คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สะสม สิริเจริญสุข

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 744 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1174/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ยื่นบัญชีระบุพยานทำให้จำเลยไม่มีสิทธิสาบานตน
การที่จำเลยไม่ยื่นบัญชีระบุพยาน จำเลยไม่มีสิทธิสาบานตนให้การเป็นพยานได้เพราะมีกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 85 และ 87บัญญัติเรื่องการไม่ยื่นบัญชีระบุพยานไว้โดยชัดแจ้งอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องนำเรื่องขาดนัดยื่นคำให้การอันเป็นบทกฎหมายใกล้เคียงอย่างยิ่งมาปรับบังคับใช้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1174/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ยื่นบัญชีระบุพยานทำให้จำเลยไม่มีสิทธิสาบานตนเบิกความได้ แม้จะอ้างเหตุขาดนัดยื่นคำให้การ
การที่จำเลยไม่ยื่นบัญชีระบุพยานจำเลยไม่มีสิทธิสาบานตนให้การเป็นพยานได้เพราะมีกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา85และ87บัญญัติเรื่องการไม่ยื่นบัญชีระบุพยานไว้โดยชัดแจ้งอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องนำเรื่องขาดนัดยื่นคำให้การอันเป็นบทกฎหมายใกล้เคียงอย่างยิ่งมาปรับบังคับใช้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้สืบพยาน ทำให้ฎีกาไม่ชอบตามกฎหมาย
ในวันนัดสืบพยานผู้ร้องซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนเมื่อวันที่ 2 กันยายน2534 ผู้ร้องยื่นบัญชีระบุพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานของผู้ร้อง กับให้งดสืบพยานผู้ร้องและพยานโจทก์และได้มีคำพิพากษาวันที่ 19 กันยายน 2534 คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226 เมื่อผู้ร้องมิได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวไว้ ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้น
คดีนี้ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เมื่อศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้ผู้ร้องนำพยานเข้าสืบ ถือได้ว่าผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบตามคำร้อง และฟังไม่ได้ว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้อง ดังนั้น การที่ผู้ร้องฎีกาว่า บ้านพิพาทเดิมเป็นกรรมสิทธิ์ของ ธ.ไม่ใช่ของจำเลย ผู้ร้องได้ซื้อบ้านพิพาทมาจาก ธ. เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2531ในราคา 20,000 บาท และผู้ร้องได้เป็นเจ้าของบ้านพิพาทในทะเบียนบ้านแล้วเมื่อโจทก์ทั้งสองฟ้อง จำเลยได้ออกไปจากบ้านพิพาทแล้ว โจทก์ทั้งสองหามีสิทธิที่จะบังคับคดีให้รื้อถอนบ้านพิพาทได้อีกต่อไป การที่โจทก์ทั้งสองขอให้บังคับคดี จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าฎีกาของผู้ร้องดังกล่าวมิได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องหรือผิดพลาดอย่างไร เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งไม่อนุญาตสืบพยานเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา หากไม่โต้แย้งสิทธิอุทธรณ์/ฎีกาเป็นอันสิ้นสุด ฎีกาต้องโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ในวันนัดสืบพยานผู้ร้องซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนเมื่อวันที่2กันยายน2534ผู้ร้องยื่นบัญชีระบุพยานศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานของผู้ร้องกับให้งดสืบพยานผู้ร้องและพยานโจทก์และได้มีคำพิพากษาวันที่19กันยายน2534คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา226เมื่อผู้ร้องมิได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวไว้ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้น คดีนี้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเมื่อศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้ผู้ร้องนำพยานเข้าสืบถือได้ว่าผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบตามคำร้องและฟังไม่ได้ว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้องดังนั้นการที่ผู้ร้องฎีกาว่าบ้านพิพาทเดิมเป็นกรรมสิทธิ์ของ ธ. ไม่ใช่ของจำเลยผู้ร้องได้ซื้อบ้านพิพาทมาจาก ธ. เมื่อวันที่20มิถุนายน2531ในราคา20,000บาทและผู้ร้องได้เป็นเจ้าของบ้านพิพาทในทะเบียนบ้านแล้วเมื่อโจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยได้ออกไปจากบ้านพิพาทแล้วโจทก์ทั้งสองหามีสิทธิที่จะบังคับคดีให้รื้อถอนบ้านพิพาทได้อีกต่อไปการที่โจทก์ทั้งสองขอให้บังคับคดีจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าฎีกาของผู้ร้องดังกล่าวมิได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องหรือผิดพลาดอย่างไรเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความบังคับคดีและการฟ้องล้มละลาย: หนี้ตามคำพิพากษาที่โจทก์ไม่ได้บังคับคดีภายใน 10 ปี ไม่อาจนำมาฟ้องล้มละลายได้
