คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมมาตร พรหมานุกูล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,200 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6954/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความได้สิทธิภาระจำยอม: การใช้ทางโดยมีข้อตกลงกับเจ้าของที่ดินไม่ถือเป็นการใช้โดยความสงบ
การได้สิทธิภาระจำยอมโดยอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา1401 ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความได้สิทธิมาใช้บังคับโดยอนุโลมด้วย ซึ่งได้แก่มาตรา 1382 เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ต้องได้ใช้สอยอสังหาริมทรัพย์อื่นโดยความสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาจะให้ได้สิทธิภาระจำยอมในอสังหาริมทรัพย์นั้นติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี จึงจะได้ภาระจำยอมเหนืออสังหาริมทรัพย์นั้น
การช่วยออกเงินค่าทำท่อน้ำและดินลูกรังเพื่อให้เจ้าของที่ดินที่ทางพิพาทผ่านทำถนน เนื่องจากเจ้าของที่ดินได้ยกทางพิพาทให้เป็นทางผ่าน จึงเป็นการใช้ทางพิพาทเข้าออกโดยมีข้อตกลงกับเจ้าของที่ดิน ถือไม่ได้ว่าได้ใช้ทางพิพาทโดยไม่ได้อาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดิน ไม่เป็นการใช้ทางพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผย ด้วยเจตนาได้สิทธิภาระจำยอม จึงไม่ได้สิทธิภาระจำยอมโดยอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6920/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาคดีต้องเกี่ยวข้องกับประเด็นที่พิพาทจริง คดีนี้พิพาทเรื่องหุ้น ไม่ใช่เงินปันผล
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองซื้อหุ้นของโจทก์โดยไม่ชอบขอให้จำเลยทั้งสองคืนหุ้นและใบหุ้นที่ซื้อไว้โดยไม่ชอบให้ตัดสิทธิจองซื้อหุ้นใหม่โดยอาศัยหุ้นดังกล่าวและรับเงินค่าหุ้นนั้นคืนไปจากโจทก์จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าซื้อหุ้นไว้โดยชอบโดยมิได้ฟ้องแย้งเรียกเงินปันผลของหุ้นดังนี้คำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของจำเลยทั้งสองโดยขอให้โจทก์นำเงินปันผลของหุ้นดังกล่าวมาชำระให้แก่จำเลยทั้งสองพร้อมดอกเบี้ยจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา264

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6920/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาคดี ต้องเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินหรือสิทธิที่พิพาทในคดีเท่านั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองซื้อหุ้นของโจทก์โดยไม่ชอบขอให้จำเลยทั้งสองคืนหุ้นและใบหุ้นที่ซื้อไว้โดยไม่ชอบให้ตัดสิทธิจองซื้อหุ้นใหม่โดยอาศัยหุ้นดังกล่าวและรับเงินค่าหุ้นนั้นคืนไปจากโจทก์จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าซื้อหุ้นไว้โดยชอบโดยมิได้ฟ้องแย้งเรียกเงินปันผลของหุ้นดังนี้คำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของจำเลยทั้งสองโดยขอให้โจทก์นำเงินปันผลของหุ้นดังกล่าวมาชำระให้แก่จำเลยทั้งสองพร้อมดอกเบี้ยจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา264

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6920/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาคดีหุ้น: เงินปันผลไม่เกี่ยวข้องกับผลคดี
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองซื้อหุ้นของโจทก์โดยไม่ชอบ ขอให้จำเลยทั้งสองคืนหุ้นและใบหุ้นที่ซื้อไว้โดยไม่ชอบ ให้ตัดสิทธิจองซื้อหุ้นใหม่โดยอาศัยหุ้นดังกล่าวและรับเงินค่าหุ้นนั้นคืนไปจากโจทก์ จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าซื้อหุ้นไว้โดยชอบโดยมิได้ฟ้องแย้งเรียกเงินปันผลของหุ้น ดังนี้ คำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของจำเลยทั้งสองโดยขอให้โจทก์นำเงินปันผลของหุ้นดังกล่าวมาชำระให้แก่จำเลยทั้งสองพร้อมดอกเบี้ย จึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6920/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาคดีต้องเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทโดยตรง หากไม่เกี่ยวก็ไม่สามารถคุ้มครองได้
