คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สะสม สิริเจริญสุข

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 744 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3771/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองไม้แปรรูปผิดกฎหมาย แม้ทำเป็นเครื่องใช้แต่มีลักษณะผิดปกติวิสัย ถือเป็นไม้แปรรูปได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีไม้สักแปรรูปไว้ในความครอบครองในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ แล้วจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันช่วยพาเอาไปเสียโดยนำขึ้นรถยนต์เคลื่อนที่จากท้องที่ตำบลก้อไปยังตำบลลี้ ตามฟ้องดังกล่าวโจทก์บรรยายชัดว่าจำเลยทั้งสองมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครอง แม้จะไม่ระบุว่านำไม้แปรรูปดังกล่าวมาในรูปโต๊ะ จำเลยก็สามารถเข้าใจและต่อสู้คดีได้โดยไม่หลงข้อต่อสู้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โต๊ะของกลางทำด้วยไม้สักซึ่งมีค่าราคาสูงแต่ทำอย่างหยาบ ดูจากภายนอกมีลักษณะเป็นเครื่องใช้แต่ก็สามารถถอดออกเป็นชิ้น ๆ ได้ไม่ยาก ปริมาตรเนื้อไม้มีจำนวนมากถึง0.149 ลูกบาศก์เมตร แม้โต๊ะตามภาพถ่ายที่จำเลยอ้างเป็นโต๊ะเช่นเดียวกับโต๊ะของกลางซึ่งมีใช้เป็นปกติอยู่ทั่วไปในท้องที่เกิดเหตุ โต๊ะดังกล่าวก็ทำอย่างหยาบ ๆ แสดงว่าไม่ได้มีไว้เพื่อใช้อย่างแท้จริง เป็นเรื่องผิดปกติวิสัย โต๊ะของกลางจึงถือได้ว่าเป็นไม้แปรรูป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3771/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองไม้แปรรูปโดยเจตนาเพื่อแปรรูป แม้ทำเป็นเครื่องใช้แต่มีปริมาณมากและผิดปกติวิสัย ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีไม้สักแปรรูปไว้ในความครอบครองในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ แล้วจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันช่วยพาเอาไปเสียโดยนำขึ้นรถยนต์เคลื่อนที่จากท้องที่ตำบลก้อไปยังตำบลลี้ ตามฟ้องดังกล่าวโจทก์บรรยายชัดว่าจำเลยทั้งสองมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครอง แม้จะไม่ระบุว่านำไม้แปรรูปดังกล่าวมาในรูปโต๊ะจำเลยก็สามารถเข้าใจและต่อสู้คดีได้โดยไม่หลงข้อต่อสู้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม โต๊ะของกลางทำด้วยไม้สักซึ่งมีค่าราคาสูงแต่ทำอย่างหยาบดูจากภายนอกมีลักษณะเป็นเครื่องใช้แต่ก็สามารถถอดออกเป็นชิ้น ๆได้ไม่ยาก ปริมาตรเนื้อไม้มีจำนวนมากถึง 0.149 ลูกบาศก์เมตรแม้โต๊ะตามภาพถ่ายที่จำเลยอ้างเป็นโต๊ะเช่นเดียวกับโต๊ะของกลางซึ่งมีใช้เป็นปกติอยู่ทั่วไปในท้องที่เกิดเหตุ โต๊ะดังกล่าวก็ทำอย่างหยาบ ๆ แสดงว่าไม่ได้มีไว้เพื่อใช้อย่างแท้จริง เป็นเรื่องผิดปกติวิสัย โต๊ะของกลางจึงถือได้ว่าเป็นไม้แปรรูป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3726/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ในคดีล้มละลาย: สิทธิในใบอนุญาตตั้งสถานบริการเป็นทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจจัดการได้ และต้องฟ้องภายใน 14 วัน
สิทธิตามใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการเป็นของจำเลยที่ 2จึงตกอยู่ในอำนาจการจัดการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 19 จำเลยที่ 2 ไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำคัดค้านต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอให้เพิกถอนการยึดสิทธิตามใบอนุญาตนั้น กรณีถือไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้มีส่วนได้เสียตามมาตรา 158 แต่การที่จำเลยที่ 2 คัดค้านว่าสิทธิตามใบอนุญาตตั้งสถานบริการไม่ใช่ทรัพย์สินอันอาจแบ่งได้ในคดีล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีสิทธิยึดนั้น เป็นการโต้แย้งว่าการกระทำดังกล่าวของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยที่ 2 ตามมาตรา 146 ซึ่งจะต้องยืนคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลภายในกำหนดสิบสี่วัน นับแต่วันที่ทราบการกระทำหรือคำวินิจฉัยนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3726/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ในคดีล้มละลาย: สิทธิจำกัดของผู้ล้มละลายในการคัดค้านการยึดทรัพย์หลังพ้นกำหนดเวลา
เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยแล้ว ทรัพย์สินของจำเลยทั้งปวงตกอยู่ในอำนาจจัดการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจยึดทรัพย์สินทั้งปวงซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยหรือของผู้อื่นอันอาจแบ่งได้ในคดีล้มละลายตามมาตรา 19 แห่ง พ.ร.บ.ล้มละลายฯ จำเลยไม่มีอำนาจกระทำการใด ๆอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของตนรวมทั้งสิทธิตามใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ และไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำคัดค้านการยึดทรัพย์ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ทั้งถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามมาตรา 158 แต่จำเลยมีสิทธิยื่นคำคัดค้านว่าสิทธิตามใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการไม่ใช่ทรัพย์สินอันอาจแบ่งได้ในคดีล้มละลายตามมาตรา 109 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีสิทธิยึดอันเป็นการโต้แย้งการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลย ตามมาตรา 146 โดยต้องทำเป็นคำร้องขอต่อศาลภายใน 14 วัน นับแต่ทราบการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3725/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานไม่เพียงพอในการรับฟังการใช้ปืนข่มขืนและชิงทรัพย์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
โจทก์มีผู้เสียหายเพียงปากเดียวเบิกความลอย ๆ โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน นอกจากนี้ในชั้นจับกุมชั้นสอบสวนจำเลยก็ให้การรับสารภาพเฉพาะฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ส่วนฐานใช้อาวุธปืนในการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายและฐานชิงทรัพย์จำเลยให้การปฏิเสธมาโดยตลอด อีกทั้งปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้ตรวจมือขวาของจำเลยแล้วบันทึกไว้ว่านิ้วมือขวาของจำเลยไม่สามารถเหยียดตรงได้เนื่องจากจำเลยเคยถูกยิงที่แขนขวาเส้นประสาทขาดพยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าขณะข่มขืนกระทำชำเราจำเลยได้ใช้อาวุธปืนขู่เข็ญ และชิงทรัพย์ผู้เสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3721/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ในคดีล้มละลาย: ศาลไม่อำนาจยึดทรัพย์ก่อนพิพากษา หากมีบทบัญญัติเฉพาะใน พ.ร.บ.ล้มละลาย
พระราชบัญญัติ ญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มีบทบัญญัติเรื่องการขอให้ศาลยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาไว้โดยเฉพาะตามมาตรา 17 แล้ว โดยขอให้พิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ชั่วคราวซึ่งจะขอได้ก็แต่ในกรณีก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดเท่านั้น และเมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้วมาตรา 19 วรรคแรก บัญญัติให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ายึดดวงตราสมุดบัญชีและเอกสารของลูกหนี้ และบรรดาทรัพย์สินซึ่งอยู่ในความครอบครองของลูกหนี้หรือของผู้อื่นอันอาจแบ่งได้ในคดีล้มละลายการที่โจทก์ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ยึดและอายัดทรัพย์ของจำเลยไว้ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ภาค 3 แม้โจทก์จะอ้างว่าเป็นการขอคุ้มครองประโยชน์ตามมาตรา 264 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ประกอบด้วยมาตรา 153พระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ.2483 ก็ตาม แท้จริงก็เป็นการขอให้ศาลยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ก่อนพิพากษานั่นเอง จึงนำบทบัญญัติว่าด้วยการยึดทรัพย์ของจำเลยก่อนพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3721/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึด/อายัดทรัพย์ในคดีล้มละลาย: ศาลไม่อนุญาตหากมีกระบวนการพิทักษ์ทรัพย์ตาม พ.ร.บ.ล้มละลายแล้ว
