คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สะสม สิริเจริญสุข

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 744 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1824/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลูกหนี้ร่วมต้องรับผิดชอบดอกเบี้ยค้างชำระ แม้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยก่อน แม้มีข้อจำกัดตาม พรบ.ล้มละลาย
พระราชบัญญัติ ญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 100 บัญญัติห้ามมิให้เจ้าหนี้ขอรับชำระดอกเบี้ยภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เท่านั้น หาได้หมายความว่าหนี้ดอกเบี้ยภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ระงับแล้วไม่ เมื่อหนี้ดอกเบี้ยภายหลังนั้นยังมีอยู่ลูกหนี้ไม่ว่าจะในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยหรือในฐานะผู้ค้ำประกันอย่างลูกหนี้ร่วมก็ยังต้องร่วมรับผิดในหนี้ดังกล่าวลูกหนี้หาอาจยกข้อต่อสู้ตามบทบัญญัติดังกล่าว อันเป็นกฎหมายที่มุ่งคุ้มครองประโยชน์แห่งเจ้าหนี้ทั้งปวงและแก่ลูกหนี้ในคดีล้มละลายนั้นโดยเฉพาะขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคดีนี้หาได้ไม่เพราะมิฉะนั้นหากเจ้าหนี้มิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยภายในกำหนดเวลา 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยไว้เด็ดขาด ทำให้เจ้าหนี้ไม่อาจขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลย ก็จะทำให้เจ้าหนี้ไม่อาจยื่นคำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ตามเหตุผลเดียวกันได้ แต่กรณีหาเป็นเช่นนั้นไม่ กล่าวคือหากเจ้าหนี้มิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยภายในกำหนด ลูกหนี้ก็ยังต้องรับผิดในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะเป็นผู้ค้ำประกันอย่างลูกหนี้ร่วมเจ้าหนี้จึงมีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ค่าดอกเบี้ยจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้หลังจากวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยไว้เด็ดขาดจนถึงวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ไว้เด็ดขาด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1823/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนที่ดินช่วงล้มละลาย: สัญญาเช่าซื้อ vs. ซื้อขายผ่อนส่ง และการหลีกเลี่ยงภาษี
ผู้คัดค้านทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินเพื่อนำมาจัดสรรขาย มีผู้จองซื้อที่ดินจากผู้คัดค้านจำนวน 96 ราย รวมทั้งลูกหนี้ด้วยผู้คัดค้านให้ผู้จองซื้อที่ดินทำสัญญาเช่าซื้อไว้ และก่อนทำการแบ่งแยกเป็นโฉนดแปลงย่อย ผู้คัดค้านใส่ชื่อผู้จองซื้อที่ดินทั้งหมดลงในโฉนดที่ดินเป็นการซื้อร่วมกับผู้คัดค้าน และเมื่อเจ้าพนักงานออกโฉนดที่ดินแปลงย่อยแล้วมีชื่อผู้จองซื้อที่ดินเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินแต่ละแปลงซึ่งเป็นการให้ผู้จองซื้อที่ดินถือกรรมสิทธิ์แทนผู้คัดค้านเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอนและภาษีอีกชั้นหนึ่ง ทั้งเป็นการอำพรางว่าผู้คัดค้านมิได้จัดสรรที่ดิน ผู้คัดค้านให้ผู้จองซื้อที่ดินลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจไว้ใช้ดำเนินการโอนที่ดินเป็นของผู้คัดค้านในกรณีที่ผู้จองซื้อที่ดินผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ และผู้คัดค้านเป็นผู้ถือโฉนดที่ดินไว้แสดงว่าผู้คัดค้านและผู้จองซื้อที่ดินมีเจตนาให้ผูกพันต่อกันอย่างสัญญาเช่าซื้อไม่ใช่สัญญาซื้อขายโดยวิธีผ่อนส่งราคา เมื่อลูกหนี้ค้างชำระค่าเช่าซื้อ 2 งวดติดต่อกันผู้คัดค้านทวงถามแล้วลูกหนี้ไม่ชำระ ผู้คัดค้านกรอกข้อความลงในหนังสือมอบอำนาจที่ลูกหนี้ลงชื่อไว้ล่วงหน้าไปดำเนินการโอนที่ดินใส่ชื่อผู้คัดค้านเป็นผู้ถือกรรมสิทธิที่ดิน กรณีจึงไม่ใช่เป็นการที่ลูกหนี้โอนชำระหนี้ให้แก่ผู้คัดค้าน หากแต่เป็นการโอนให้เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงจึงไม่ใช่เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของลูกหนี้ให้ผู้คัดค้านโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นอันจะเป็นเหตุให้ผู้ร้องขอเพิกถอนการโอนตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 115 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1805/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิด และการรับฟังพยานที่ไม่สามารถมาให้การได้
