พบผลลัพธ์ทั้งหมด 289 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับฝากทรัพย์ต่อการไม่ระมัดระวัง ทำให้ทรัพย์สินสูญหายหรือถูกยึด
ผู้รับฝากทรัพย์โดยมีบำเหน็จค่าฝากจำต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเพื่อสงวนทรัพย์สินนั้นเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงประพฤติโดยพฤติการณ์ดั่งนั้นการที่เจ้าหน้าที่ของจำเลยขนทรัพย์สินของโจทก์ที่ฝากไว้ออกจากสถานที่รับฝากโดยหลบหนีภาษีศุลกากร จนทรัพย์สินของโจทก์ถูกยึดเป็นของกลางในคดีอาญา แสดงว่าจำเลยขาดความระมัดระวังไม่ใช้ฝีมือสงวนทรัพย์สินของโจทก์เช่นวิญญูชน หาใช่เหตุสุดวิสัย เมื่อจำเลยคืนทรัพย์สินที่ฝากไม่ได้ จำเลยต้องใช้ราคา
โจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นในเรื่องค่าเสียหาย ประเด็นข้อพิพาทในส่วนนี้จึงถึงที่สุดแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นในเรื่องค่าเสียหาย ประเด็นข้อพิพาทในส่วนนี้จึงถึงที่สุดแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับฝากทรัพย์ต้องระมัดระวังรักษาทรัพย์สินให้ปลอดภัย หากขาดความระมัดระวังจนทรัพย์สินสูญหายหรือถูกยึด ต้องรับผิดชดใช้ราคา
ผู้รับฝากทรัพย์โดยมีบำเหน็จค่าฝากจำต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเพื่อสงวนทรัพย์สินนั้นเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงประพฤติโดยพฤติการณ์ดังนั้นการที่เจ้าหน้าที่ของจำเลยขนทรัพย์สินของโจทก์ที่ฝากไว้ออกจากสถานที่รับฝากโดยหลบหนีภาษีศุลกากร จนทรัพย์สินของโจทก์ถูกยึดเป็นของกลางในคดีอาญา แสดงว่าจำเลยขาดความระมัดระวังไม่ใช้ฝีมือสงวนทรัพย์สินของโจทก์เช่นวิญญูชน หาใช่เหตุสุดวิสัยเมื่อจำเลยคืนทรัพย์สินที่ฝากไม่ได้ จำเลยต้องใช้ราคา โจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นในเรื่องค่าเสียหายประเด็นข้อพิพาทในส่วนนี้จึงถึงที่สุดแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงสภาพแห่งข้อหาในฟ้อง: รายการค่าใช้จ่ายแนบท้ายฟ้องเพียงพอต่อการเข้าใจ
แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยตกลงให้โจทก์เรียกค่าจ้างว่าความตามปริมาณและระยะเวลาการทำงาน แต่โจทก์ก็ได้แนบเอกสารท้ายฟ้อง แสดงรายการค่าจ้างว่าความ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีแบะค่าป่วยการ เป็นเงินรวม 249,440 บาท ให้จำเลยทราบ จึงเพียงพอที่จะให้จำเลยเข้าใจสภาพแห่งข้อหาตามฟ้อง ถือได้ว่า ฟ้องโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 172 วรรคสอง ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าจ้างทนายความ: การคิดคำนวณค่าบริการ, ค่าป่วยการ, และการกำหนดจำนวนเงินที่เหมาะสม
แม้โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่าจำเลยตกลงให้โจทก์เรียกค่าจ้างว่าความตามปริมาณและระยะเวลาการทำงาน แต่โจทก์ก็ได้แนบเอกสารท้ายฟ้องแสดงรายการค่าจ้างว่าความ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีและค่าป่วยการเป็นเงินรวม 249,440 บาท ให้จำเลยทราบ จึงเพียงพอที่จะให้จำเลยเข้าใจสภาพแห่งข้อหาตามฟ้อง ถือได้ว่าฟ้องโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น โจทก์มีตัวโจทก์เบิกความประกอบเอกสารที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงสอดคล้องต้องกันสมเหตุสมผล มีน้ำหนักน่าเชื่อยิ่งกว่าพยานจำเลยซึ่งมีแต่เพียงพยานบุคคลเบิกความลอย ๆ โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน รูปคดีฟังได้ว่าจำเลยได้ตกลงว่าจ้างโจทก์ให้เป็นทนายความแก้ต่างให้แก่จำเลย ค่าบริการเมื่อไม่ปรากฏชัดแจ้งว่าเป็นค่าบริการอะไรในส่วนไหนศาลย่อมไม่กำหนดเงินในส่วนนี้ให้ สำหรับค่าสินจ้างว่าความที่โจทก์เรียกมาเป็นเงิน 200,000 บาท นั้น ปรากฏว่าในคดีที่จำเลยถูกธนาคารฟ้องมิใช่เป็นคดีที่มีปัญหายุ่งยากซับซ้อนมากนัก และไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ว่าความโดยต้องซักถามพยานเป็นข้อยุ่งยากและโจทก์ต้องไปแสวงหาพยานหลักฐานโดยยากลำบากแต่อย่างใดสมควรกำหนดสินจ้างว่าความตามส่วนของงานที่ทำไปเป็นเงิน 80,000 บาทส่วนค่าป่วยการนั้นตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน คำว่า"ป่วยการ" หมายถึงเสียงานเสียการ และ "ค่าป่วยการ" หมายถึงเรียกค่าชดเชยการงานเวลาที่เสียไปการที่โจทก์เดินทางไปว่าความต่างจังหวัดเป็นการเดินทางไปทำงานในหน้าที่ของทนายความโดยตรงจะเรียกว่าเป็นการเสียงานเสียเวลาไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาผู้กระทำผิด, เหตุผลแวดล้อม, พยานหลักฐานไม่ชัดเจน, ยกประโยชน์แห่งความสงสัย, ริบของกลาง
การที่จะค้นหาเจตนาของจำเลยว่ารู้หรือไม่ว่าหนังสือรับรองความประพฤติทั้ง 20 ฉบับ เป็นเอกสารปลอม จำเป็นจะต้องอาศัยเหตุผลกรณีแวดล้อมและพิรุธแห่งการกระทำเป็นเครื่องชี้เจตนาของจำเลย จำเลยเรียนจบชั้นประถมศึกษาตอนปลาย ในระหว่างที่จำเลยทำงานอยู่ที่บริษัทพ. จำเลยมีหน้าที่เพียงเป็นผู้ส่งหนังสือ ได้รับเงินเดือน ๆ ละ 2,000 บาท สภาพหรือฐานะของจำเลยเป็นเพียงเด็กรับใช้หรือนักการภารโรง คงไม่มีโอกาสรู้ถึงนโยบายการบริหารงานของบริษัทและไม่รู้ว่าหนังสือรับรองความประพฤติซึ่งพิมพ์ด้วยภาษาอังกฤษทั้งฉบับเป็นเอกสารอันแท้จริงหรือเป็นเอกสารปลอม ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การยืนยันมาโดยตลอดว่า น. เจ้าหน้าที่บริษัท พ. เป็นผู้วานให้จำเลยนำหนังสือรับรองความประพฤติไปให้สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทยรับรอง โดยจำเลยไม่ทราบว่าเป็นเอกสารปลอม ยิ่งกว่านั้นเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจไปตรวจค้นบริษัท พ. ได้พบใบรับรองความประพฤติปลอมอีก 18 ฉบับในตู้เก็บเอกสารของ น.ซึ่งหลบหนีไปแล้ว พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ตามป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง แต่หนังสือรับรองความประพฤติปลอมเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิด สมควรให้ริบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4173/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ศาลวินิจฉัยว่าการฟ้องคดีใหม่ไม่เป็นฟ้องซ้ำ แม้คดีก่อนมีการสืบพยานแล้ว แต่ศาลยกฟ้องเนื่องจากขาดอำนาจฟ้อง
โจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสามในเรื่องเดียวกันนี้ครั้งหนึ่งแล้วแต่ศาลพิพากษายกฟ้องเนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอรับฟังว่าว.ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์เป็นผู้กระทำการแทนโจทก์ในคดีดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง แม้คดีก่อนจะมีการสืบพยานในประเด็นแห่งคดีจนเสร็จการพิจารณาแล้วก็ตามแต่ศาลก็พิพากษายกฟ้องเพราะเหตุพยานหลักฐานโจทก์เกี่ยวกับอำนาจฟ้องยังไม่พอรับฟัง โดยยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดี ทั้งปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องในคดีก่อนกับคดีนี้ก็ต่างกันการที่โจทก์มาฟ้องใหม่ในเรื่องเดียวกันนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4173/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการต่อสู้ในคดีนอกคำให้การ และการฟ้องซ้ำที่มิได้มีประเด็นข้อเท็จจริงเดียวกัน
