พบผลลัพธ์ทั้งหมด 744 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นฎีกาเกินกำหนดหลังศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว ทำให้ฎีกาไม่รับพิจารณา
เมื่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 30 ธันวาคม 2535ที่วินิจฉัยในคดีที่ผู้ร้องร้องขอให้เพิกถอนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้ว่า ผู้ร้องได้อ่านหรือทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีที่ผู้ร้องร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดฉบับลงวันที่ 31 มกราคม 2534 แล้ว ตั้งแต่วันที่25 ธันวาคม 2534 จึงให้ถือว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 31 มกราคม 2534 ให้ผู้ร้องฟังแล้วนับแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2534ผู้ร้องไม่ได้ฎีกาคัดค้านว่าคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวไม่ชอบอย่างไรหรือไม่จึงต้องถือเป็นยุติตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์นั้นว่า ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 31 มกราคม 2534 ให้ผู้ร้องฟังแล้วตั้งแต่วันที่ 25ธันวาคม 2534 การที่ผู้ร้องยื่นฎีกาฉบับลงวันที่ 8 เมษายน 2536 คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 31 มกราคม 2534 มาดังกล่าว จึงเป็นการยื่นฎีกาเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งเดือน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ผู้ร้องฟัง ฎีกาของผู้ร้องเป็นฎีกาที่ไม่ชอบจะรับไว้พิจารณาตามป.วิ.พ. มาตรา 247 ประกอบ พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 153ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 624/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีเช็คโดยอ้างอิงกฎหมายที่ใช้บังคับ ณ เวลาที่เช็คถูกปฏิเสธ และความถูกต้องของฟ้อง
ขณะเช็คตามฟ้องถูกปฏิเสธการจ่ายเงินและโจทก์ฟ้องคดีนั้นพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534ยังมิได้ประกาศใช้บังคับการที่โจทก์บรรยายฟ้องตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497จึงเป็นฟ้องที่ขอให้บังคับตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นเป็นการถูกต้องแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 624/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีเช็คและการบังคับใช้กฎหมายเช็คในขณะนั้น
ขณะเช็คตามฟ้องถูกปฏิเสธการจ่ายเงินและโจทก์ฟ้องคดีนั้นพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 ยังมิได้ประกาศใช้บังคับการที่โจทก์บรรยายฟ้องตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 จึงเป็นฟ้องที่ขอให้บังคับตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นเป็นการถูกต้องแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีเช็คเลิกกันหลังประนีประนอมยอมความ สิทธิฟ้องอาญาโจทก์ระงับ
มูลหนี้ตามเช็คคดีนี้โจทก์ได้นำไปฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีแพ่งให้ชดใช้เงินแล้วโจทก์และจำเลยทั้งสองได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลได้พิพากษาคดีตามยอมถึงที่สุดแล้วผลของการประนีประนอมยอมความดังกล่าวย่อมทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไปและทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญานั้นว่าเป็นของตนดังที่บัญญัติไว้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา852ดังนั้นหนี้ที่จำเลยทั้งสองได้ออกเช็คตามฟ้องเพื่อใช้เงินนั้นจึงเป็นอันสิ้นผลผูกพันไปก่อนที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดคดีจึงเป็นอันเลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534มาตรา7สิทธิของโจทก์ในการนำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของการประนีประนอมยอมความทำให้หนี้เช็คระงับ สิทธิฟ้องย่อมระงับตามกฎหมาย
มูลหนี้ตามเช็คคดีนี้โจทก์ได้นำไปฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีแพ่งให้ชดใช้เงินแล้ว โจทก์และจำเลยทั้งสองได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลได้พิพากษาคดีตามยอมถึงที่สุดแล้ว ผลของการประนีประนอมยอมความดังกล่าวย่อมทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไปและทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญานั้นว่าเป็นของตนดังที่บัญญัติไว้ ป.พ.พ. มาตรา852 ดังนั้น หนี้ที่จำเลยทั้งสองได้ออกเช็คตามฟ้องเพื่อใช้เงินนั้นจึงเป็นอันสิ้นผลผูกพันไปก่อนที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีจึงเป็นอันเลิกกันตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7 สิทธิของโจทก์ในการนำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 581/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการวินิจฉัยเรื่องระยะเวลาฟ้องคดีครอบครองปรปักษ์ แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้
ปัญหาว่าศาลชอบที่จะยกปัญหาเรื่องระยะเวลาการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินขึ้นวินิจฉัยหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 544/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายยาเสพติด: พยานหลักฐานจากคำรับสารภาพและพยานผู้เห็นเหตุการณ์เพียงพอพิสูจน์ความผิด