นางสาว ข. พยานโจทก์มาเบิกความตอบคำซักถามของโจทก์แล้วไม่มาให้จำเลยถามค้านแต่โจทก์ส่งคำให้การ ของนางสาว ข. ต่อศาล โดยมีพนักงานสอบสวนเบิกความรับรองว่านางสาว ข. ให้การไว้เช่นนั้นจริง ทั้งตามคำให้การชั้นสอบสวนของนางสาว ข. ดังกล่าวสอดคล้องกับที่เบิกความตอบคำซักถามของโจทก์ จึงนำคำเบิกความของนางสาว ข. ที่ตอบคำซักถามของโจทก์มารับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ได้ จำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงาน การที่จำเลยร่วมกับพวกซึ่งเป็น เจ้าพนักงานกระทำความผิด จำเลยย่อมมีความผิดฐานสนับสนุน เจ้าพนักงานในการกระทำผิดนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1805/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐาน - พยานเบิกความไม่ครบถ้วน - ความผิดสนับสนุนเจ้าพนักงาน
นางสาว ข.พยานโจทก์มาเบิกความตอบคำซักถามของโจทก์แล้วไม่มาให้จำเลยถามค้านแต่โจทก์ส่งคำให้การของนางสาว ข.ต่อศาล โดยมีพนักงานสอบสวนเบิกความรับรองว่านางสาว ข.ให้การไว้เช่นนั้นจริง ทั้งตามคำให้การชั้นสอบสวนของนางสาว ข.ดังกล่าวสอดคล้องกับที่เบิกความตอบคำซักถามของโจทก์ จึงนำคำเบิกความของนางสาว ข.ที่ตอบคำซักถามของโจทก์มารับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ได้
จำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงาน การที่จำเลยร่วมกับพวกซึ่งเป็นเจ้าพนักงานกระทำความผิด จำเลยย่อมมีความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานในการกระทำผิดนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1801/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขายลดเช็คมีผลผูกพัน แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ อายุความ 10 ปี ดอกเบี้ย 21% ชอบด้วยกฎหมาย
สัญญาขายลดเช็คเป็นสัญญาต่างตอบแทนประเภทหนึ่ง กฎหมายมิได้บังคับให้ทำเป็นหนังสือ กรณีไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 115 เดิมแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อผู้ร้องรับว่าได้ทำสัญญาขายลดเช็คทั้งสองฉบับกับลูกหนี้ แม้สัญญาขายลดเช็คจะลงลายมือชื่อผู้ร้องฝ่ายเดียว ก็มีผลใช้บังคับแก่ผู้ร้องหาได้ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่อย่างใดไม่การที่ผู้ร้องนำเช็คทั้งสองฉบับไปขายลดแก่ลูกหนี้ ผู้ร้องจึงมีความผูกพันที่จะต้องรับผิดตามสัญญาขายลดเช็คซึ่งบังคับได้อีกส่วนหนึ่งต่างหากจากความรับผิดตามเช็ค ผู้คัดค้านเรียกร้องให้ผู้ร้องชำระหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คมิใช่ให้รับผิดตามเช็คทั้งสองฉบับซึ่งลูกหนี้เป็นผู้ทรงเช็คจึงนำอายุความเรื่องเช็คมาใช้บังคับไม่ได้ สิทธิเรียกร้องตามสัญญาขายลดเช็คไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องบังคับตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 เดิม ซึ่งมีอายุความ 10 ปี ผู้ร้องได้ทำสัญญาขายลดเช็คกับลูกหนี้ และยอมเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 21 ต่อปี ซึ่งอยู่ในช่วงระยะเวลาที่ประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ให้บริษัทเงินทุนเรียกดอกเบี้ยหรือส่วนลดได้ไม่เกินร้อยละ 21 ต่อปี ดังนั้น การที่ผู้คัดค้านเรียกดอกเบี้ยจากผู้ร้องในอัตราร้อยละ 21 ต่อปี จึงไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1747/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธหนี้หลังได้รับหนังสือทวงหนี้ในคดีล้มละลาย หากพ้นกำหนด 14 วัน ถือว่ายอมรับหนี้ตามกฎหมาย
