คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมมาตร พรหมานุกูล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,200 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7510/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจสมบูรณ์ การลงลายมือชื่อในฐานะผู้มอบ/รับมอบอำนาจไม่ขัดกฎหมาย
หนังสือมอบอำนาจมีข้อความพิมพ์ไว้ชัด จำเลยที่ 1 มิได้นำสืบพิสูจน์หักล้างว่าหนังสือมอบอำนาจฉบับนี้เพิ่งทำภายหลังที่มีการทำสัญญาซื้อขายแล้วลงวันที่ย้อนหลังไป แม้โจทก์ไม่ได้นำเอกสารดังกล่าวไปแสดงต่อจำเลยในวันที่ทำสัญญาซื้อขายก็ไม่ใช่หน้าที่ของโจทก์หรือมีกฎหมายกำหนดว่าให้โจทก์ต้องแสดงต่อจำเลยในวันทำสัญญา จึงฟังได้ว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ บ.ดำเนินการแทนโจทก์ตามที่ระบุไว้ในหนังสือมอบอำนาจนั้น การที่ บ.ลงลายมือชื่อเป็นผู้ขายในสัญญาซื้อขายซึ่งมีตราของโจทก์ประทับก็เท่ากับ บ.เป็นตัวแทนของโจทก์ ส่วนที่ บ.ลงลายมือชื่อในฐานะเป็นผู้มอบอำนาจกับในฐานะเป็นผู้รับมอบอำนาจโดยมี ท.กรรมการอีกคนหนึ่งของโจทก์ลงลายมือชื่อเป็นผู้มอบอำนาจในหนังสือมอบอำนาจก็หาใช่ว่ากรรมการของโจทก์ไม่ครบ 2 คนตามที่จดทะเบียนไว้ไม่ ส่วนการที่โจทก์มีกรรมการถึง 6 คน แล้วให้ บ.ลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจในฐานะเป็นผู้มอบอำนาจกับเป็นผู้รับมอบอำนาจรวม 2 ตำแหน่ง ก็มิใช่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายแต่ประการใด และพฤติการณ์ดังนี้ก็ไม่อาจถือว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7510/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจสมบูรณ์ การลงลายมือชื่อในสัญญาซื้อขายผูกพันโจทก์ จำเลยต้องชำระหนี้
หนังสือมอบอำนาจมีข้อความพิมพ์ไว้ชัดจำเลยที่1มิได้นำสืบพิสูจน์หักล้างว่าหนังสือมอบอำนาจฉบับนี้เพิ่งทำภายหลังที่มีการทำสัญญาซื้อขายแล้วลงวันที่ย้อนหลังไปแม้โจทก์ไม่ได้นำเอกสารดังกล่าวไปแสดงต่อจำเลยในวันที่ทำสัญญาซื้อขายก็ไม่ใช่หน้าที่ของโจทก์หรือมีกฎหมายกำหนดว่าให้โจทก์ต้องแสดงต่อจำเลยในวันทำสัญญาจึงฟังได้ว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้บ. ดำเนินการแทนโจทก์ตามที่ระบุไว้ในหนังสือมอบอำนาจนั้นการที่บ.ลงลายมือชื่อเป็นผู้ขายในสัญญาซื้อขายซึ่งมีตราของโจทก์ประกันก็เท่ากับบ.เป็นตัวแทนของโจทก์ส่วนที่บ.ลงลายมือชื่อในฐานะเป็นผู้มอบอำนาจกับในฐานะเป็นผู้รับมอบอำนาจโดยมีท.เป็นกรรมการอีกคนหนึ่งของโจทก์ลงลายมือชื่อเป็นผู้มอบอำนาจในหนังสือมอบอำนาจก็หาใช่ว่ากรรมการของโจทก์ไม่ครบ2คนตามที่จดทะเบียนไว้ไม่ส่วนการที่โจทก์มีกรรมการถึง6คนแล้วให้บ.ลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจในฐานะเป็นผู้มอบอำนาจกับเป็นผู้รับมอบอำนาจรวม2ตำแหน่งก็มิใช่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายแต่ประการใดและพฤติการณ์ดังนี้ก็ไม่อาจถือว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7510/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจสมบูรณ์ตามกฎหมาย โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยได้ แม้กรรมการลงลายมือชื่อไม่ครบตามจดทะเบียน
