พบผลลัพธ์ทั้งหมด 744 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2536 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง และสิทธิเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดู
จำเลยให้ ว.ลูกจ้างของจำเลยขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุไปรับปลาที่จังหวัดภูเก็ตมาส่งที่จังหวัดสมุทรสาคร แต่ปลาที่จังหวัดภูเก็ตไม่มีว.จึงรอรับปลาอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต วันเกิดเหตุ ว.ขับรถยนต์บรรทุกพาคนงานของจำเลยไปเที่ยวที่หาดป่าตอง ดังนี้ จำเลยมีตัวแทนอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อ ว.ขับรถยนต์บรรทุกไปถึงจังหวัดภูเก็ตไม่มีปลา จำเลยก็น่าจะมีระเบียบให้คนขับรถยนต์บรรทุกมอบรถยนต์บรรทุกไว้ในความรับผิดชอบของตัวแทน แต่จำเลยไม่ได้สั่งหรือดำเนินการดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยยินยอมมอบให้ ว.ควบคุมดูแลรถยนต์บรรทุกตลอดระยะเวลาที่ ว.อยู่ในจังหวัดภูเก็ต ว.สามารถนำรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุไปใช้ได้ตลอดเวลา การที่ ว.ขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุพาคนงานของจำเลยไปเที่ยว ย่อมถือได้ว่านาย ว.กระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลย
การที่ ว.กระทำละเมิดเป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตายโจทก์ผู้เป็นบิดาจึงขาดไร้ผู้อุปการะเลี้ยงดู ย่อมมีสิทธิจะได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูอันเป็นค่าสินไหมทดแทนส่วนหนึ่งตาม ป.พ.พ.มาตรา 443 วรรคสาม ประกอบมาตรา 1563 ไม่ว่าบิดามารดาจะมีฐานะมั่งมีหรือยากจนและประกอบอาชีพหาเลี้ยงตนเองได้หรือไม่ และโดยไม่จำต้องพิจารณาว่าในขณะนั้นผู้ตายจะได้อุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาหรือไม่
การที่ ว.กระทำละเมิดเป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตายโจทก์ผู้เป็นบิดาจึงขาดไร้ผู้อุปการะเลี้ยงดู ย่อมมีสิทธิจะได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูอันเป็นค่าสินไหมทดแทนส่วนหนึ่งตาม ป.พ.พ.มาตรา 443 วรรคสาม ประกอบมาตรา 1563 ไม่ว่าบิดามารดาจะมีฐานะมั่งมีหรือยากจนและประกอบอาชีพหาเลี้ยงตนเองได้หรือไม่ และโดยไม่จำต้องพิจารณาว่าในขณะนั้นผู้ตายจะได้อุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างที่ขับรถประมาทจนเกิดละเมิด และสิทธิในการได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดู
จำเลยให้ ว.ลูกจ้างขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุไปรับปลาที่จังหวัดภูเก็ตมาส่งที่จังหวัดสมุทรสาคร แต่ปลาที่จังหวัดภูเก็ตไม่มีว. จึงรอรับปลาอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตวันเกิดเหตุ ว. ขับรถยนต์บรรทุกพาคนงานของจำเลยไปเที่ยวที่หาดป่าตอง จำเลยมีตัวแทนอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตเมื่อ ว. ขับรถยนต์บรรทุกไปถึงจังหวัดภูเก็ตไม่มีปลาจำเลยก็น่าจะมีระเบียบให้คนขับรถยนต์บรรทุกมอบรถยนต์บรรทุกไว้ในความรับผิดชอบของตัวแทน แต่จำเลยไม่ได้สั่งหรือดำเนินการดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยยินยอมมอบให้ ว. ควบคุมดูแลรถยนต์บรรทุกตลอดระยะเวลาที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ต ว. สามารถนำรถยนต์บรรทุกไปใช้ได้ตลอดเวลา การที่ว.ขับรถยนต์บรรทุกพาคนงานของจำเลยไปเที่ยว ถือได้ว่ากระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลย จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างจึงต้องรับผิดร่วมกับ ว. การที่ว.กระทำละเมิดเป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตายโจทก์ผู้บิดาจึงขาดไร้ผู้อุปการะเลี้ยงดู ย่อมมีสิทธิจะได้รับ ค่าอุปการะเลี้ยงดูอันเป็นค่าสินไหมทดแทนส่วนหนึ่ง ตามกฎหมาย โดยไม่จำต้องพิจารณาว่าในขณะนั้นผู้ตาย จะได้อุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง และสิทธิค่าอุปการะเลี้ยงดูเมื่อบุตรเสียชีวิต