เมื่อผู้ร้องไม่ได้ปฏิเสธต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลา 14 วัน นับจากวันที่ผู้ร้องได้รับหนังสือทวงหนี้นั้นต้องถือว่าผู้ร้องเป็นหนี้กองทรัพย์สินของจำเลยอยู่ตามจำนวนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งไปยังผู้ร้องเป็นการเด็ดขาด ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 119 วรรคแรก ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะมาร้องขอต่อศาลให้วินิจฉัยว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหนังสือทวงหนี้ไปยังผู้ร้องโดยไม่ชอบเพราะผู้ร้องไม่ได้เป็นหนี้จำเลย หรือจำเลยไม่มีสิทธิเรียกค่าธรรมเนียมสำหรับหนี้ที่ค้างชำระ อันเป็นการคัดค้านว่าผู้ร้องไม่ได้เป็นหนี้กองทรัพย์สินของจำเลยตามจำนวนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งไปยังผู้ร้อง ซึ่งขัดต่อ มาตรา 119 วรรคแรกดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1746/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำขอพิจารณาใหม่เกินกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด แม้มีเหตุสุดวิสัยหลังการยึดทรัพย์
คำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยอ้างว่า จำเลยไม่ได้อยู่ที่บ้านในระหว่างถูกฟ้องเพราะเดินทางไปประเทศซาอุดีอาระเบีย แสดงว่าจำเลยยังมีภูมิลำเนาอยู่ตามที่ระบุในฟ้อง เจ้าพนักงานเดินหมายส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องตลอดจนคำบังคับให้จำเลยตามภูมิลำเนาดังกล่าว จึงเป็นการส่งโดยชอบแล้ว คำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยจะต้องยื่นภายในกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209ทั้งนี้ แม้จะมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ แต่เมื่อมีการยึดทรัพย์เพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาแล้ว ก็ไม่อาจยื่นคำขอล่าช้าเกินกว่า 6 เดือน นับแต่วันยึดทรัพย์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1746/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำขอพิจารณาใหม่หลังการยึดทรัพย์: กำหนดเวลา 6 เดือน และการส่งหมายเรียกโดยชอบ
จำเลยอ้างแต่เพียงว่าระหว่างถูกฟ้องคดีนี้จำเลยมิได้อยู่ที่บ้านเพราะจำเลยเดินทางไปประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งแสดงว่าจำเลยยังมีภูมิลำเนาตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้อง การที่เจ้าพนักงานเดินหมายส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องตลอดจนคำบังคับให้จำเลยตามภูมิลำเนาดังกล่าว จึงเป็นการส่งโดยชอบแล้ว เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2527และทำการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2528จำเลยมายื่นคำขอพิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2532จึงพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์ แม้จะมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ จำเลยก็ไม่อาจยื่นคำขอล่าช้าเกิน 6 เดือนนับแต่วันยึดทรัพย์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1723/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เพิกถอนการโอนทรัพย์สินก่อนล้มละลาย: ดอกเบี้ยเริ่มนับจากคำพิพากษา
การเพิกถอนการโอนขายที่ดินพิพาทเป็นไปโดยผลของคำสั่งหรือคำพิพากษา ตราบใดที่ยังไม่มีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนการโอน ก็ยังถือเป็นการโอนโดยชอบอยู่ กรณียังถือไม่ได้ว่ามีการผิดนัดนับแต่วันยื่นคำร้องอันจะเป็นเหตุให้ผู้คัดค้านต้องรับผิดในเรื่องดอกเบี้ยตามขอ ผู้ร้องคงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนการโอนเป็นต้นไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1723/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนขายที่ดิน: ดอกเบี้ยเริ่มนับจากคำสั่งศาล
การเพิกถอนการโอนขายที่ดินพิพาทเป็นไปโดยผลของคำสั่งหรือคำพิพากษา ตราบใดที่ยังไม่มีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนการโอน ก็ยังถือเป็นการโอนโดยชอบอยู่ กรณียังถือไม่ได้ว่ามีการผิดนัดนับแต่วันยื่นคำร้องอันจะเป็นเหตุให้ผู้คัดค้านต้องรับผิดในเรื่องดอกเบี้ยตามขอ ผู้ร้องคงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนการโอนเป็นต้นไป
of 75