หนังสือมอบอำนาจมีข้อความพิมพ์ไว้ชัด จำเลยที่ 1 มิได้นำสืบพิสูจน์หักล้างว่าหนังสือมอบอำนาจฉบับนี้เพิ่งทำภายหลังที่มีการทำสัญญาซื้อขายแล้วลงวันที่ย้อนหลังไปแม้โจทก์ไม่ได้นำเอกสารดังกล่าวไปแสดงต่อจำเลยในวันที่ทำสัญญาซื้อขายก็ไม่ใช่หน้าที่ของโจทก์หรือมีกฎหมายกำหนดว่าให้โจทก์ต้องแสดงต่อจำเลยในวันทำสัญญา จึงฟังได้ว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ บ. ดำเนินการแทนโจทก์ตามที่ระบุไว้ในหนังสือมอบอำนาจนั้น การที่ บ.ลงลายมือชื่อเป็นผู้ขายในสัญญาซื้อขายซึ่งมีตราของโจทก์ประกันก็เท่ากับ บ.เป็นตัวแทนของโจทก์ ส่วนที่ บ.ลงลายมือชื่อในฐานะเป็นผู้มอบอำนาจกับในฐานะเป็นผู้รับมอบอำนาจโดยมี ท.เป็นกรรมการอีกคนหนึ่งของโจทก์ลงลายมือชื่อเป็นผู้มอบอำนาจในหนังสือมอบอำนาจก็หาใช่ว่ากรรมการของโจทก์ไม่ครบ 2 คนตามที่จดทะเบียนไว้ไม่ ส่วนการที่โจทก์มีกรรมการถึง 6 คน แล้วให้บ.ลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจในฐานะเป็นผู้มอบอำนาจกับเป็นผู้รับมอบอำนาจรวม 2 ตำแหน่ง ก็มิใช่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายแต่ประการใด และพฤติการณ์ดังนี้ก็ไม่อาจถือว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7434/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่อุทธรณ์ข้อเท็จจริงเดิม และเช็คยังผูกพันตามกฎหมาย แม้มีการฟ้องร้องคดีแพ่งควบคู่
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า เช็คพิพาทออกให้โจทก์ร่วมในมูลหนี้ซื้อขายรถยนต์ มิใช่มูลหนี้กู้ยืม การที่จำเลยฎีกาว่าคดีนี้มีมูลหนี้กู้ยืมโดยแปลงหนี้มาจากสัญญาซื้อขายจึงเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมายุติดังกล่าวแล้ว ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง โจทก์ร่วมได้ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งธนบุรีขอให้จำเลยคืนรถยนต์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา 605,000 บาทและต่อมาขณะคดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการที่โจทก์ร่วมฟ้องคดีแพ่งดังกล่าว ถือได้ว่าโจทก์ร่วมได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาซื้อขายสัญญาซื้อขายจึงเลิกกัน โจทก์ร่วมไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระราคารถยนต์มูลหนี้ตามเช็คพิพาทระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยจึงสิ้นผลผูกพันนั้นเมื่อข้อเท็จจริงยุติตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยและมีคำสั่งแล้วว่า ตามคำร้องของ จำเลยไม่ปรากฏว่าศาลแพ่งธนบุรีมีคำพิพากษาให้จำเลยคืนรถยนต์อันเป็นมูลหนี้ที่จำเลยออกเช็คพิพาทหรือให้ใช้ราคารถยนต์ดังกล่าวคืน เช่นนี้ มูลหนี้ที่จำเลยออกเช็คพิพาทจึงยังไม่สิ้นผลผูกพันระหว่างโจทก์ร่วมและจำเลยคดีนี้จึงถือไม่ได้ว่าได้เลิกกันตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7434/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทเช็ค: มูลหนี้ซื้อขายยังไม่สิ้นสุด แม้มีการฟ้องเรียกคืนรถยนต์
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า เช็คพิพาทออกให้โจทก์ร่วมในมูลหนี้ซื้อขายรถยนต์ มิใช่มูลหนี้กู้ยืม การที่จำเลยฎีกาว่าคดีนี้มีมูลหนี้กู้ยืมโดยแปลงหนี้มาจากสัญญาซื้อขาย จึงเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมายุติดังกล่าวแล้ว ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
