คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สะสม สิริเจริญสุข

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 744 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5764/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าที่ดินเพื่อปลูกกล้วยไม้ไม่เข้าข่าย 'พืชไร่' ตามพรบ.เช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จึงไม่ได้รับความคุ้มครอง
จำเลยเช่าที่ดินปลูกต้นกล้วยไม้พันธุ์หวายต้นกล้วยไม้ดังกล่าวไม่ใช่พืชซึ่งต้องการน้ำน้อยและอายุสั้นหรือสามารถเก็บเกี่ยวครั้งแรกได้ภายใน12เดือนจึงไม่ใช่พืชไร่และมิใช่การทำนาตามความหมายของมาตรา21พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติ ดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5764/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าที่ดินปลูกกล้วยไม้ไม่เข้าข่ายพืชไร่หรือทำนา จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
จำเลยเช่าที่ดินปลูกต้นกล้วยไม้พันธุ์หวาย ต้นกล้วยไม้ดังกล่าวไม่ใช่พืชซึ่งต้องการน้ำน้อยและอายุสั้นหรือสามารถเก็บเกี่ยวครั้งแรกได้ภายใน12 เดือน จึงมิใช่พืชไร่ และมิใช่การทำนาตามความหมายของมาตรา 21 พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5474/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจของผู้คัดค้านในคดีล้มละลายเหนือทรัพย์สินที่ถูกยึดก่อนล้มละลาย และผลของการทำสัญญาหลังการยึด
ขณะศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ที่ดินพิพาทซึ่งเป็นของลูกหนี้ถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ในคดีแพ่งแต่การบังคับคดียังไม่สำเร็จบริบูรณ์กำลังประกาศขายทอดตลาดจึงไม่อาจใช้ยันแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านได้ที่ดินพิพาทจึงตกอยู่ในอำนาจจัดการของผู้คัดค้านตามมาตรา 22(1) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 เมื่อสิทธิตามสัญญาที่ ส.ขอให้ผู้คัดค้านปฏิบัติตามโดยโอนที่ดินพิพาทให้แก่ ส.นั้น เป็นผลแห่งสัญญาที่ลูกหนี้กระทำขึ้นภายหลังที่ผู้ร้องนำยึดที่ดินพิพาทของลูกหนี้ไว้ในคดีแพ่งแล้ว ซึ่งการก่อให้เกิดเปลี่ยนแปลงซึ่งสิทธิในทรัพย์สินที่ถูกยึดดังกล่าวไม่อาจใช้ยันแก่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 305(1) แล้วผลแห่งการนั้นก็ย่อมไม่อาจใช้ยันต่อผู้คัดค้านได้เช่นกันผู้คัดค้านจึงไม่ชอบที่โอนที่ดินพิพาทให้แก่ ส.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5474/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ก่อนล้มละลาย: สิทธิของเจ้าหนี้และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
ขณะศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ ที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ในคดีแพ่ง แต่ก็ปรากฏว่าการบังคับคดียังไม่สำเร็จบริบูรณ์เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนของการประกาศขายทอดตลาด การยึดทรัพย์ของลูกหนี้ในคดีแพ่งดังกล่าวจึงไม่อาจใช้ยันแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ในคดีล้มละลายได้ ที่ดินพิพาทจึงเป็นทรัพย์สินที่ลูกหนี้มีอยู่ในเวลาเริ่มต้นแห่งการล้มละลายซึ่งตามกฎหมายให้ถือว่าเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ และทรัพย์สินของลูกหนี้ดังกล่าวย่อมตกอยู่ในอำนาจจัดการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านตามมาตรา 22 (1)แห่ง พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 เว้นเสียแต่ว่าจะมีกฎหมายจำกัดอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้าน เมื่อสิทธิตามสัญญาที่ ส.