การร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา264นั้นคู่ความฝ่ายใดจะร้องขอก็ได้แต่จะต้องเป็นการคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องขอเพื่อให้ทรัพย์สินสิทธิหรือประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งที่พิพาทกันในคดีนั้นได้รับความคุ้มครองไว้จนกว่าศาลจะได้มีคำพิพากษาหรือเพื่อความสะดวกในการบังคับคดีตามคำพิพากษา โจทก์และจำเลยทั้งสองพิพากษากันเกี่ยวกับหุ้นโดยโจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งสองซื้อหุ้นของโจทก์ไว้โดยไม่ชอบจำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าจำเลยทั้งสองซื้อหุ้นของโจทก์ไว้โดยชอบจำเลยทั้งสองมิได้ฟ้องแย้งเรียกเงินปันผลของหุ้นพิพาทมาด้วยซึ่งผลของคดีถ้าจำเลยทั้งสองเป็นฝ่ายชนะศาลก็เพียงแต่พิพากษายกฟ้องโจทก์ไปตามคำขอท้ายคำให้การของจำเลยทั้งสองเท่านั้นไม่มีผลบังคับไปถึงเงินปันผลอันเป็นผลประโยชน์ของหุ้นพิพาทตามที่จำเลยทั้งสองร้องขอคุ้มครองได้คำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของจำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา264

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6920/2538 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาคดีต้องเชื่อมโยงกับประโยชน์ที่พิพาทจริง
การร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 264 นั้น คู่ความฝ่ายใดจะร้องขอก็ได้ แต่จะต้องเป็นการคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องขอ เพื่อให้ทรัพย์สิน สิทธิ หรือประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งที่พิพาทกันในคดีนั้นได้รับความคุ้มครองไว้จนกว่าศาลจะได้มีคำพิพากษาหรือเพื่อความสะดวกในการบังคับคดีตามคำพิพากษา
โจทก์และจำเลยทั้งสองพิพาทกันเกี่ยวกับหุ้น โดยโจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งสองซื้อหุ้นของโจทก์ไว้โดยไม่ชอบ จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าจำเลยทั้งสองซื้อหุ้นของโจทก์ไว้โดยชอบ จำเลยทั้งสองมิได้ฟ้องแย้งเรียกเงินปันผลของหุ้นพิพาทมาด้วย ซึ่งผลของคดีถ้าจำเลยทั้งสองเป็นฝ่ายชนะ ศาลก็เพียงแต่พิพากษายกฟ้องโจทก์ไปตามคำขอท้ายคำให้การของจำเลยทั้งสองเท่านั้น ไม่มีผลบังคับไปถึงเงินปันผลอันเป็นผลประโยชน์ของหุ้นพิพาทตามที่จำเลยทั้งสองร้องขอคุ้มครองได้ คำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของจำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 264

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6684/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีจากคำสั่งอายัดทรัพย์สิน จำเป็นต้องไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องสัญญาจำนำและสิทธิเรียกร้องอย่างละเอียดก่อน
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานเพิกถอนการบังคับคดีเพิกถอนการยึด และมีคำสั่งให้ปล่อยเงินที่ยึดจำนวน2,400,200 บาท กับขอให้ไต่สวนข้อโต้แย้งและการปฏิเสธส่งเงินจากบัญชีเงินฝากประจำของจำเลยที่มีอยู่กับผู้ร้องซึ่งผู้ร้องอ้างว่าเงินฝากประจำศาลแพ่งสั่งอายัดชั่วคราวไว้ และบัญชีเงินฝากประจำดังกล่าว จำเลยได้จำนำประกันหนี้ของจำเลยที่มีอยู่กับผู้ร้อง และจำเลยมีหนังสือยินยอมให้หักเงินในบัญชีชำระหนี้ผู้ร้องได้ ดังนี้เป็นกรณีที่ผู้ร้องอ้างว่าจำเลยไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินฝากคืนจากผู้ร้อง โจทก์จึงไม่มีสิทธิขออายัดอันเป็นกรณีที่ผู้ร้องอ้างว่าศาลแรงงานออกหมายบังคับคดีและดำเนินการบังคับคดีเอาแก่ผู้ร้องเป็นการไม่ชอบ ซึ่งศาลแรงงานจะต้องไต่สวนตามที่เห็นสมควรแล้วมีคำสั่งอนุญาตหรือยกคำขอนั้นแต่ในการไต่สวนศาลแรงงานสอบข้อเท็จจริงจากผู้ร้องเพียงฝ่ายเดียว และผู้ร้องส่งอ้างเอกสารเป็นพยานแล้วศาลแรงงานมีคำสั่งให้งดการไต่สวน และมีคำสั่งยกคำร้องของ ผู้ร้อง เมื่อปรากฏว่าคดีนี้ผู้ร้องไม่ได้นำสืบพยานบุคคลประกอบว่าการจำนำตามบัญชีเงินฝากดังกล่าวของจำเลยมีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดอย่างไร ผู้ร้องจึงไม่ยอมส่งเงินตามที่ศาลสั่งอายัด สำหรับฝ่ายโจทก์ซึ่งคัดค้านเข้ามาก็ไม่ปรากฏว่าศาลแรงงานได้สอบถามว่ายอมรับข้อเท็จจริงข้อไหนอย่างไร ที่ผู้ร้องอ้างมาบ้าง ดังนั้น ข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานได้มาจากการสอบถามกับเอกสารที่ผู้ร้องส่งอ้าง เป็นพยานก็ดีและข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยของศาลแรงงานก็ดี ยังไม่เพียงพอแก่การวินิจฉัยข้อกฎหมายของศาลฎีกาในปัญหาว่าที่ศาลแรงงานมีคำสั่งยืนยันให้ผู้ร้องส่งเงินอายัดเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 311 ประกอบด้วยมาตรา 312 วรรคหนึ่ง เพราะจะต้องไต่สวนและ เห็นว่าเป็นที่พอใจว่าหนี้ที่เรียกร้องนั้นมีอยู่จริงก่อนมีคำสั่งยืนยันให้ผู้ร้องส่งเงินตามที่โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดไปหรือไม่ และหากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าหนี้ที่เรียกร้องไม่มีอยู่จริง การออกหมายบังคับเอาแก่ผู้ร้องต่อมาจะเป็นการออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้นอันผู้ร้องจะยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานมีคำสั่งให้ยก หมายบังคับคดีเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคแรกและวรรคสาม ประกอบด้วย พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 หรือไม่ซึ่งศาลฎีกาไม่อาจก้าวล่วงไปวินิจฉัยข้อเท็จจริงของคดีแรงงานได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 56 ศาลฎีกาให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานทำการพิจารณาสืบพยานในข้อที่เกี่ยวกับสัญญาจำนำประกันหนี้ต่าง ๆ ที่จำเลยมีกับผู้ร้อง ตลอดถึงข้อกำหนดและเงื่อนไขเกี่ยวกับการจำนำระหว่างผู้ร้องกับจำเลย แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6684/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการไต่สวนสัญญาจำนำประกันหนี้ ศาลต้องไต่สวนสืบพยานให้ครบถ้วนก่อนมีคำสั่ง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานเพิกถอนการบังคับคดี เพิกถอนการยึด และมีคำสั่งให้ปล่อยเงินที่ยึดจำนวน 2,400,200 บาท กับขอให้ไต่สวนข้อโต้แย้งและการปฏิเสธส่งเงินจากบัญชีเงินฝากประจำของจำเลยที่มีอยู่กับผู้ร้องซึ่งผู้ร้องอ้างว่าเงินฝากประจำศาลแพ่งสั่งอายัดชั่วคราวไว้ และบัญชีเงินฝากประจำดังกล่าว จำเลยได้จำนำประกันหนี้ของจำเลยที่มีอยู่กับผู้ร้อง และจำเลยมีหนังสือยินยอมให้หักเงินในบัญชีชำระหนี้ผู้ร้องได้ ดังนี้เป็นกรณีที่ผู้ร้องอ้างว่าจำเลยไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินฝากคืนจากผู้ร้อง โจทก์จึงไม่มีสิทธิขออายัดอันเป็นกรณีที่ผู้ร้องอ้างว่าศาลแรงงานออกหมายบังคับคดีและดำเนินการบังคับคดีเอาแก่ผู้ร้องเป็นการไม่ชอบ ซึ่งศาลแรงงานจะต้องไต่สวนตามที่เห็นสมควรแล้วมีคำสั่งอนุญาตหรือยกคำขอนั้น แต่ในการไต่สวนศาลแรงงานสอบข้อเท็จจริงจากผู้ร้องเพียงฝ่ายเดียว และผู้ร้องส่งอ้างเอกสารเป็นพยานแล้วศาลแรงงานมีคำสั่งให้งดการไต่สวน และมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง เมื่อปรากฏว่าคดีนี้ผู้ร้องไม่ได้นำสืบพยานบุคคลประกอบว่าการจำนำตามบัญชีเงินฝากดังกล่าวของจำเลยมีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดอย่างไร ผู้ร้องจึงไม่ยอมส่งเงินตามที่ศาลสั่งอายัด สำหรับฝ่ายโจทก์ซึ่งคัดค้านเข้ามา ก็ไม่ปรากฏว่าศาลแรงงานได้สอบถามว่ายอมรับข้อเท็จจริงข้อไหนอย่างไร ที่ผู้ร้องอ้างมาบ้าง ดังนั้น