โจทก์ร่วมได้ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งธนบุรี ขอให้จำเลยคืนรถยนต์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา 605,000 บาท และต่อมาขณะคดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการที่โจทก์ร่วมฟ้องคดีแพ่งดังกล่าว ถือได้ว่าโจทก์ร่วมได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาซื้อขาย สัญญาซื้อขายจึงเลิกกัน โจทก์ร่วมไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระราคารถยนต์ มูลหนี้ตามเช็คพิพาทระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยจึงสิ้นผลผูกพันนั้น เมื่อข้อเท็จจริงยุติตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยและมีคำสั่งแล้วว่า ตามคำร้องของจำเลยไม่ปรากฏว่า ศาลแพ่งธนบุรีมีคำพิพากษาให้จำเลยคืนรถยนต์อันเป็นมูลหนี้ที่จำเลยออกเช็คพิพาทหรือให้ใช้ราคารถยนต์ดังกล่าวคืน เช่นนี้ มูลหนี้ที่จำเลยออกเช็คพิพาทจึงยังไม่สิ้นผลผูกพันระหว่างโจทก์ร่วมและจำเลย คดีนี้จึงถือไม่ได้ว่าได้เลิกกันตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 7

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7136/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคิดเงินปันผลตามส่วนระยะเวลาถือหุ้น และการคืนค่าหุ้นกรณีสมาชิกขาดสภาพ
ระเบียบว่าด้วยหุ้น ฯ ของจำเลยข้อ 12 ระบุว่า การคิดเงินปันผลตามหุ้นให้คิดตามส่วนแห่งระยะเวลาการถือหุ้นตามจำนวนเดือนเต็ม และเงินค่าหุ้นที่สหกรณ์ได้รับภายในวันที่ 7 ของเดือน สหกรณ์จะคิดเงินปันผลให้สำหรับเดือนนั้น ส่วนเงินค่าหุ้นที่สหกรณ์ได้รับหลังวันที่ 7 ของเดือน สหกรณ์จะคิดเงินปันผลให้ตั้งแต่เดือนถัดไป หมายความว่าจำเลยจะต้องคิดเงินปันผลตามหุ้นให้แก่สมาชิกตามส่วนแห่งระยะเวลาการถือหุ้น จะจ่ายให้แต่เฉพาะผู้ถือหุ้นอยู่ครบปีหรือจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นตามจำนวนหุ้นที่มีอยู่ ณ วันสิ้นปีทางบัญชีหาได้ไม่
ระเบียบว่าด้วยหุ้น ฯ ของจำเลยข้อ 9.1 ระบุว่า ในกรณีที่สมาชิกขาดสมาชิกภาพเพราะเหตุตาย ลาออก หรือขาดคุณสมบัติ สหกรณ์จะจ่ายคืนค่าหุ้นแก่ผู้มีสิทธิได้รับโดยไม่มีเงินปันผล หมายความว่า ระเบียบนี้ใช้เฉพาะสมาชิกของจำเลยที่ขาดสมาชิกภาพเท่านั้น โจทก์ไม่ได้ขาดสมาชิกภาพ จึงนำมาปรับใช้กับกรณีของโจทก์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7136/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายเงินปันผลตามสัดส่วนระยะเวลาถือหุ้น สหกรณ์ต้องจ่ายปันผลตามจริง แม้ถือหุ้นไม่ครบปี
ระเบียบว่าด้วยหุ้นฯของจำเลยข้อ12ระบุว่าการคิดเงินปันผลตามหุ้นให้คิดตามส่วนแห่งระยะเวลาการถือหุ้นตามจำนวนเดือนเต็มและเงินค่าหุ้นที่สหกรณ์ได้รับภายในวันที่7ของเดือนสหกรณ์จะคิดเงินปันผลให้สำหรับเดือนนั้นส่วนเงินค่าหุ้นที่สหกรณ์ได้รับหลังวันที่7ของเดือนสหกรณ์จะคิดเงินปันผลให้ตั้งแต่เดือนถัดไปหมายความว่าจำเลยจะต้องคิดเงินปันผลตามหุ้นให้แก่สมาชิกตามส่วนแห่งระยะเวลาการถือหุ้นจะจ่ายให้แต่เฉพาะผู้ถือหุ้นอยู่ครบปีหรือจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นตามจำนวนหุ้นที่มีอยู่ณวันสิ้นปีทางบัญชีหาได้ไม่ ระเบียบว่าด้วยหุ้นฯของจำเลยข้อ9.1ระบุว่าในกรณีที่สมาชิกขาดสมาชิกภาพเพราะเหตุตายลาออกหรือขาดคุณสมบัติสหกรณ์จะจ่ายคืนค่าหุ้นแก่ผู้มีสิทธิได้รับโดยไม่มีเงินปันผลหมายความว่าระเบียบนี้ใช้เฉพาะสมาชิกของจำเลยที่ขาดสมาชิกภาพเท่านั้นโจทก์ไม่ได้ขาดสมาชิกภาพจึงนำมาปรับใช้กับกรณีของโจทก์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7009/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงในสัญญาจะซื้อจะขาย: ห้ามเปลี่ยนแปลงแก้ไขด้วยพยานบุคคล