ขอให้ผู้คัดค้านปฏิบัติตามโดยโอนที่ดินพิพาทให้แก่ ส.นั้น เป็นผลแห่งสัญญาที่ลูกหนี้กระทำขึ้นภายหลังที่ผู้ร้องนำยึดที่ดินพิพาทของลูกหนี้ไว้ในคดีแพ่งแล้ว ซึ่งการก่อให้เกิดเปลี่ยนแปลงซึ่งสิทธิในทรัพย์สินที่ถูกยึดดังกล่าวไม่อาจใช้ยันแก่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 305 (1) แล้ว ผลแห่งการนั้นก็ย่อมไม่อาจใช้ยันต่อผู้คัดค้านในคดีล้มละลายได้เช่นกัน เหตุนี้ผู้คัดค้านจึงไม่ชอบที่โอนที่ดินพิพาทให้แก่ ส.ตามสัญญาระหว่างลูกหนี้กับ ส. คำสั่งของผู้คัดค้านที่ให้โอนที่ดินพิพาทให้แก่ ส.จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1980/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุคคลภายนอกในบังคับคดี: การไม่ยื่นคำขอเพิกถอนภายในกำหนด ทำให้สิ้นสิทธิในการฟ้อง
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์พิพาทซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับ ศ.จำเลยในคดีแพ่งเรื่องอื่นออกขายทอดตลาด โจทก์จึงเป็นบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี แต่โจทก์มิได้ยื่นคำขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดภายในกำหนดระยะเวลาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 296 วรรคสองโจทก์จึงไม่อาจขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้อีกต่อไป ดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามคำฟ้องคดีนี้ว่า บ.เข้าประมูลซื้อทรัพย์พิพาทในคดีแพ่งเรื่องอื่นดังกล่าวในนามของตนเองโดยไม่ได้รับมอบฉันทะจากจำเลย ก็หาทำให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทกลับคืนมาเป็นของโจทก์ได้ไม่ การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1980/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบุคคลภายนอกในการบังคับคดีและการหมดสิทธิเรียกร้องเพิกถอนการขายทอดตลาด
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์พิพาทซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับศ.จำเลยในคดีแพ่งเรื่องอื่นออกขายทอดตลาดโจทก์จึงเป็นบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแต่โจทก์มิได้ยื่นคำขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดภายในกำหนดระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296วรรคสองโจทก์จึงไม่อาจขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้อีกต่อไปดังนั้นแม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามคำฟ้องคดีนี้ว่าบ.เข้าประมูลซื้อทรัพย์พิพาทในคดีแพ่งเรื่องอื่นดังกล่าวในนามของตนเองโดยไม่ได้รับมอบฉันทะจากจำเลยก็หาทำให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทกลับคืนมาเป็นของโจทก์ได้ไม่การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อากรแสตมป์สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี: การเพิ่มวงเงินกู้และการคำนวณอากร