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์เมื่อวันที่1ธันวาคม2523โจทก์ชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีภายในสิบปีนับแต่วันดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา271แม้โจทก์จะได้ร้องขอให้บังคับคดีและยึดทรัพย์ของจำเลยออกขายทอดตลาดเมื่อวันที่22เมษายน2526ก็เป็นขั้นตอนของการดำเนินการบังคับคดีแต่เมื่อเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดไม่พอชำระหนี้และโจทก์มิได้ดำเนินการบังคับคดีเสียภายในสิบปีนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาย่อมหมดสิทธิบังคับคดีแก่จำเลยจึงไม่อาจนำหนี้ดังกล่าวมาฟ้องจำเลยให้ล้มละลายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 803/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีเช่าที่ดิน: การฟ้องก่อนครบกำหนดอุทธรณ์คำวินิจฉัยคณะกรรมการเช่าที่ดิน
โจทก์ทั้งสองในฐานะผู้เช่านาฟ้องขอให้จำเลยทั้งเจ็ดในฐานะผู้รับโอนขายที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่นาที่โจทก์ทั้งสองได้เช่าทำนาให้โจทก์ทั้งสองในขณะที่ยังไม่พ้นกำหนดเวลาที่จำเลยทั้งเจ็ดมีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลที่วินิจฉัยให้จำเลยทั้งเจ็ดโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งสองเป็นการไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯมาตรา56,58จึงยังไม่มีอำนาจฟ้องและเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาชอบที่จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 803/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีซื้อขายที่ดินเช่าเกษตรกรรม ต้องรอคำวินิจฉัย คจก.ถึงที่สุดก่อน
กรณีพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นการพิพาทกันในข้อที่ว่าโจทก์ในฐานะผู้เช่านามีสิทธิให้จำเลยผู้รับโอนขายที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่นาที่โจทก์ได้เช่าทำนาขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ตาม พ.ร.บ. การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง หรือไม่ พ.ร.บ. ดังกล่าวได้บัญญัติขั้นตอนและวิธีปฏิบัติไว้ในมาตรา 54 วรรคสอง ว่าถ้าผู้รับโอนตามวรรคหนึ่งไม่ยอมขายนาให้แก่ผู้เช่านา ผู้เช่านาจะร้องขอต่อ คจก. ตำบลเพื่อให้ผู้นั้นขายนาได้ เมื่อคจก. ตำบลวินิจฉัยอย่างไรแล้วคู่กรณีมีสิทธิตามมาตรา 56 วรรคหนึ่ง คืออาจอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คจก. ตำบลต่อ คจก. จังหวัดได้ โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อประธาน คจก. ตำบลภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัยดังกล่าวแต่ต้องไม่เกิน 60 วัน นับแต่วันที่ คจก. ตำบลมีคำวินิจฉัยดังกล่าว และวรรคสองบัญญัติว่า คำวินิจฉัยของ คจก. ตำบลที่มิได้อุทธรณ์ตามวรรคหนึ่งให้เป็นที่สุด ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ผู้มีส่วนได้เสียชอบที่จะร้องขอต่อศาลให้บังคับการให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยดังกล่าวดุจเป็นคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการตามมาตรา 58 วรรคหนึ่ง ตามฟ้องของโจทก์ปรากฏว่า คจก. ตำบลข้าวงามได้วินิจฉัยเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2531 ให้จำเลยโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ตามคำร้องของโจทก์ ต่อมาวันที่ 15 เมษายน 2531 โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลในขณะที่ยังไม่พ้นกำหนดเวลาที่จำเลยซึ่งเป็นผู้มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยของ คจก. ตำบลข้าวงามซึ่งยังไม่ถึงที่สุด โจทก์ฟ้องคดีโดยไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ. การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2524 