ตามสัญญาจะซื้อจะขายไม่มีข้อความว่า จำเลยต้องจัดการให้ผู้เช่าขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินภายใน 2 เดือน นับแต่วันที่ 1กันยายน 2533 การที่โจทก์อ้างและนำสืบว่าจำเลยทั้งสองผิดสัญญา เพราะไม่จัดการให้ผู้เช่าออกไปจากที่ดินพิพาท จึงเป็นการนำสืบพยานบุคคลเพิ่มเติมตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารสัญญาจะซื้อจะขาย ซึ่งโจทก์และจำเลยทั้งสองตกลงทำสัญญาเป็นหนังสือตาม ป.พ.พ.มาตรา 456 วรรคสอง การนำสืบพยานบุคคลเพิ่มเติมตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารเช่นนี้ จึงต้องห้ามตาม ป.วิ.พ.มาตรา 94 (ข) ไม่อาจรับฟังตามที่โจทก์นำสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7009/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขาย: การแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาด้วยพยานบุคคลขัดต่อหลักกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ตามสัญญาจะซื้อจะขายไม่มีข้อความว่าจำเลยต้องจัดการให้ผู้เช่าขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินภายใน 2 เดือน นับแต่วันที่1 กันยายน 2533 การที่โจทก์อ้างและนำสืบว่าจำเลยทั้งสองผิดสัญญา เพราะไม่จัดการให้ผู้เช่าออกไปจากที่ดินพิพาท จึงเป็นการนำสืบพยานบุคคลเพิ่มเติมตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารสัญญาจะซื้อจะขาย ซึ่งโจทก์และจำเลยทั้งสองตกลงทำสัญญาเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคสองการนำสืบพยานบุคคลเพิ่มเติมตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารเช่นนี้ จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข)ไม่อาจรับฟังตามที่โจทก์นำสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6954/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมโดยอายุความต้องใช้สอยโดยสงบ เปิดเผย และเจตนาเป็นเจ้าของ การช่วยเหลือค่าใช้จ่ายทางเข้าออกถือเป็นข้อตกลง ไม่เข้าข่ายอายุความ
การได้สิทธิภารจำยอมโดยอายุความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา1401ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความได้สิทธิมาใช้บังคับโดยอนุโลมด้วยซึ่งได้แก่มาตรา1382เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ต้องได้ใช้สอยอสังหาริมทรัพย์อื่นโดยความสงบเปิดเผยด้วยเจตนาจะให้ได้สิทธิภารจำยอมในอสังหาริมทรัพย์นั้นติดต่อกันเป็นเวลา10ปีจึงจะได้ภารจำยอมเหนืออสังหาริมทรัพย์นั้น การช่วยออกเงินค่าทำท่อน้ำและดินลูกรังเพื่อให้เจ้าของที่ดินที่ทางพิพาทผ่านทำถนนเนื่องจากเจ้าของที่ดินได้ยกทางพิพาทให้เป็นทางผ่านจึงเป็นการใช้ทางพิพาทเข้าออกโดยมีข้อตกลงกับเจ้าของที่ดินถือไม่ได้ว่าได้ใช้ทางพิพาทโดยไม่ได้อาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินไม่เป็นการใช้ทางพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาได้สิทธิภารจำยอมจึงไม่ได้สิทธิภารจำยอมโดยอายุความ
of 120