พบผลลัพธ์ทั้งหมด 706 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2538/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอม: การใช้ทางร่วมในครอบครัวไม่ก่อให้เกิดสิทธิปรปักษ์ แม้ใช้ทางต่อเนื่องนานกว่า 10 ปี
การใช้ทางพิพาทของ ส. ผ่านที่ดินของ ถ. ซึ่งเป็นภรรยาเป็นการใช้ในลักษณะที่อาศัยความสัมพันธ์ในครอบครัว ถ. ไม่ได้โต้แย้งคัดค้านเป็นการยินยอมให้ ส. ใช้ทางพิพาทโดยปริยายการใช้ทางพิพาทของ ส. ไม่มีลักษณะเป็นการ ปรปักษ์อันจะได้สิทธิภารจำยอมไม่ว่าจะใช้ทางพิพาทมานานเท่าใดก็ไม่เกิดสิทธิภารจำยอม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2086/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีเสร็จสิ้นแล้ว ผู้ร้องสอดเกินกำหนดฟ้องเพิกถอน แม้ไม่รู้การขายทอดตลาด
โจทก์ซื้อสิทธิการเช่าอาคารราชพัสดุของจำเลยที่2ได้จากการขายทอดตลาดและชำระราคาไปตั้งแต่วันที่18มิถุนายน2530โจทก์ได้รับเงินค่าซื้อทรัพย์ไปจากศาลเมื่อวันที่7กรกฎาคม2530ถือได้ว่าการบังคับคดีได้เสร็จลงแล้วตั้งแต่วันดังกล่าวการที่ผู้ร้องเพิ่งยื่นคำร้องสอดเมื่อวันที่29ธันวาคม2535จึงเกินกำหนดเวลาตามกฎหมายที่จะยื่นได้แม้ผู้ร้องสอดจะอ้างว่าไม่รู้ถึงการขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวก็ไม่มีข้อกำหนดในกฎหมายให้ผู้ร้องสอดมาร้องภายหลังจากการบังคับคดีเสร็จลงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2075/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องลักทรัพย์/รับของโจรบัตรเอทีเอ็ม ต้องระบุชัดเจนถึงทรัพย์สินที่ถูกลักทรัพย์/รับของโจร มิใช่เฉพาะบัตร
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าบัตรเอทีเอ็มที่มีผู้นำไปถอนเงินในบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายจากเครื่องเอทีเอ็มเป็นบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปและโจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจรบัตรเอทีเอ็มมิได้ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจรเงินในบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายที่ถอนไปดังนั้นหากจำเลยเป็นผู้นำบัตรเอทีเอ็มไปถอนเงินในบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายจำเลยก็ยังไม่มีความผิดตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2075/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์/รับของโจร: การฟ้องเฉพาะบัตรเอทีเอ็ม ไม่ครอบคลุมถึงเงินในบัญชี
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า บัตรเอทีเอ็มที่มีผู้นำไปถอนเงินในบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายจากเครื่องเอทีเอ็มเป็นบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไป และโจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจรบัตรเอทีเอ็ม มิได้ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจรเงินในบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายที่ถอนไป ดังนั้น หากจำเลยเป็นผู้นำบัตรเอทีเอ็มไปถอนเงินในบัญชีเงินฝากของผู้เสียหาย จำเลยก็ยังไม่มีความผิดตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2004/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองเมทแอมเฟตามีนเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด และการรับฟังคำรับสารภาพประกอบพยานหลักฐาน
โจทก์นำสืบประกอบคำรับสารภาพของจำเลยว่าเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ค้นพบของกลางในกระเป๋าเสื้อด้านขวาและในชั้นพิจารณาจำเลยให้การรับสารภาพว่ากระทำผิดตามฟ้องโดยมิได้ถามค้านพยานโจทก์และนำพยานของตนเข้าสืบไม่มีพยานหลักฐานใดที่ชี้ได้ว่าพบของกลางที่เสื้อซึ่งแขวนอยู่ที่สระน้ำหรือจำเลยให้การรับสารภาพเพราะมีผู้แนะนำที่จำเลยฎีกาว่าพบของกลางที่เสื้อซึ่งแขวนที่สระน้ำเป็นเพียงข้ออ้างมาลอยๆจึงรับฟังไม่ได้ โจทก์ได้บรรยายฟ้องถึงประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่85(พ.ศ.2536)เรื่องกำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท1หรือประเภท2ตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518ลงวันที่19มกราคม2536ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศตามมาตรา6(7ทวิ)ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและจำเลยทราบแล้วจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องดังนี้การที่โจทก์นำพยานบุคคลมาสืบประกอบคำรับสารภาพและพยานเบิกความเพียงแต่ระบุการกระทำของจำเลยโดยมิได้เบิกความถึงประกาศก็เป็นการเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยทราบประกาศดังกล่าวแล้วและประกาศดังกล่าวก็เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายเพราะกฎหมายให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีอำนาจประกาศแม้ประกาศฉบับดังกล่าวจะถูกยกเลิกโดยประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่92(พ.