คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประพัฒน์ อุชุภาพ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 289 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 172/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเหนือที่ดินสาธารณะและการรบกวนสิทธิ โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่
ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันเป็นทำเลเลี้ยงสัตว์ มิใช่ของโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยที่จะฟ้อง จำเลยข้อหาบุกรุกได้ ทำเลเลี้ยงสัตว์เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน โจทก์ครอบครองใช้ประโยชน์อยู่ก่อนที่จำเลยจะนำเอาเสาปูนซีเมนต์เข้าไปปักและอ้างว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของจำเลย ในระหว่างโจทก์และจำเลยสิทธิของโจทก์ซึ่งมีอยู่เหนือที่พิพาทย่อมดีกว่าจำเลยการกระทำของจำเลยจึงเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนสิทธิของโจทก์และเรียกค่าเสียหายได้ โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยบุกรุกนำเอาเสาปูนซีเมนต์เข้าไปปัก ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362และให้จำเลยและบริวารออกจากที่พิพาทของโจทก์ซึ่งเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้ฟ้องโจทก์จะยืนยันว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ก็ตาม แต่การนำสืบข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินเพื่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิดตามฟ้องย่อมกระทำได้ ข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเกิดจากการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจยกข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยในคดีส่วนแพ่งได้ ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 172/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเหนือที่ดินสาธารณะ การรบกวนสิทธิ และอำนาจฟ้องคดีอาญา/แพ่ง
ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันเป็นทำเลเลี้ยงสัตว์มิใช่ของโจทก์โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยที่จะฟ้องจำเลยข้อหาบุกรุกได้ ทำเลเลี้ยงสัตว์เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันโจทก์ครอบครองใช้ประโยชน์อยู่ก่อนที่จำเลยจะนำเอาเสาปูนซีเมนต์เข้าไปปักและอ้างว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของจำเลยในระหว่างโจทก์และจำเลยสิทธิของโจทก์ซึ่งมีอยู่เหนือที่พิพาทย่อมดีกว่าจำเลยการกระทำของจำเลยจึงเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนสิทธิของโจทก์และเรียกค่าเสียหายได้ โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์จำเลยบุกรุกนำเอาเสาปูนซีเมนต์เข้าไปปักขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา362และให้จำเลยและบริวารออกจากที่พิพาทของโจทก์ซึ่งเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาแม้ฟ้องโจทก์จะยืนยันว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ก็ตามแต่การนำสืบข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินเพื่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิดตามฟ้องย่อมกระทำได้ข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเกิดจากการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบศาลอุทธรณ์มีอำนาจยกข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยในคดีส่วนแพ่งได้ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 157/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความค่าบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ: ผู้ให้บริการถือเป็นผู้ค้าตาม ป.พ.พ. มาตรา 165(7) มีอายุความ 2 ปี
การที่โจทก์จัดให้มีบริการพูดโทรศัพท์ติดต่อไปต่างประเทศและเรียกเก็บเงินค่าบริการในการพูดโทรศัพท์นั้น ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ค้าในการรับทำงานต่าง ๆ และเรียกร้องเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้น ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(7) มีอายุความ 2 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 157/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความค่าบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ: การตีความฐานะผู้ค้าตาม ป.พ.พ. มาตรา 165(7)
การที่โจทก์จัดให้มีบริการพูดโทรศัพท์ติดต่อไปต่างประเทศและเรียกเก็บเงินค่าบริการในการพูดโทรศัพท์นั้น ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ค้าในการรับทำงานต่าง ๆ และเรียกร้องเอาสินจ้างอันจะพึง ได้รับในการนั้น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 165(7) สิทธิเรียกร้องเช่นนี้มีอายุความ 2 ปี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 147/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเพียงพอของคำฟ้องในคดีประมาทเลินเล่อ การระบุที่ดินและเอกสารหลักฐาน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดโดยประมาท จุดไฟเผาหญ้าในคอกเลี้ยงโคของจำเลย เป็นเหตุให้ไฟลุกลามไหม้สวนยางพันธุ์ดีของโจทก์เสียหายคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวเพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจได้ดีแล้วว่าสวนยางพาราของโจทก์ตั้งอยู่ใกล้คอกโคของจำเลย และโจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์มีเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับที่ดินของโจทก์หรือไม่ ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 147/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของคำฟ้องในคดีละเมิด กรณีไฟไหม้ การระบุตำแหน่งที่ดินไม่จำเป็นหากจำเลยทราบขอบเขตความเสียหาย
ฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่า จำเลยจุดไฟเผาในคอกหญ้าเลี้ยงโคของจำเลยด้วยความประมาท ทำให้ไฟลุกลามเข้ามาในสวนยางพาราของโจทก์เสียหายนั้น เพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจได้ดีแล้วว่า สวนยางพาราของโจทก์ตั้งอยู่ใกล้คอกโคของจำเลยและโจทก์ ไม่จำเป็นต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์มีเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับที่ดินของโจทก์หรือไม่ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 147/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของฟ้อง: เพียงพอต่อการเข้าใจข้อพิพาทและต่อสู้คดีหรือไม่
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดโดยประมาท จุดไฟเผาหญ้าในคอกเลี้ยงโคของจำเลย เป็นเหตุให้ไฟลุกลามไหม้สวนยางพันธุ์ดีของโจทก์เสียหาย คำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวเพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจได้ดีแล้วว่าสวนยางพาราของโจทก์ตั้งอยู่ใกล้คอกโคของจำเลยและโจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายฟ้องว่ามีเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับที่ดินของโจทก์หรือไม่ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานถูกบังคับให้การเท็จ คำให้การในชั้นศาลมีน้ำหนักกว่าคำรับสารภาพในชั้นจับกุมที่ไม่ได้รับการสนับสนุนด้วยหลักฐานอื่น
ส. พยานโจทก์เบิกความว่า พยานไม่ทราบว่าใครเป็นผู้กระทำผิดภรรยาของผู้เสียหายบังคับให้พยานไปให้การต่อพนักงานสอบสวนว่าพยานกับจำเลยเป็นผู้กระทำผิด พยานจึงให้การไปเช่นนั้น โดยพนักงานสอบสวนรับว่าจะกันพยานไว้เป็นพยาน ขณะเกิดเหตุพยานเป็นลูกจ้าง ผู้เสียหายและ ร. พี่สาวผู้เสียหายเป็นผู้พาพยานไปให้การต่อพนักงานสอบสวนจึงเป็นไปได้ว่าพยานอาจถูกบังคับให้ไปให้การจริง คำให้การของพยานในชั้นสอบสวนจึงไม่น่าเชื่อถือ ส่วนคำเบิกความในชั้นศาลนั้นพยานเบิกความหลังจากลาออกจากงานที่อู่ของผู้เสียหายแล้วฝ่ายผู้เสียหายจึงไม่อาจบังคับพยานได้อีกต่อไป น่าเชื่อว่าพยานได้เบิกความไปตามความจริง คำเบิกความของพยานจึงมีน้ำหนัก คำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมของจำเลย เป็นเพียงพยานบอกเล่าเมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุน ลำพังแต่เพียงคำให้การรับสารภาพดังกล่าว ไม่เพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดตามฟ้อง.
of 29