ปัญหาว่า ว.กรรมการบริษัทโจทก์ได้ลงลายมือชื่อในใบแต่งทนายความหรือไม่ จำเลยที่ 3 มิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การฎีกาของจำเลยที่ 3 ในส่วนนี้จึงเป็นเรื่องนอกประเด็นนอกเหนือจากคำให้การ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย โจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสามในเรื่องเดียวกันครั้งหนึ่งแล้วแต่ศาลพิพากษายกฟ้องเนื่องจากพยานหลักฐานไม่พอรับฟังว่า ว.กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทโจทก์เป็นผู้กระทำการแทนโจทก์ในคดีดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง แม้คดีก่อนศาลจะสืบพยานในประเด็นแห่งคดีจนเสร็จการพิจารณาแล้ว แต่ศาลก็พิพากษายกฟ้องเพราะเหตุพยานหลักฐานโจทก์เกี่ยวกับอำนาจฟ้องยังไม่พอรับฟังโดยยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดี ทั้งปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องในคดีก่อนกับคดีนี้ก็ต่างกัน การที่โจทก์มาฟ้องใหม่ในเรื่องเดียวกันนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4064/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกาถือเป็นการทิ้งฟ้อง
ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้จำเลยนำส่งสำเนาฎีกาให้แก่โจทก์ภายใน 7 วัน ซึ่งเป็นการสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 70 วรรคท้าย จำเลยทราบคำสั่งแล้ว จำเลยหรือผู้แทนจำเลยไม่นำส่งสำเนาฎีกาให้แก่โจทก์ตามกำหนดเวลาดังกล่าว แม้ข้ออ้างในฎีกาของจำเลยที่ว่าจำเลยได้เสียค่าใช้จ่ายในการนำส่งแล้วจะเป็นจริงก็ไม่ทำให้จำเลยหมดหน้าที่ที่จะต้องจัดการนำส่งตามคำสั่งของศาลชั้นต้น เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติจึงเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ประกอบมาตรา 246และมาตรา 247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3970/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนผู้จัดการมรดก: รายการทรัพย์สินไม่เคลือบคลุมหากสืบได้ในชั้นพิจารณา
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของ ฉ. ซึ่งเป็นบิดาโจทก์ แม้คำฟ้องของโจทก์จะไม่ได้บรรยายว่าทรัพย์สินของ ฉ.กับจำเลยซึ่งเป็นภริยาใหม่ของฉ. ที่มีอยู่ในระหว่างอยู่กินร่วมกันมีอะไรบ้าง ก็ไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม เพราะรายการทรัพย์สินของผู้ตายเป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาของศาลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3771/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้แปรรูปผิดกฎหมาย แม้ทำเป็นเครื่องใช้แต่มีลักษณะผิดปกติวิสัย ถือเป็นไม้แปรรูปได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีไม้สักแปรรูปไว้ในความครอบครองในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ แล้วจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันช่วยพาเอาไปเสียโดยนำขึ้นรถยนต์เคลื่อนที่จากท้องที่ตำบลก้อไปยังตำบลลี้ ตามฟ้องดังกล่าวโจทก์บรรยายชัดว่าจำเลยทั้งสองมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครอง แม้จะไม่ระบุว่านำไม้แปรรูปดังกล่าวมาในรูปโต๊ะ จำเลยก็สามารถเข้าใจและต่อสู้คดีได้โดยไม่หลงข้อต่อสู้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โต๊ะของกลางทำด้วยไม้สักซึ่งมีค่าราคาสูงแต่ทำอย่างหยาบ ดูจากภายนอกมีลักษณะเป็นเครื่องใช้แต่ก็สามารถถอดออกเป็นชิ้น ๆ ได้ไม่ยาก ปริมาตรเนื้อไม้มีจำนวนมากถึง0.149 ลูกบาศก์เมตร แม้โต๊ะตามภาพถ่ายที่จำเลยอ้างเป็นโต๊ะเช่นเดียวกับโต๊ะของกลางซึ่งมีใช้เป็นปกติอยู่ทั่วไปในท้องที่เกิดเหตุ โต๊ะดังกล่าวก็ทำอย่างหยาบ ๆ แสดงว่าไม่ได้มีไว้เพื่อใช้อย่างแท้จริง เป็นเรื่องผิดปกติวิสัย โต๊ะของกลางจึงถือได้ว่าเป็นไม้แปรรูป
โต๊ะของกลางทำด้วยไม้สักซึ่งมีค่าราคาสูงแต่ทำอย่างหยาบ ดูจากภายนอกมีลักษณะเป็นเครื่องใช้แต่ก็สามารถถอดออกเป็นชิ้น ๆ ได้ไม่ยาก ปริมาตรเนื้อไม้มีจำนวนมากถึง0.149 ลูกบาศก์เมตร แม้โต๊ะตามภาพถ่ายที่จำเลยอ้างเป็นโต๊ะเช่นเดียวกับโต๊ะของกลางซึ่งมีใช้เป็นปกติอยู่ทั่วไปในท้องที่เกิดเหตุ โต๊ะดังกล่าวก็ทำอย่างหยาบ ๆ แสดงว่าไม่ได้มีไว้เพื่อใช้อย่างแท้จริง เป็นเรื่องผิดปกติวิสัย โต๊ะของกลางจึงถือได้ว่าเป็นไม้แปรรูป