทธรณ์คดีเช่า: การโต้แย้งข้อเท็จจริงแตกต่างจากศาลชั้นต้นต้องห้ามตามมาตรา 224
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสองพันบาท จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายของข้อความในสัญญาเช่าต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่ากรณีที่จำเลยก่อสร้างต่อเติมตึกแถวพิพาทที่เช่าจากโจทก์ ก็เพื่อความสะดวกในการอยู่อาศัยและทำการค้าของจำเลยเอง ถือไม่ได้ว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษกว่าสัญญาเช่าธรรมดา จำเลยอุทธรณ์ว่าที่โจทก์ยินยอมให้จำเลยก่อสร้างต่อเติมตึกแถวพิพาท ก็เพื่อให้ตึกแถวพิพาทซึ่งมีลักษณะชำรุดทรุดโทรมมากให้มีลักษณะกลับคืนดีขึ้นใหม่ จึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา เป็นการโต้เถียงเกี่ยวกับการก่อสร้างต่อเติมตึกแถวพิพาทว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา โดยอ้างข้อเท็จจริงแตกต่างไปจากที่ศาลชั้นต้นรับฟังมา จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายเป็นหลักฐานประกอบคำเบิกความได้ แม้ผู้เสียหายไม่เบิกความในศาล
คำให้การของผู้เสียหายในคดีข่มขืนกระทำชำเราที่ให้การไว้ในชั้นสอบสวนแต่ไม่ได้มาเบิกความในชั้นศาล ศาลรับฟังประกอบคำผู้จับกุมพนักงาน-สอบสวนและเจ้าของบ้านที่อยู่ไม่ห่างจากที่เกิดเหตุซึ่งผู้เสียหายวิ่งหนีเข้าไป และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังกับคำรับชั้นสอบสวนของจำเลยลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานประกอบคำให้การผู้เสียหายที่ไม่มาเบิกความในชั้นศาล คดีข่มขืนกระทำชำเรา
คำให้การของผู้เสียหายในคดีข่มขืนกระทำชำเราที่ให้การไว้ในชั้นสอบสวนแต่ไม่ได้มาเบิกความในชั้นศาล ศาลรับฟังประกอบคำผู้จับกุมพนักงานสอบสวนและเจ้าของบ้านที่อยู่ไม่ห่างจากที่เกิดเหตุซึ่งผู้เสียหายวิ่งหนีเข้าไป และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังกับคำรับชั้นสอบสวนของจำเลยลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อากรแสตมป์ไม่ครบถ้วนแต่ชำระเกินกว่าที่ต้องเสียและขีดฆ่าแล้ว ถือเป็นการปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
อากรแสตมป์ที่ปิดในเอกสารสัญญากู้ไม่ได้ลงวันเดือนปีแต่ได้ปิดอากรแสตมป์เป็นราคาไม่น้อยกว่าอากรที่ต้องเสียและได้ขีดฆ่าอากรแสตมป์ที่ปิดทับกระดาษเพื่อมิให้อากรแสตมป์นั้นใช้ได้อีกเป็นการปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ตามมาตรา 103 แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์การกู้ยืมเงินจากลายมือชื่อและพยานหลักฐานประกอบอื่น การปิดอากรแสตมป์
ศาลฎีกาเปรียบเทียบลายมือชื่อในช่องผู้กู้ในสัญญากู้กับลายมือชื่อของจำเลยที่เคยลงไว้ในสมุด จ่ายเงินเดือน เงินค่าครองชีพ สมุด รายงาน เงินคงเหลือประจำวัน รวมทั้งจดหมายที่จำเลยอ้างความจำเป็นในการขอกู้ยืมเงินจากโจทก์แล้ว เห็นได้ด้วยตาเปล่าว่ามีลักษณะคล้ายคลึงกัน เชื่อ ว่าเป็นลายมือเขียนของบุคคลเดียวกัน โจทก์มีฐานะดีกว่าจำเลย เป็นครูโรงเรียนเดียวกัน ไม่มีเหตุผลใด ที่จะปลอมสัญญากู้ขึ้นมาฟ้องจำเลยด้วยเงินไม่กี่หมื่นบาทอันเป็นการเสี่ยงต่ออาญาบ้านเมืองและถูกไล่ออกจากราชการ ส่วนเอกสารที่จำเลยอ้างว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลยที่แท้จริงก็มีรอยขูดลบแล้วลงลายมือชื่อใหม่ มีลักษณะผิดเพี้ยนอันเป็นการผิดปกติรับฟังไม่ได้ พยานหลักฐานจากโจทก์มีน้ำหนักดีกว่าเชื่อ ว่าโจทก์ให้จำเลยกู้ยืมเงินไปตามฟ้องจริง สัญญากู้ปิดอากรแสตมป์ไม่น้อยกว่าอากรที่ต้องเสียและได้ขีดฆ่าอากรแสตมป์เพื่อมิให้นำไปใช้ได้อีก แม้ไม่ได้ลงวันเดือนปีไว้ที่อากรแสตมป์ก็ตามถือว่าเป็นการปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ตามป.รัษฎากร มาตรา 103 แล้ว จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 160/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต: โจทก์ต้องพิสูจน์การครอบครองและพาอาวุธปืนของจำเลย
จำเลยใช้อาวุธ ปืนแก๊ป ยาวยิงผู้เสียหาย แต่โจทก์ไม่มีอาวุธปืนที่ฟ้องเป็นของกลางแสดงต่อศาลว่าไม่เป็นอาวุธปืนที่จำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้มีไว้ในครอบครองทั้งโจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า จำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืน ติดตัวดังนี้ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าอาวุธปืนดังกล่าวจำเลยมีไว้ ในครอบครองและพาอาวุธปืนติดตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 160/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนในทางสาธารณะ การขาดหลักฐานการครอบครองและอนุญาตเป็นเหตุให้ฟังว่าไม่มีความผิด
โจทก์ฟ้องจำเลยข้อหามีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและพา อาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ทางนำสืบโจทก์ไม่มี อาวุธปืนที่ฟ้องเป็นของกลางแสดงต่อศาลว่าเป็นอาวุธปืนที่จำเลย ไม่ได้รับอนุญาตให้มีไว้ในครอบครอง ทั้งไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า จำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง และพาอาวุธปืน ติดตัว ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า อาวุธปืนดังกล่าวจำเลยมีไว้ใน ครอบครองและพาติดตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต.
of 68