จำเลยให้ ว.ลูกจ้างของจำเลยขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุไปรับปลาที่จังหวัดภูเก็ตมาส่งที่จังหวัดสมุทรสาครแต่ปลาที่จังหวัดภูเก็ตไม่มี ว. จึงรอรับปลาอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต วันเกิดเหตุ ว. ขับรถยนต์บรรทุกพาคนงานของจำเลยไปเที่ยงที่หาดป่าตอง ดังนี้ จำเลยมีตัวแทนอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อ ว. ขับรถยนต์บรรทุกไปถึงจังหวัดภูเก็ตไม่มีปลา จำเลยก็น่า จะมีระเบียบให้คนขับรถยนต์บรรทุกมอบรถยนต์บรรทุกไว้ในความรับผิดชอบของตัวแทน แต่จำเลยไม่ได้สั่งหรือดำเนินการดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยยินยอมมอบให้ ว. ควบคุมดูแลรถยนต์บรรทุกตลอดระยะเวลาที่ ซ.อยู่ในจังหวัดภูเก็ตว. สามารถนำรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุไปใช้ได้ตลอดเวลา การที่ ว.ขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุพาคนงานของจำเลยไปเที่ยวย่อมถือได้ว่านาย ว. กระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลย การที่ ว. กระทำละเมิดเป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย โจทก์ผู้เป็นบิดาจึงขาดไร้ผู้อุปการะเลี้ยงดูย่อมมีสิทธิจะได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูอันเป็นค่าสินไหมทดแทนส่วนหนึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443 วรรคสามประกอบมาตรา 1563 ไม่ว่าบิดามารดาจะมีฐานะมั่งมีหรือยากจนและประกอบอาชีพหาเลี้ยง ตนเองได้หรือไม่ และโดยไม่จำต้องพิจารณาว่าในขณะนั้นผู้ตายจะได้อุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิค่าอุปการะเลี้ยงดูเมื่อบุตรเสียชีวิตจากละเมิด ผู้เสียหายมีสิทธิได้รับค่าชดเชยโดยไม่จำเป็นต้องพิจารณาการอุปการะเลี้ยงดูก่อนเสียชีวิต
การที่ ว. กระทำละเมิดเป็นเหตุให้ ป. บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย โจทก์ผู้บิดาจึงขาดไร้ผู้อุปการะเลี้ยงดูย่อมมีสิทธิจะได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูอันเป็นค่าสินไหมทดแทนส่วนหนึ่งตามกฎหมาย โดยไม่จำต้องพิจารณาว่าในขณะนั้นผู้ตายได้อุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 689/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวความผิดเดียว: ขายและมีไว้เพื่อขายยาเสพติดเป็นความผิดต่อเนื่อง
จำเลยขายแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ให้สายลับ 1 เม็ด กับ 2ชิ้น และต่อมาในเวลาใกล้เคียงกันเจ้าพนักงานตรวจพบในร้านของจำเลยอีก 3 เม็ด กับ 5 ชิ้น แอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ทั้งหมดนั้นเป็นชนิดเดียวกันและเป็นจำนวนเดียวกันที่จำเลยขายและมีไว้ในครอบครองในวันเวลาเดียวกันและต่อเนื่องกันโดยตลอดหาได้ขาดตอนเมื่อขายไปแล้วไม่ ดังนั้น การที่จำเลยขายและมีไว้เพื่อขายแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ดังกล่าวจึงเป็นการกระทำกรรมเดียว คือ การขาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ก่อนล้มละลายไม่ถือว่าเจตนาให้เจ้าหนี้รายหนึ่งได้เปรียบ
ก่อนมีการฟ้องคดีล้มละลายประมาณ 4 เดือน ลูกหนี้จ้างผู้คัดค้านให้รื้อห้องสำนักงานของบริษัทลูกหนี้เป็นเงิน 85,000 บาท ผู้คัดค้านได้รื้อห้องให้เสร็จแล้ว ต่อมาหลังจากมีการฟ้องคดีล้มละลายไม่ถึงเดือน ลูกหนี้ได้ชำระหนี้ค่าจ้างให้แก่ผู้คัดค้านจำนวน45,000 บาท เป็นการชำระหนี้ตอบแทนในทันทีตามสัญญาจ้างปกติ อีกทั้งเป็นการชำระเพียงบางส่วน จำนวนเงินที่ชำระมีจำนวนเล็กน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนหนี้ของเจ้าหนี้ที่มีอยู่ถึง 25 ล้านบาท กรณียังถือไม่ได้ว่าลูกหนี้ได้กระทำโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงขอให้เพิกถอนการชำระหนี้ดังกล่าวไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ก่อนฟ้องล้มละลาย: การชำระหนี้ตามปกติและการไม่เจตนาให้เจ้าหนี้รายหนึ่งได้เปรียบ