การขอให้ยึดหรืออายัดทรัพย์ของจำเลยในคดีล้มละลายในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ มิใช่การขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 264 แต่เป็นการขอให้ศาลยึดหรืออายัดทรัพย์ของจำเลยไว้ก่อนพิพากษาตาม มาตรา 254 ซึ่ง พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 17 บัญญัติให้ขอพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยชั่วคราวไว้โดยเฉพาะแล้ว โดยต้องขอก่อนศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด จึงนำบทบัญญัติว่าด้วยการยึดหรืออายัดทรัพย์ของจำเลยก่อนพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาใช้บังคับไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3641/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดิน: การได้มาโดยการขายฝากและจดทะเบียน ย่อมมีผลเหนือการครอบครองปรปักษ์ที่ไม่ได้จดทะเบียน
จ.ขายฝากที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ โจทก์รับซื้อไว้โดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนโดยสุจริต กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทย่อมตกเป็นของโจทก์ตั้งแต่วันขายฝากตาม ป.พ.พ.มาตรา 491 ดังนั้น แม้จำเลยได้ครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปีจนได้กรรมสิทธิ์และศาลพิพากษาให้จำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทก็ตาม เมื่อจำเลยมิได้จดทะเบียนการได้มาในที่ดินพิพาทจำเลยก็ไม่อาจยกขึ้นต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคสอง คำพิพากษาของศาลดังกล่าวไม่ผูกพันโจทก์ และใช้ยันโจทก์ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3612/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วัตถุประสงค์บริษัทครอบคลุมการเช่าทรัพย์สิน และดอกเบี้ยเป็นเบี้ยปรับได้
หนังสือบริคณห์สนธิของโจทก์ระบุว่าประกอบกิจการค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ และเครื่องมือช่างทุกประเภท เครื่องมือทาสีเครื่องตกแต่งอาคารทุกชนิด ดังนี้ การค้าหมายถึงการดำเนินการด้วยวิธีการต่าง ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้หาได้จำกัดเฉพาะการซื้อขายเท่านั้นไม่ การที่โจทก์ให้เช่าแผ่นเหล็กกันดินอันเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้างจึงเป็นการหารายได้วิธีหนึ่งซึ่งอยู่ในวัตถุประสงค์ของโจทก์ โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่า ค่าเสียหายและค่าขนย้ายทรัพย์สินหาใช่ฟ้องเรียกเงินกู้ไม่ ดอกเบี้ยตามสัญญาจึงเป็นเบี้ยปรับอย่างหนึ่ง ไม่ตกเป็นโมฆะ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3612/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเรียกค่าเช่าและการคิดดอกเบี้ยเบี้ยปรับในสัญญาเช่า: โจทก์มีอำนาจฟ้องได้หากวัตถุประสงค์บริษัทครอบคลุมการให้เช่า
หนังสือบริคณห์สนธิของโจทก์ข้อ 14 ระบุว่า ประกอบกิจการค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์และเครื่องมือช่างทุกประเภท เครื่องมือทาสีเครื่องตกแต่งอาคารทุกชนิด วัตถุประสงค์ของโจทก์ดังกล่าวเป็นการประกอบการค้าเพื่อหารายได้จากวัสดุก่อสร้าง เครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้างทั่วไป และการค้าหมายถึงการดำเนินการด้วยวิธีการต่าง ๆโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้ หาได้จำกัดเฉพาะการซื้อหรือขายเท่านั้นไม่ การที่โจทก์ให้เช่าแผ่นเหล็กกันดินอันเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้างจึงเป็นการหารายได้วิธีหนึ่งซึ่งอยู่ในวัตถุประสงค์ของโจทก์ดังกล่าว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระพร้อมดอกเบี้ยได้ โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าค่าเสียหาย และค่าขนย้ายทรัพย์สิน หาใช่ฟ้องเรียกเงินกู้ ดอกเบี้ยตามสัญญายอมเสียให้ในอัตราร้อยละ 18 ต่อปีจึงเป็นเบี้ยปรับอย่างหนึ่งซึ่งโจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกได้ ไม่ตกเป็นโมฆะ
of 75