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2525 ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.ขอกู้เงินตามวิธีและธรรมเนียมประเพณีการเบิกเงินเกินบัญชีจากโจทก์จำนวน 2,000,000 บาทกำหนดชำระหนี้ให้หมดสิ้นภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2526 ได้ทำสัญญากันไว้ และปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ในตราสารดังกล่าวแล้ว หลังจากนั้นได้ทำบันทึกต่ออายุสัญญากันอีก 4 ครั้ง เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2526 วันที่ 18 มกราคม 2527 วันที่ 8 มีนาคม2528 และวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2529 ตามลำดับ ให้เบิกเงินเกินบัญชีได้ถึงวันที่ 15กุมภาพันธ์ 2530 และในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2529 ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.ได้ทำบันทึกต่อท้ายสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์โดยตกลงเพิ่มวงเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีเพิ่มเติมขึ้นอีก 1,000,000 บาท รวมเป็นจำนวน3,000,000 บาท ข้อตกลงอื่นคงให้เป็นไปตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีเดิม ดังนี้เมื่อปรากฏว่าโจทก์ตกลงให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.เบิกเงินเกินบัญชีจากโจทก์ได้ในวงเงิน 2,000,000 บาท ได้ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2530 ดังนั้นในวันที่ 26กุมภาพันธ์ 2529 ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.ยังมีข้อตกลงเบิกเงินเกินบัญชีจากโจทก์ได้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีเดิมได้อยู่จำนวน 2,000,000 บาท สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีดังกล่าวหาได้ถูกยกเลิกไปแล้วไม่ ฉะนั้น การที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.ตกลงเบิกเงินเกินบัญชีจากโจทก์เพิ่มขึ้นอีกจำนวน 1,000,000 บาท ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์2529 จึงเป็นการที่โจทก์ตกลงให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีเพิ่มเติมในยอดเงินเพียง 1,000,000 บาท ส่วนอีกจำนวน 2,000,000 บาท ยังคงเป็นยอดเงินเบิกเกินบัญชีตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีเดิมซึ่งโจทก์ได้ปิดอากรแสตมป์ไว้บริบูรณ์แล้ว หาใช่ยอดเงินทั้งจำนวน3,000,000 บาท เป็นยอดเงินเบิกเกินบัญชีตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีเพิ่มเติมไม่เมื่อยอดเงินเบิกเกินบัญชีตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีเพิ่มเติมมีจำนวนเพียง1,000,000 บาท โจทก์จึงต้องปิดอากรแสตมป์ในตราสารดังกล่าวในยอดเงิน1,000,000 บาท คิดเป็นค่าอากรแสตมป์จำนวน 500 บาท ตามบทบัญญัติแห่งป.รัษฎากร มาตรา 104 ประกอบลักษณะแห่งตราสาร 5 แห่งบัญชีอัตราอากร-แสตมป์ท้ายหมวด 6

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อากรแสตมป์: การประเมินและเรียกเก็บอากรแสตมป์เพิ่มเติมจากบันทึกเพิ่มเติมสัญญาเงินกู้
เมื่อวันที่15กุมภาพันธ์2525บ. ขอกู้เงินตามวิธีและธรรมเนียมประเพณีการเบิกเงินเกินบัญชีจากโจทก์ในวงเงิน2,000,000บาทกำหนดชำระหนี้ให้หมดสิ้นภายในวันที่15กุมภาพันธ์2526ได้ทำสัญญากันไว้ตาม"สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี"โดยปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ในตราสารดังกล่าวแล้วต่อมาได้ทำ"บันทึกต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี"ให้เบิกเงินเกินบัญชีได้ถึงวันที่15กุมภาพันธ์2530(ในวงเงินเดิม)และในวันที่26กุมภาพันธ์2529บ. ได้ทำ"บันทึกต่อท้ายสