คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประพัฒน์ อุชุภาพ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 289 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3021/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความลูกหนี้ไม่สะดุดหยุดชะงักตามการชำระหนี้ของผู้ค้ำประกัน แม้เป็นลูกหนี้ร่วม
การที่ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ซึ่งทำให้อายุความสะดุดหยุดลง เป็นโทษแก่ผู้ค้ำประกันนั้น หามีผลไปถึงลูกหนี้ด้วยไม่ แม้จำเลยในฐานะลูกหนี้จะต้องรับผิดร่วมกับผู้ค้ำประกัน กำหนดอายุความของลูกหนี้แต่ละคนก็ต้องเป็นไปเพื่อคุณและโทษเฉพาะ แต่ลูกหนี้คนนั้นเท่านั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 295 การที่ผู้ค้ำประกันผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ จึงไม่ทำให้อายุความที่โจทก์จะเรียกร้องเอาจากจำเลยสะดุดหยุดลง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3021/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความลูกหนี้ไม่สะดุดหยุดชะงักตามการชำระหนี้ของผู้ค้ำประกัน แม้เป็นลูกหนี้ร่วม
การที่ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ซึ่งทำให้อายุความสะดุดหยุดลงเป็นโทษแก่ผู้ค้ำประกันนั้น ไม่มีกฎหมายใดบัญญัติไว้ว่าให้มีผลไปถึงลูกหนี้ด้วย แม้จำเลยในฐานะลูกหนี้จะต้องรับผิดร่วมกับผู้ค้ำประกัน กำหนดอายุความของลูกหนี้แต่ละคนก็ต้องเป็นไปเพื่อคุณและโทษเฉพาะแต่ลูกหนี้คนนั้นเท่านั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 295การที่ผู้ค้ำประกันผ่อนชำระหนี้ให้กับโจทก์ จึงไม่ทำให้อายุความที่โจทก์จะเรียกร้องเอาจากจำเลยสะดุดหยุดลงด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2882/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินช่วงห้ามโอนเป็นโมฆะ, สิ่งปลูกสร้างเป็นส่วนควบของที่ดิน
การที่ผู้ร้องและจำเลยซึ่งเป็นผู้มีสิทธิในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทำสัญญาเพื่อให้มีผลเป็นการโอนสิทธิในที่ดินโดยการส่งมอบการครอบครองให้แก่กันภายในกำหนดเวลาห้ามโอนนั้นแม้จะเรียกว่าสัญญาจะซื้อจะขายและระบุในสัญญาว่าจะมีการโอนทางทะเบียนเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาห้ามโอนแล้วก็ตาม การทำสัญญาเช่นนี้เป็นนิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายสัญญาจึงเป็นโมฆะ จำเลยจึงยังคงเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินดังกล่าว ส่วนบ้านและอาคารซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ร้องปลูกสร้างในที่ดินของจำเลยโดยผู้ร้องมิใช่ผู้มีสิทธิในที่ดินย่อมเป็นส่วนควบของที่ดินและตกเป็นของจำเลย โจทก์ย่อมสามารถนำยึดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวออกขายทอดตลาดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2763/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดในหนี้จากการเชิดตัวแทนสั่งซื้อสินค้า และขอบเขตความรับผิดของหุ้นส่วนผู้จัดการ
จำเลยทั้งสองได้เชิดช.ออกแสดงเป็นตัวแทนของตนสั่งซื้อวงกบประตู หน้าต่างจากโจทก์ และค้างชำระหนี้ค่าสินค้าโจทก์ตามฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ชำระค่าวงกบประตู หน้าต่างที่ค้าง ปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่จำเลยทั้งสองยกขึ้นฎีกาจำเลยทั้งสองไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ และเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคแรก ศาลฎีกาไม่วินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2561-2562/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหย่า: การให้อภัยในความผิด, การอุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่น, สิทธิในทรัพย์สิน และค่าเลี้ยงชีพ
แม้จะฟังได้ว่าข้อกล่าวหาของโจทก์เป็นเหตุหย่าตามกฎหมายก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ได้ให้อภัยในการกระทำของจำเลยแล้ว สิทธิฟ้องหย่าของโจทก์ย่อมหมดไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 1518
โจทก์นำ จ. มาอยู่ในบ้านโจทก์และอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยาจนมีบุตรด้วยกัน 1 คน โดยโจทก์ให้ใช้นามสกุลของโจทก์ พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์อุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภรรยา เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ให้อภัยในการกระทำของโจทก์ จำเลยจึงมีเหตุฟ้องหย่าโจทก์ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา1516 (1)
