คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สะสม สิริเจริญสุข

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 744 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4034/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ มูลหนี้จากเล่นแชร์เป็นเหตุให้เกิดสัญญาเงินกู้ที่สมบูรณ์ การนำสืบถึงที่มาของหนี้ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้อง
มูลหนี้ของสัญญาเงินกู้มาจากการเล่นแชร์ อันเป็นมูลหนี้ที่ชอบด้วยกฎหมายและบังคับกันได้ และกรณีเช่นนี้ไม่จำต้องมีการส่งมอบเงินให้แก่จำเลยเพราะถือเสมือนหนึ่งว่าได้มีการส่งมอบเงินกู้ให้แก่จำเลยไปแล้ว ดังนั้นสัญญาเงินกู้ตามฟ้องตามจึงมีผลสมบูรณ์ ที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยเป็นหนี้ค่าเล่นแชร์ที่โจทก์ในฐานะนายวงแชร์ได้ใช้เงินแทนให้จำเลยไปแล้ว จำเลยจึงได้ทำสัญญาเงินกู้ตามเอกสารหมาย จ.1ให้ไว้แก่โจทก์นั้น เป็นการนำสืบถึงที่มาแห่งมูลหนี้ของหนี้เงินกู้ตามฟ้อง ซึ่งโจทก์ชอบที่จะนำสืบได้ มิใช่เป็นการนำสืบนอกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3838/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งทรัพย์สินหลังหย่า: บันทึกข้อตกลงเป็นโมฆะ ทรัพย์สินยังเป็นกรรมสิทธิ์ร่วม ผู้ร้องมีสิทธิขอรับส่วนแบ่ง
ผู้ร้องกับลูกนี้ได้จดทะเบียนหย่ากันและได้ทำบันทึกเกี่ยวกับทรัพย์สินท้ายทะเบียนหย่าว่าที่ดินโฉนดเลขที่125591พร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นของผู้ร้องส่วนที่พิพาททั้งห้าแปลงเป็นของลูกหนี้ในชั้นสอบสวนคำร้องขอให้ถอนการยึดทรัพย์ที่ดินโฉนดเลขที่125591ของผู้ร้องนั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฟังข้อเท็จจริงว่าบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สินท้ายทะเบียนหย่าระหว่างผู้ร้องกับลูกหนี้ที่ตกลงกันให้ที่ดินโฉนดเลขที่125591เป็นของผู้ร้องนั้นเป็นการแสดงเจตนาลวงเป็นโมฆะไม่มีผลบังคับข้อเท็จจริงดังกล่าวต้องผูกพันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และผู้ร้องเมื่อผู้ร้องมายื่นคำร้องขอกันส่วนเงินค่าขายทอดตลาดที่ดินพิพาททั้งห้าแปลงเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะอ้างว่าคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยเกี่ยวกับที่ดินโฉนดเลขที่125591เพียงแปลงเดียวไม่เกี่ยวกับที่ดินพิพาทอีกห้าแปลงที่เหลือย่อมไม่ได้เพราะที่ดินพิพาททั้งห้าแปลงก็เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สินท้ายทะเบียนหย่าซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์วินิจฉัยว่าเป็นการแสดงเจตนาลวงเป็นโมฆะไปแล้วนั่นเองเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าทรัพย์สินของผู้ร้องกับลูกหนี้ตามบันทึกข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่ายังไม่มีการแบ่งกันที่ดินพิพาททั้งห้าแปลงตามคำร้องจึงยังเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมของผู้ร้องและลูกหนี้ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอกันส่วนเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินพิพาททั้งห้าแปลง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3838/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งทรัพย์สินหลังหย่า: ข้อตกลงโมฆะและสิทธิในการกันส่วนเงินจากการขายทอดตลาด
ผู้ร้องกับลูกหนี้ได้จดทะเบียนหย่ากัน และได้ทำบันทึกเกี่ยวกับทรัพย์สินท้ายทะเบียนหย่าว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 125591 พร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นของผู้ร้อง ส่วนที่พิพาททั้งห้าแปลงเป็นของลูกหนี้ ในชั้นสอบสวนคำร้องขอให้ถอนการยึดทรัพย์ที่ดินโฉนดเลขที่ 125591 ของผู้ร้องนั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฟังข้อเท็จจริงว่า บันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สินท้ายทะเบียนหย่าระหว่างผู้ร้องกับลูกหนี้ ที่ตกลงกันให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 125591 เป็นของผู้ร้องนั้นเป็นการแสดงเจตนาลวงเป็นโมฆะไม่มีผลบังคับ ข้อเท็จจริงดังกล่าวต้องผูกพันเจ้าพนักงาน-พิทักษ์ทรัพย์และผู้ร้อง เมื่อผู้ร้องมายื่นคำร้องขอกันส่วนเงินค่าขายทอดตลาดที่ดินพิพาททั้งห้าแปลง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะอ้างว่า คำวินิจฉัยของเจ้าพนักงาน-พิทักษ์ทรัพย์ดังกล่าว