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี"กับโจทก์โดยตกลงเพิ่มวงเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีตาม"สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี"ขึ้นอีกรวมเป็นวงเงิน3,000,000บาทข้อตกลงอื่นคงให้เป็นไปตาม"สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี"ดังนั้นในวันที่26กุมภาพันธ์2529บ. ยังมีข้อตกลงเบิกเงินเกินบัญชีจากโจทก์ตาม"สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี"ประกอบ"บันทึกต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี"อยู่จำนวน2,000,000บาทสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีหาได้ถูกยกเลิกไปแล้วไม่การที่บ.ตกลงเบิกเงินเกินบัญชีจากโจทก์ตาม"บันทึกต่อท้ายสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี"ในวันดังกล่าวจึงเป็นการที่โจทก์ตกลงให้บ.เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารในยอดเงินเพียง1,000,000บาทส่วนจำนวน2,000,000บาทยังคงเป็นยอดเงินเบิกเกินบัญชีตาม"สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี"ซึ่งโจทก์ได้ปิดอากรแสตมป์ไว้บริบูรณ์แล้วโจทก์จึงมีหน้าที่ปิดอากรแสตมป์ในตราสาร"บันทึกต่อท้ายสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี"โดยคำนวณจากยอดเงินเพียง1,000,000บาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1444/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายแร่ดีบุก: การกำหนดราคา, เงินล่วงหน้า, และการเสียภาษี
ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขในการซื้อเนื้อแร่ดีบุกระหว่างโจทก์ผู้ขายและบริษัท ท.ผู้ซื้อ ระบุว่าให้ถือว่าการส่งมอบแร่ดีบุกสำเร็จบริบูรณ์และกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าวคือแร่ทั้งหมดตกเป็นของบริษัท ท.เมื่อได้ชั่งน้ำหนักชื้นรวมตามวิธีที่ระบุไว้ ราคาซื้อให้คำนวณโดยใช้ราคาตลาดปีนังของวันตลาดดีบุกปีนังที่ผู้ขายระบุโดยผู้ขายอาจระบุเอาวันตลาดดีบุกปีนังวันใดวันหนึ่งภายใน 30 วัน หลังจากวันส่งมอบเป็นวันราคาตลาดปีนังก็ได้ ในกรณีที่ผู้ขายไม่ได้ระบุวันตลาดปีนังวันใดวันหนึ่งภายใน 30 วัน หลังจากวันส่งมอบเป็นราคาตลาดปีนัง ก็ให้ใช้วันตลาดดีบุกปีนังในวันที่ 30 หลังจากวันส่งมอบในการคำนวณราคาซื้อ และเมื่อได้รับคำขอจากผู้ขายบริษัท ท.จะจ่ายเงินล่วงหน้าให้แก่ผู้ขายเป็นเงินบาท จำนวนไม่เกินร้อยละ 80 ของราคาซื้อสุทธิประมาณได้จากปริมาณของแร่ดีบุกที่ผู้ขายส่งมอบให้แต่ละครั้งและที่ผู้ขายยังมิได้ระบุวันตลาดปีนังวันใดเป็นราคาตลาดปีนัง ราคาซื้อสุทธิที่ประมาณนี้ให้คำนวณจากราคาตลาดปีนังของวันที่จ่ายเงินล่วงหน้า สัญญาซื้อขายแร่เช่นนี้จึงเป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดตั้งแต่วันที่มีการส่งมอบแร่ระหว่างโจทก์ผู้ขายและบริษัท ท.ผู้ซื้อแล้วเพียงแต่การกำหนดราคาแร่ที่แน่นอน ฝ่ายผู้ซื้อยินยอมให้ผู้ขายกำหนดภายหลังโดยถือราคาแร่ของตลาดปีนังในวันใดวันหนึ่งก็ได้ภายใน 30 วัน หลังจากวันส่งมอบแร่ถ้าผู้ขายไม่กำหนดภายในเวลาดังกล่าวให้ใช้วันตลาดดีบุกปีนังในวันที่ 30 หลังจากวันส่งมอบแร่เป็นราคาแร่ที่ซื้อขายกัน เหตุผลที่ต้องมีข้อตกลงเช่นนี้ก็เพื่อมิให้ผู้ขายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะราคาแร่ขึ้นลงทุกวัน และการที่ผู้ซื้อยอมจ่ายเงินล่วงหน้าจำนวนร้อยละ 80 ของมูลค่าแร่ให้แก่ผู้ขายเมื่อผู้ขายร้องขอทั้ง ๆ ที่ผู้ขายยังมิได้กำหนดราคาซื้อขายแร่ ก็ได้มีข้อกำหนดให้ผู้ขายเสียดอกเบี้ยในเงินดังกล่าวในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 หลังจากวันที่จ่ายเงินล่วงหน้าจนกระทั่งผู้ขายจะได้ระบุวันตลาดปีนังที่ใช้คำนวณราคาแร่ที่ซื้อขายกัน ทั้งนี้ เพื่อมิให้ผู้ขายได้เปรียบผู้ซื้อเกินไปนั่นเอง ข้อตกลงดังกล่าวไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายจึงใช้บังคับได้ บริษัทท.