เหตุแห่งการหย่าเป็นความผิดของโจทก์ฝ่ายเดียว ทั้งจำเลยไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรโดยโจทก์เคยให้เงินจำเลยเป็นค่าใช้จ่าย การที่โจทก์หย่ากับจำเลยทำให้จำเลยยากจนลง จำเลยจึงมีสิทธิได้รับค่าเลี้ยงชีพจากโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1526

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2475/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องและการสอบสวนที่ชอบด้วยกฎหมาย
เหตุคดีนี้เกิดที่อำเภอตรอน และพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอตรอนยืนยันว่าเป็นผู้สอบสวน ซึ่งจำเลยที่ 2 มิได้ซักค้านในข้อนี้เพื่อให้เห็นว่าการสอบสวนไม่ชอบแต่อย่างใด จึงฟังได้ว่ามีการสอบสวนโดยชอบแล้วโจทก์มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2475/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: การสอบสวนโดยชอบและการยืนยันของผู้สอบสวนเป็นปัจจัยสำคัญ
เหตุคดีนี้เกิดที่อำเภอตรวน และพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอตรอนยืนยันว่าเป็นผู้สอบสวน ซึ่งจำเลยที่ 2 มิได้ซักค้านในข้อนี้เพื่อให้เห็นว่าการสอบสวนไม่ชอบแต่อย่างใด จึงฟังได้ว่ามีการสอบสวนโดยชอบแล้ว โจทก์มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2463/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในข้อเท็จจริงเมื่อทุนทรัพย์น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด และการโต้แย้งดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐาน
คดีนี้จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกามีเพียง 10,750 บาท และกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคหนึ่ง การที่ผู้ร้องสอดฎีกาว่า ส.ค.1 ของบิดาผู้ร้องสอดเป็นเอกสารที่ทางราชการออกให้ก่อนเอกสารใบจองของโจทก์ จึงยืนยันความแน่นอนได้ว่าบิดาผู้ร้องสอดอยู่อาศัยในที่พิพาทก่อนโจทก์ โจทก์มีเพียงพยานบุคคล ส่วนสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยโจทก์ก็ทำขึ้นเองและมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสาระสำคัญ ไม่น่าเชื่อว่าโจทก์ให้จำเลยเช่าที่พิพาท พยานหลักฐานผู้ร้องสอดเชื่อได้ว่า ที่พิพาทเป็นของบิดาผู้ร้องสอดนั้นเป็นการฎีกาโต้แย้งดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ผู้ร้องสอดฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2441/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงลายมือชื่อรับเงินแทนบริษัท: กรรมการคนเดียวทำได้ ไม่ต้องมีลายมือชื่อ/ตราบริษัท
การรับเงินหรือเอกสารแทนนิติบุคคล ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ไปรับเงินหรือเอกสารก็สามารถลงลายมือชื่อรับได้ จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 ลงลายมือรับเช็คเพียงคนเดียวก็สมบูรณ์แล้วไม่จำต้องให้กรรมการคนอื่นลงลายมือชื่อร่วมและประทับตราสำคัญของจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2385/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของหน่วยงานราชการต่อหนี้ที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแล
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 218 เป็นกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินและกำหนดหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดในการบริหารส่วนจังหวัด การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามอนุมัติและมอบอำนาจให้หัวหน้าสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทจังหวัดมหาสารคามสั่งซื้อน้ำมัน และผู้ว่าราชการจังหวัดทำสัญญาซื้อน้ำมัน เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพัสดุ เป็นการทำหน้าที่แทนจำเลยตามกฎหมาย จำเลยซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต้องรับผิดชอบในการกระทำของสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทจังหวัดมหาสารคาม เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า สำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทจังหวัดมหาสารคามเป็นหนี้โจทก์จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องชำระหนี้แก่โจทก์
of 29