กำหนดไว้ โจทก์จึงยังไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลฎีกายกข้อผิดพลาดการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์เรื่องการส่งมอบโฉนดและการบังคับเจ้าพนักงานที่ดิน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์และให้ร่วมกันชำระค่าเสียหายด้วยจำเลยทั้งสองอุทธรณ์เฉพาะเรื่องค่าเสียหายปัญหาเรื่องการส่งมอบโฉนดที่ดินจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นการที่ศาลอุทธรณ์ยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยและพิพากษายกฟ้องโจทก์ในส่วนนี้ด้วยจึงไม่ชอบและเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง โจทก์มิได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินเป็นจำเลยแม้จะมีคำขอให้เจ้าพนักงานที่ดินออกใบแทนโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์เป็นการบังคับบุคคลภายนอกที่มิได้เป็นคู่ความในคดีศาลไม่อาจสั่งบังคับให้เจ้าพนักงานที่ดินกระทำการตามที่โจทก์ขอได้และเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การที่ศาลพิพากษาเกินคำขอและบังคับบุคคลภายนอกคดี ถือเป็นการไม่ชอบและเป็นเหตุให้ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้
คำฟ้องโจทก์อ้างเหตุที่โจทก์โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนของโจทก์ให้แก่ ช. ไม่ได้ เพราะจำเลยทั้งสองไม่นำโฉนดที่ดินที่ยึดถือไว้ไปที่สำนักงานที่ดินตามนัด แต่กลับนำสืบว่าจำเลยทั้งสองโต้แย้งว่าบ้านเลขที่ 95 ที่โจทก์ขายให้ ช.ด้วยนั้น ปลูกอยู่ในที่ดินส่วนที่เป็นของจำเลยที่ 2 จำเลยทั้งสองต้องการให้มีการรังวัดที่ดินเพื่อทราบอาณาเขตเสียก่อน ซึ่งเป็นคนละเหตุกับที่โจทก์กล่าวอ้างในฟ้องเท่ากับโจทก์สืบไม่สมฟ้อง ศาลต้องยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ และให้ร่วมกันชำระค่าเสียหายด้วย จำเลยทั้งสองอุทธรณ์เฉพาะเรื่องค่าเสียหาย ปัญหาเรื่องการส่งมอบโฉนดที่ดินจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นการที่ศาลอุทธรณ์ยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยและพิพากษายกฟ้องโจทก์ในส่วนนี้ด้วย จึงไม่ชอบและเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
โจทก์มิได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินเป็นจำเลย แม้จะมีคำขอให้เจ้าพนักงานที่ดินออกใบแทนโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ เป็นการบังคับบุคคลภายนอกที่มิได้เป็นคู่ความในคดี ศาลไม่อาจสั่งบังคับให้เจ้าพนักงานที่ดินกระทำการตามที่โจทก์ขอได้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาบังคับตามคำขอในส่วนนี้จึงเป็นการมิชอบ และเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับพิจารณาเนื่องจากยื่นพ้นกำหนดหลังศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าผู้ร้องทราบคำพิพากษาแล้ว
เมื่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับลงวันที่30ธันวาคม2535ที่วินิจฉัยในคดีที่ผู้ร้องร้องขอให้เพิกถอนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้ว่าผู้ร้องได้อ่านหรือทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีที่ผู้ร้องร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดฉบับลงวันที่31มกราคม2534แล้วตั้งแต่วันที่25ธันวาคม2534จึงให้ถือว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับลงวันที่31มกราคม2534ให้ผู้ร้องฟังแล้วนับแต่วันที่25ธันวาคม2534ผู้ร้องไม่ได้ฎีกาคัดค้านว่าคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวไม่ชอบอย่างไรหรือไม่จึงต้องถือเป็นยุติตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์นั้นว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับลงวันที่31มกราคม2534ให้ผู้ร้องฟังแล้วตั้งแต่วันที่25ธันวาคม2534การที่ผู้ร้องยื่นฎีกาฉบับลงวันที่8เมษายน2536คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับลงวันที่31มกราคม2534มาดังกล่าวจึงเป็นการยื่นฎีกาเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ผู้ร้องฟังฎีกาของผู้ร้องเป็นฎีกาที่ไม่ชอบจะรับไว้พิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา247ประกอบพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา153ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
of 75