ได้ยืนยันว่าบริษัทไม่ได้ดำเนินการรับจำนำแร่ และเงินล่วงหน้าค่าแร่ที่บริษัทจ่ายให้ผู้ขายไปก่อนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของราคาแร่ ดังนั้นเงินจำนวนร้อยละ 80 ของมูลค่าแร่ที่โจทก์ได้รับไว้เมื่อวันที่ 24 และ 26 ธันวาคม 2524 นั้น จึงเป็นส่วนหนึ่งของราคาแร่ที่บริษัท ท.ผู้ซื้อได้ชำระให้แก่โจทก์ผู้ขาย หาใช่เงินกู้ไม่ เงินจำนวนนี้จึงเป็นเงินได้พึงประเมินที่โจทก์จะต้องนำมาคำนวณเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปี 2524
ที่โจทก์แก้อุทธรณ์ขอให้ลดเบี้ยปรับเงินเพิ่มนั้น คำฟ้องโจทก์มิได้กล่าวข้อนี้ไว้ จึงไม่ใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลภาษีอากรกลาง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1444/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายแร่ดีบุก: การกำหนดราคาภายหลังและการถือว่าเงินล่วงหน้าเป็นส่วนหนึ่งของราคาซื้อขาย เงินได้พึงประเมิน
ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขในการซื้อเนื้อแร่ดีบุกระหว่างโจทก์ผู้ขายกับบริษัทท. ผู้ซื้อสัญญาระบุให้ถือว่าการส่งมอบแร่ดีบุกสำเร็จบริบูรณ์และกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของผู้ซื้อเมื่อได้ชั่งน้ำหนักชิ้นรวมตามวิธีที่ระบุไว้นอกจากนั้นได้กำหนดราคาซื้อให้คำนวณโดยใช้ราคาตลาดปีนังของวันตลาดดีบุกปีนังที่ผู้ขายระบุวันใดวันหนึ่งภายใน30วันหลังจากวันส่งมอบเป็นวันตลาดปีนังก็ได้กรณีผู้ขายมิได้ระบุวันตลาดดีบุกปีนังให้ใช้วันตลาดดีบุกปีนังในวันที่30หลังจากวันส่งมอบในการคำนวณราคาซื้อและเมื่อได้รับคำขอผู้ซื้อจะจ่ายเงินล่วงหน้าให้แก่ผู้ขายเป็นเงินบาทจำนวนไม่เกินร้อยละ80ของราคาซื้อสุทธิจากปริมาณแร่ดีบุกที่ส่งมอบในแต่ละครั้งคำนวณจากราคาตลาดปีนังของวันที่จ่ายเงินล่วงหน้าเช่นนี้สัญญาซื้อขายนี้จึงเป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดตั้งแต่วันที่มีการส่งมอบแร่แล้วเพียงแต่การกำหนดราคาแร่ที่แน่นอนผู้ซื้อยินยอมให้ผู้ขายกำหนดภายหลังส่วนข้อตกลงให้ผู้ซื้อจ่ายเงินล่วงหน้าจำนวนร้อยละ80กับข้อกำหนดให้ผู้ขายเสียดอกเบี้ยในเงินดังกล่าวร้อยละ1ต่อเดือนไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายทั้งผู้ซื้อยืนยันว่าไม่ได้ดำเนินการรับจำนำแร่และเงินล่วงหน้าค่าแร่เป็นเงินส่วนหนึ่งของราคาแร่หาใช่เงินกู้ไม่เงินจำนวนนี้จึงเป็นเงินได้พึงประเมินที่โจทก์จะต้องมาคำนวณเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โจทก์แก้อุทธรณ์ขอให้งดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มแต่โจทก์มิได้ขอให้บังคับไว้ในคำฟ้องจึงไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลภาษีอากรต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา225วรรคหนึ่งประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรฯมาตรา29ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
of 75