ก่อนโจทก์ฟ้องคดีล้มละลายประมาณ 4 เดือน ลูกหนี้จ้างผู้คัดค้านรื้อห้องสำนักงานของบริษัทลูกหนี้เป็นเงิน 85,000 บาท เมื่อผู้คัดค้านรื้อห้องเสร็จ ลูกหนี้ชำระค่าจ้างจำนวน 45,000 บาท ให้แก่ผู้คัดค้านเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2532 อันเป็นเวลาภายหลังฟ้องคดีล้มละลายไม่ถึงเดือน การกระทำของลูกหนี้เป็นการชำระหนี้ตอบแทนในทันทีตามสัญญาจ้างตามปกติ การชำระค่าจ้างก็เป็นเพียงบางส่วนและนับว่าเป็นจำนวนเล็กน้อยเมื่อเทียบกับหนี้ที่โจทก์ฟ้องซึ่งมีจำนวนถึง 25 ล้านบาท กรณียังถือไม่ได้ว่าลูกหนี้กระทำการชำระหนี้โดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ผู้ร้องจึงขอเพิกถอนการชำระหนี้ของลูกหนี้ตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 115 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องล้มละลาย: เจ้าหนี้มีสิทธิฟ้องแม้หนี้ยังไม่ถึงกำหนด หากมีหนี้สินล้นพ้นตัวและมีหนี้โจทก์เกินห้าหมื่น
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวและเป็นหนี้โจทก์ไม่น้อยกว่าห้าหมื่นบาทจึงมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดจำเลยชอบที่จะอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านตามประเด็นดังกล่าวหรืออุทธรณ์ฎีกาว่าจำเลยอาจชำระหนี้ได้ทั้งหมดหรือมีเหตุที่ไม่สมควรให้จำเลยล้มละลายตามความใน พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14แต่จำเลยกลับอุทธรณ์ฎีกาว่าได้สั่งจ่ายเช็คชำระหนี้แก่โจทก์แล้ว แต่โจทก์นำคดีมาฟ้องก่อนเช็คถึงกำหนด การที่โจทก์ยอมรับเช็คดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์ยอมขยายระยะเวลาในการชำระหนี้ให้จำเลยแล้วและทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏว่าขณะที่โจทก์ฟ้อง จำเลยตกเป็นลูกหนี้ผู้ใดอีก ซึ่งแม้ข้อเท็จจริงจะเป็นเช่นที่จำเลยฎีกาก็ไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป เพราะแม้จำเลยจะเป็นหนี้โจทก์เพียงคนเดียว แต่เมื่อหนี้มีจำนวนไม่น้อยกว่าห้าหมื่นบาท และหนี้ยังไม่ถึงกำหนดชำระก็ตาม โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยล้มละลายได้ตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 9 ฎีกาของจำเลยในส่วนนี้จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบ พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 568/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระโดดหนีเจ้าพนักงานไม่ถึงขั้นต่อสู้ขัดขวางการจับกุม และข้อสงสัยในการใช้ปืน
จ่าสิบตำรวจ ส.กับพวกพบจำเลยกับพวกสะพาย อาวุธปืนยาวมาคนละกระบอก จ่าสิบตำรวจ ส. กับพวกจึงขอตรวจค้น จำเลยส่งอาวุธปืนยาวให้เจ้าพนักงานตำรวจแล้วได้กระโดดหนีเจ้าพนักงานตำรวจ และจ่าสิบตำรวจ ส.จึงได้กระโดดเข้าจับจำเลยและกอดปล้ำกันตกลงไปตามทางลาดชัน การที่จำเลยกระโดดหนีเจ้าพนักงานตำรวจนี้ ยังไม่อาจถือได้ว่าเป็นการต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่อันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 568/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระโดดหนีเจ้าพนักงานไม่ถึงขั้นต่อสู้ขัดขวางการจับกุม
จ่าสิบตำรวจ ส.กับพวกพบจำเลยกับพวกสะพายอาวุธปืนยาวมาคนละกระบอก จ่าสิบตำรวจ ส.กับพวกจึงขอตรวจค้น จำเลยส่งอาวุธปืนยาวให้เจ้าพนักงานตำรวจแล้วได้กระโดดหนี เจ้าพนักงานตำรวจ และจ่าสิบตำรวจ ส.จึงได้กระโดดเข้าจับจำเลยและกอดปล้ำกันตกลงไปตามทางลาดชัน การที่จำเลยกระโดดหนีเจ้าพนักงานตำรวจนี้ ยังไม่อาจถือได้ว่าเป็นการต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่อันจะเป็นความผิดตาม ป.อ.มาตรา138