เป็นการวินิจฉัยเกี่ยวกับที่ดินโฉนดเลขที่ 125591 เพียงแปลงเดียว ไม่เกี่ยวกับที่ดินพิพาทอีกห้าแปลงที่เหลือย่อมไม่ได้ เพราะที่ดินพิพาททั้งห้าแปลงก็เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สินท้ายทะเบียนหย่า ซึ่งเจ้าพนักงาน-พิทักษ์ทรัพย์วินิจฉัยว่า เป็นการแสดงเจตนาลวงเป็นโมฆะไปแล้วนั่นเอง เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ทรัพย์สินของผู้ร้องกับลูกหนี้ตามบันทึกข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่ายังไม่มีการแบ่งกัน ที่ดินพิพาททั้งห้าแปลงตามคำร้องจึงยังเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมของผู้ร้องและลูกหนี้ ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอกันส่วนเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินพิพาททั้งห้าแปลง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3823/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับรองบุตรนอกกฎหมาย: สิทธิในการรับมรดกของผู้รับรองและทายาทลำดับถัดไป
ผู้คัดค้านทั้งสองเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกับ อ.เจ้ามรดก อ. มิได้จดทะเบียนสมรสกับ พ. ซึ่งเป็นมารดาของผู้ร้องผู้ร้องเป็นบุตรนอกกฎหมายของ อ. ผู้ร้องนำสืบสมุดรายงานประจำตัวนักเรียนของผู้ร้องในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นสายสามัญซึ่งมีข้อความระบุว่าผู้ร้องเป็นบุตรของ อ. กับ พ. กับมีข้อความที่ อ. ได้บันทึกลงในช่องความเห็นผู้ปกครองแล้วลงลงชื่อกำกับไว้ทั้ง อ. เคยพาผู้ร้องไปให้พระภิกษุเปลี่ยนชื่อให้นอกจากนี้ในใบมอบตัวสำหรับนักเรียนเข้าใหม่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญก็มีข้อความระบุว่า อ. เป็นบิดาของผู้ร้องและมีลายมือชื่อของ อ. ลงไว้ในฐานะผู้ปกครองของผู้ร้องถือได้ว่า อ. ได้รับรองว่าผู้ร้องเป็นบุตรของตนแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3459/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการวินิจฉัยสถานะ 'บริวาร' และองค์คณะผู้พิพากษาในการออกคำสั่ง
ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้องในชั้นบังคับคดีตามคำพิพากษาที่อ้างว่าผู้ร้องไม่ใช่บริวารของโจทก์โดยผู้พิพากษานายเดียวเป็นผู้ลงนามในคำสั่งนั้นเป็นการไม่ชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาตรา23เพราะเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีซึ่งไม่อยู่ในอำนาจของผู้พิพากษานายเดียวที่จะออกคำสั่งได้ตามมาตรา21(2)อันเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นโดยให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่มีผู้พิพากษาครบองค์คณะได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3459/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะ 'บริวาร' ผู้เช่าตึกแถว: สัญญาโอนสิทธิการเช่าทำให้มีฐานะเป็นบริวารของผู้อ้างสิทธิเดิม
ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีให้โจทก์และบริวารออกไปจากตึกแถวพิพาท เมื่อผู้ร้องอ้างว่า ผู้ร้องมิใช่บริวารของโจทก์ แต่จำเลยคัดค้านว่าผู้ร้องเป็นบริวารของโจทก์ คดีจึงมีประเด็นข้อพิพาทจะต้องวินิจฉัยว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของโจทก์หรือไม่ ซึ่งการที่จะวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวโดยปกติศาลชั้นต้นจะต้องทำการไต่สวนโดยเปิดโอกาสให้คู่กรณีนำพยานหลักฐานเข้าสืบเพื่อสนับสนุนข้ออ้างและข้อคัดค้านของตนแล้วจึงจะวินิจฉัยชี้ขาด แต่คดีนี้ผู้ร้องมิได้มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยการที่ผู้ร้องเข้าครอบครองอ้างสิทธิในตึกแถวพิพาทก็โดยอาศัยสิทธิตามสัญญาโอนสิทธิการเช่าระหว่างผู้ร้องกับโจทก์ จึงต้องถือว่าผู้ร้องเป็นบริวารของโจทก์ ดังนั้นแม้จะทำการไต่สวนและฟังข้อเท็จจริงได้ตามคำร้อง ก็คงต้องฟังว่าผู้ร้องเป็นบริวารของโจทก์อยู่นั่นเอง ศาลชอบที่สั่งงดการไต่สวนเสียได้