พฤติการณ์แห่งคดีไม่มีเหตุให้ระแวงว่าพันตำรวจตรี ศ.ซึ่งเป็น ประจักษ์พยานสำคัญของโจทก์จะกลั่นแกล้งเบิกความปรักปรำจำเลยเมื่อพยานเบิกความถึงบุคคลหรือสิ่งของใดก็มีบุคคลหรือสิ่งของที่อ้างถึงมาแสดงแม้ ช. จะเบิกความว่าในวันเกิดเหตุพยานมิได้มาซื้อเฮโรอีนจากจำเลยพยานเพียงแต่มาเอาเฮโรอีนซึ่งซุกซ่อนไว้ในบ้านของจำเลยก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่ ช. จะต้องให้ถ้อยคำปรักปรำจำเลยทั้งในชั้นจับกุมและสอบสวนว่าตนมาซื้อเฮโรอีนจากจำเลยการที่ ช. เบิกความบิดเบือนข้อเท็จจริงเช่นนั้นก็เพื่อช่วยเหลือจำเลยนั่นเองและนอกจากเจ้าพนักงานตำรวจจะจับกุมจำเลยได้พร้อมด้วยของกลางแล้วจำเลยก็ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนด้วย พยานหลักฐานโจทก์ รับฟังประกอบกันได้ว่าจำเลย มีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและ จำหน่ายเฮโรอีนให้แก่ ช. จริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อเท็จจริงศาลอุทธรณ์ยุติ จำเลยผิดสัญญาซื้อขายที่ดิน แม้ฎีกาปัญหาข้อกฎหมาย
คดีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ.มาตรา 248 วรรคหนึ่ง ที่จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยไม่ยอมรับแคชเชียร์เช็คแทนการชำระหนี้ด้วยเงินสดจากโจทก์ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2531จะถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหาได้ไม่นั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2531 โจทก์พร้อมที่จะชำระราคาที่ดินให้แก่จำเลยและรับโอนกรรมสิทธิ์ แต่จำเลยกลับเป็นฝ่ายที่ไม่พร้อมที่จะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่โจทก์เพราะที่ดินที่ขายติดจำนอง และจำเลยมิได้ติดต่อกับผู้รับจำนองเพื่อให้ผู้รับจำนองนำโฉนดที่ดินและเอกสารมาที่สำนักงานที่ดินเพื่อจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองและโอนขายให้แก่โจทก์ จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ดังนั้นไม่ว่าผลแห่งคำวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยจะออกมาในรูปใดก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังเป็นยุติแล้วได้ ผลแห่งคดีก็คงเป็นเช่นเดิมปัญหาข้อกฎหมายตามที่จำเลยฎีกา จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีซื้อขายที่ดิน: ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงยุติแล้ว แม้ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายก็ไม่กระทบผลคดี
คดีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่งที่จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่าการที่จำเลยไม่ยอมรับแคชเชียร์เช็คแทนการชำระหนี้ด้วยเงินสดจากโจทก์ในวันที่16พฤศจิกายน2531จะถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหาได้ไม่นั้นเมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าในวันที่16พฤศจิกายน2531โจทก์พร้อมที่จะชำระราคาที่ดินให้แก่จำเลยและรับโอนกรรมสิทธิ์แต่จำเลยกลับเป็นฝ่ายที่ไม่พร้อมที่จะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่โจทก์เพราะที่ดินที่ขายติดจำนองและจำเลยมิได้ติดต่อกับผู้รับจำนองเพื่อให้ผู้รับจำนองนำโฉนดที่ดินและเอกสารมาที่สำนักงานที่ดินเพื่อจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองและโอนขายให้แก่โจทก์จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาดังนั้นไม่ว่าผลแห่งคำวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฏีกาของจำเลยจะออกมาในรูปใดก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังเป็นยุติแล้วได้ผลแห่งคดีก็คงเป็นเช่นเดิมปัญหาข้อกฎหมายตามที่จำเลยฎีกาจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 524/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าปรับจากสัญญาซื้อขาย: การบอกเลิกสัญญาส่งผลให้สิทธิเรียกร้องค่าปรับสิ้นสุดลง
สัญญาซื้อขายข้อ10มีความว่าเมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญานี้แล้วถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อหรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวนผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ในกรณีที่ผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันตามสัญญาข้อ9เป็นจำนวนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้แล้วแต่ผู้ซื้อจะเห็นสมควรและข้อ11มีความว่าในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามสัญญาข้อ10ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ0.2ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วนในระหว่างที่มีการปรับนั้นถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันตามสัญญาข้อ9กับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นตามที่กำหนดไว้ในสัญญาข้อ10วรรคสองนอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยก็ได้ดังนั้นแม้ครบกำหนดตามสัญญาแล้วเจ้าหนี้จะได้เร่งรัดให้ลูกหนี้ส่งมอบสิ่งของอีกก็ตามแต่ลูกหนี้ก็มิได้ปฏิบัติตามสัญญาอย่างใดเลยจนกระทั่งเจ้าหนี้ได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาไปยังลูกหนี้แล้วแม้การที่เจ้าหนี้จะได้แจ้งสงวนสิทธิการปรับตามสัญญาไปด้วยก็หาใช่เป็นการใช้สิทธิปรับลูกหนี้เป็นรายวันตามสัญญาแล้วไม่เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกค่าปรับเป็นรายวันจากลูกหนี้โดยอาศัยสัญญาซื้อขายข้อ11ได้อีก