ข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานได้มาจากการสอบถามกับเอกสารที่ผู้ร้องส่งอ้างเป็นพยานก็ดีและข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยของศาลแรงงานก็ดี ยังไม่เพียงพอแก่การวินิจฉัยข้อกฎหมายของศาลฎีกาในปัญหาว่าที่ศาลแรงงานมีคำสั่งยืนยันให้ผู้ร้องส่งเงินอายัดเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 311ประกอบด้วยมาตรา 312 วรรคหนึ่ง เพราะจะต้องไต่สวนและเห็นว่าเป็นที่พอใจว่าหนี้ที่เรียกร้องนั้นมีอยู่จริงก่อนมีคำสั่งยืนยันให้ผู้ร้องส่งเงินตามที่โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดไปหรือไม่ และหากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าหนี้ที่เรียกร้องไม่มีอยู่จริง การออกหมายบังคับเอาแก่ผู้ร้องต่อมาจะเป็นการออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้นอันผู้ร้องจะยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานมีคำสั่งให้ยกหมายบังคับคดีเสียได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 296 วรรคแรก และวรรคสามประกอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522มาตรา 31 หรือไม่ ซึ่งศาลฎีกาไม่อาจก้าวล่วงไปวินิจฉัยข้อเท็จจริงของคดีแรงงานได้ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา56 ศาลฎีกาให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานทำการพิจารณาสืบพยานในข้อที่เกี่ยวกับสัญญาจำนำประกันหนี้ต่าง ๆ ที่จำเลยมีกับผู้ร้อง ตลอดถึงข้อกำหนดและเงื่อนไขเกี่ยวกับการจำนำระหว่างผู้ร้องกับจำเลย แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6655/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสืบพยานผู้พิการและการไม่คัดค้านการเลื่อนสืบพยาน
ศาลชั้นต้นให้โจทก์ใช้คำถามนำในการซักถามผู้เสียหายที่เป็นพยานโจทก์ซึ่งเป็นอัมพาตไม่อาจพูดจาหรือเปล่งเสียงได้ แต่ตอบคำถามโดยวิธีพยักหน้า ยักคิ้ว หรือการนิ่งเฉย เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยป.วิ.พ. มาตรา 118 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15
ทนายจำเลยถามค้านพยานปากผู้เสียหายบ้างแล้ว ผู้เสียหายหลับไป ศาลชั้นต้นบันทึกไว้ว่า ทนายจำเลยหมดคำถามก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยคัดค้านว่ายังมีคำถามและขอถามค้านต่อไป หรือขอเลื่อนไปถามค้านต่อนัดหน้าก็ได้ เมื่อโจทก์ขอเลื่อนไปสืบพยานที่เหลือนัดหน้าจำเลยก็ไม่ค้าน ศาลรับฟังคำเบิกความของผู้เสียหายได้หาเป็นการขัดต่อกฎหมายไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6595/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมไม่ลงวันเดือนปีเป็นโมฆะ ทายาทโดยธรรมมีสิทธิรับมรดก ผู้จัดการมรดกเดิมไม่ต้องถูกเพิกถอน
พินัยกรรมไม่ลงวันเดือนปีในการทำพินัยกรรมจึงมิได้ทำตามแบบที่กฎหมายบัญญัติไว้ย่อมเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1705ทรัพย์มรดกของผู้ตายจึงตกได้แก่ทายาทโดยธรรมของผู้ตายเสมือนหนึ่งมิได้มีการทำพินัยกรรมไว้เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าท.บิดาผู้คัดค้านที่1เป็นบุตรของผู้ตายได้ตายก่อนผู้ตายผู้คัดค้านที่1ย่อมเป็นผู้มีสิทธิได้รับทรัพย์มรดกแทนที่บิดาจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียมีสิทธิร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกผู้ตายได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1711และ1713ดังนั้นเมื่อศาลมีคำสั่งแต่งตั้งผู้คัดค้านที่1เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายแล้วแม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าเจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมทรัพย์มรดกให้แก่ผู้คัดค้านที่2แต่ผู้เดียวก็ตามก็ยังไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งเพิกถอนผู้คัดค้านที่1จากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1727
of 120