เมื่อศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยในปัญหาที่ว่า ที่ศาลชั้นต้นงดไต่สวนคำร้องของผู้ร้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเป็นปัญหาตามอุทธรณ์ของผู้ร้องโดยตรงแล้ว การที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจยกปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นวินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้องโดยผู้พิพากษานายเดียวเป็นผู้ลงนามในคำสั่งนั้น เป็นการไม่ชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 23 เนื่องจากคำสั่งดังกล่าวมีลักษณะเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดี ซึ่งไม่อยู่ในอำนาจของผู้พิพากษานายเดียวที่จะออกคำสั่งได้ ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 21 (2)อันเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น โดยให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ให้มีผู้พิพากษาครบองค์คณะได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3215/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานตรวจสอบงานราชการรายงานเท็จทำให้เกิดความเสียหายทางราชการ ความผิด ม.157
แม้จำเลยเป็นปลัดอำเภอไม่มีหน้าที่ในการตรวจรับมอบงานเพราะมิได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการตรวจรับการจ้างแต่เมื่อนายอำเภอได้แต่งตั้งให้จำเลยทำการตรวจสอบผลงานดังกล่าวซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ในทางราชการจำเลยจึงเป็น เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ต้องตรวจสอบผลงานตามที่ได้รับมอบหมายแล้วรายงานให้นายอำเภอทราบการที่จำเลยทำรายงานเท็จจึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเป็นเหตุให้นายอำเภอได้รับความเสียหายอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา157

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3215/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบอนุมัติเบิกจ่ายเงินเกินจริงจากโครงการสร้างงานในชนบท
จำเลยเป็นปลัดอำเภอได้รับแต่งตั้งจากนายอำเภอให้ทำการตรวจสอบผลงานตามโครงการสร้างวานในชนบทของสภาตำบลการแต่งตั้งดังกล่าวเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ในทางราชการจำเลยจึงเป็นเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ต้องเดินทางไปตรวจสอบผลงานตามโครงการที่ได้รับมอบหมายแล้วรายงานให้นายอำเภอทราบการที่จำเลยทำรายงานว่าสภาตำบลได้จ้างเหมาเครื่องจักรกลขุดดินถูกต้องตามโครงการแล้วเห็นควรให้คณะกรรมการสภาตำบลดำเนินการเบิกจ่ายเงินค่าจ้างนั้นๆที่งานตามโครงการยังไม่แล้วเสร็จโดยจำเลยได้ร่วมออกไปดูการตรวจสอบรับมอบงานของคณะกรรมการตรวจรับการจ้างดังกล่าวด้วยอีกทั้งงานในส่วนที่ยังไม่แล้วเสร็จนั้นอาจตรวจสอบและพบเห็นได้โดยง่ายดังนี้การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเป็นเหตุให้นายอำเภอและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้รับความเสียหายการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา157

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3215/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานปฏิบัติ/ละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ
จำเลยเป็นปลัดอำเภอได้รับแต่งตั้งจากนายอำเภอให้ทำการตรวจสอบผลงานตามโครงการสร้างงานในชนบทของสภาตำบล การแต่งตั้งดังกล่าวเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ในทางราชการ จำเลยจึงเป็นเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ต้องเดินทางไปตรวจสอบผลงานตามโครงการที่ได้รับมอบหมายแล้วรายงานให้นายอำเภอทราบ การที่จำเลยทำรายงานว่า สภาตำบลได้จ้างเหมาเครื่องจักรกลขุดดินถูกต้องตามโครงการแล้ว เห็นควรให้คณะกรรมการสภาตำบลดำเนินการเบิกจ่ายเงินค่าจ้างทั้ง ๆ ที่งานตามโครงการยังไม่แล้วเสร็จ โดยจำเลยได้ร่วมออกไปดูการตรวจสอบรับมอบงานของคณะกรรมการตรวจรับการจ้างดังกล่าวด้วยอีกทั้งงานในส่วนที่ยังไม่แล้วเสร็จนั้นอาจตรวจสอบและพบเห็นได้โดยง่าย ดังนี้การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเป็นเหตุให้นายอำเภอและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้รับความเสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 157

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2832/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แม้พลาดเป้าหมายไปยังผู้ตาย ก็ถือเป็นความผิดฐานฆ่าโดยเจตนา
จำเลยได้นำน้ำส้มผสมยาฆ่าแมลงไปถวายพระภิกษุผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนแม้จำเลยจะมีเจตนาฆ่าเฉพาะผู้เสียหายแต่เมื่อผลแห่งการกระทำเกิดขึ้นแก่ผู้ตายโดยพลาดไปก็ต้องถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา60ด้วยจำเลยมีความผิดตามมาตรา289(4)ประกอบด้วยมาตรา80และมาตรา289(4)ประกอบด้วยมาตรา60
of 75