ศ.2538)ลงวันที่3เมษายน2538ซึ่งประกาศฉบับใหม่นี้ได้ระบุไว้ชัดแจ้งว่าให้คำนวณปริมาณเมทแอมเฟตามีนเมื่อเป็นสารบริสุทธิ์แล้วซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยกว่าจึงต้องใช้ประกาศฉบับหลังบังคับแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1975/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกเงินจากตัวแทนและการโต้แย้งสิทธิของโจทก์
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้มอบสินค้าให้จำเลยไปขายแทนโจทก์จำเลยก็รับว่าได้รับสินค้าของโจทก์ไว้ขายจริงดังนี้ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงเป็นเรื่องตัวแทนโจทก์ในฐานะตัวการฟ้องเรียกเงินที่จำเลยได้รับไว้เกี่ยวด้วยการเป็นตัวแทนของจำเลยไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษจึงต้องใช้อายุความทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา164เดิมอันเป็นบทกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องซึ่งมีกำหนด10ปีบังคับเมื่อนับตั้งแต่โจทก์มอบสินค้าให้จำเลยไปขายแทนจนถึงวันฟ้องยังไม่เกิน10ปีฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ยังไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องเพราะโจทก์มิได้เรียกร้องให้จำเลยคืนค่าสินค้าที่ฝากให้จำเลยขายเสียก่อนจำเลยจึงมิได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์นั้นข้อนี้แม้จำเลยมิได้ให้การไว้แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้องอันเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนจำเลยย่อมมีสิทธิที่จะยกขึ้นอ้างซึ่งปัญหาเช่นว่านั้นในชั้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคสองและศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยให้ได้ปัญหานี้โจทก์ได้ให้ทนายความมีหนังสือแจ้งให้จำเลยส่งมอบเงินค่าสินค้าที่ฝากให้จำเลยขายส่วนที่ยังเหลืออยู่ภายใน3วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือซึ่งจำเลยได้รับหนังสือดังกล่าวแล้วเมื่อจำเลยยังมิได้ชำระหนี้ตามหนังสือนั้นให้โจทก์ภายในกำหนดเวลาดังกล่าวจึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์โจทก์ย่อมมีอำนาจนำคดีนี้มาฟ้องจำเลยให้รับผิดในหนี้ดังกล่าวต่อโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1975/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกเงินค่าสินค้าจากตัวแทน และการโต้แย้งสิทธิโดยการทวงถามหนี้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้มอบสินค้าให้จำเลยไปขายแทนโจทก์ จำเลยก็รับว่าได้รับสินค้าของโจทก์ไว้ขายจริงดังนี้ ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงเป็นเรื่องตัวแทนโจทก์ในฐานะตัวการฟ้องเรียกเงินที่จำเลยได้รับไว้เกี่ยวด้วยการเป็นตัวแทนของจำเลย ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษจึงต้องใช้อายุความทั่วไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 เดิม อันเป็นบทกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้อง ซึ่งมีกำหนด 10 ปี บังคับ เมื่อนับตั้งแต่โจทก์มอบสินค้าให้จำเลยไปขายแทนจนถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 10 ปี ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ยังไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องเพราะโจทก์มิได้เรียกร้องให้จำเลยคืนค่าสินค้าที่ฝากให้จำเลยขายเสียก่อนจำเลยจึงมิได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์นั้น ข้อนี้แม้จำเลยมิได้ให้การไว้ แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้องอันเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะยกขึ้นอ้างซึ่งปัญหาเช่นว่านั้นในชั้นฎีกาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคสองและศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยให้ได้ปัญหานี้โจทก์ได้ให้ทนายความมีหนังสือแจ้งให้จำเลยส่งมอบเงินค่าสินค้าที่ฝากให้จำเลยขายส่วนที่ยังเหลืออยู่ภายใน 3 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ซึ่งจำเลยได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว เมื่อจำเลยยังมิได้ชำระหนี้ตามหนังสือนั้นให้โจทก์ภายในกำหนดเวลาดังกล่าวจึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจนำคดีนี้มาฟ้องจำเลยให้รับผิดในหนี้ดังกล่าวต่อโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1975/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกร้องค่าสินค้าจากตัวแทน - การโต้แย้งสิทธิและการแจ้งหนี้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้มอบสินค้าให้จำเลยไปขายแทนโจทก์จำเลยก็รับว่าได้รับสินค้าของโจทก์ไว้ขายจริงดังนี้ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงเป็นเรื่องตัวแทนโจทก์ในฐานะตัวการฟ้องเรียกเงินที่จำเลยได้รับไว้เกี่ยวด้วยการเป็นตัวแทนของจำเลยไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษจึงต้องใช้อายุความทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา164เดิมอันเป็นบทกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องซึ่งมีกำหนด10ปีบังคับเมื่อนับตั้งแต่โจทก์มอบสินค้าให้จำเลยไปขายแทนจนถึงวันฟ้องยังไม่เกิน10ปีฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ยังไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องเพราะโจทก์มิได้เรียกร้องให้จำเลยคืนค่าสินค้าที่ฝากให้จำเลยขายเสียก่อนจำเลยจึงมิได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์นั้นข้อนี้แม้จำเลยมิได้ให้การไว้แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้องอันเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยประชาชนจำเลยย่อมมีสิทธิที่จะยกขึ้นอ้างซึ่งปัญหาเช่นว่านั้นในชั้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคสองและศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยให้ได้ปัญหานี้โจทก์ได้ให้ทนายความมีหนังสือแจ้งให้จำเลยส่งมอบเงินค่าสินค้าที่ฝากให้จำเลยขายส่วนที่ยังเหลืออยู่ภายใน3วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือซึ่งจำเลยได้รับหนังสือดังกล่าวแล้วเมื่อจำเลยยังมิได้ชำระหนี้ตามหนังสือนั้นให้โจทก์ภายในกำหนดเวลาดังกล่าวจึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์โจทก์ย่อมมีอำนาจนำคดีนี้มาฟ้องจำเลยให้รับผิดในหนี้ดังกล่าวต่อโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1975/2539 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการเรียกร้องหนี้จากตัวแทน และอำนาจฟ้องเมื่อมีการโต้แย้งสิทธิ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้มอบสินค้าให้จำเลยไปขายแทนโจทก์ จำเลยก็รับว่าได้รับสินค้าของโจทก์ไว้ขายจริง ดังนี้ ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงเป็นเรื่องตัวแทน โจทก์ในฐานะตัวการฟ้องเรียกเงินที่จำเลยได้รับไว้เกี่ยวด้วยการเป็นตัวแทนของจำเลย ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษจึงต้องใช้อายุความทั่วไป ตาม ป.พ.พ. มาตรา 164 เดิม อันเป็นบทกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้อง ซึ่งมีกำหนด 10 ปี บังคับ เมื่อนับตั้งแต่โจทก์มอบสินค้าให้จำเลยไปขายแทนจนถึงวันฟ้อง ยังไม่เกิน 10 ปีฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ยังไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องเพราะโจทก์มิได้เรียกร้องให้จำเลยคืนค่าสินค้าที่ฝากให้จำเลยขายเสียก่อน จำเลยจึงมิได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์นั้น ข้อนี้แม้จำเลยมิได้ให้การไว้ แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้องอันเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะยกขึ้นอ้างซึ่งปัญหาเช่นว่านั้นในชั้นฎีกาได้ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคสอง และศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยให้ได้ ปัญหานี้โจทก์ได้ให้ทนายความมีหนังสือแจ้งให้จำเลยส่งมอบเงินค่าสินค้าที่ฝากให้จำเลยขายส่วนที่ยังเหลืออยู่ภายใน 3 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ซึ่งจำเลยได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว เมื่อจำเลยยังมิได้ชำระหนี้ตามหนังสือนั้นให้โจทก์ภายในกำหนดเวลาดังกล่าวจึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจนำคดีนี้มาฟ้องจำเลยให้รับผิดในหนี้ดังกล่าวต่อโจทก์ได้
ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ยังไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องเพราะโจทก์มิได้เรียกร้องให้จำเลยคืนค่าสินค้าที่ฝากให้จำเลยขายเสียก่อน จำเลยจึงมิได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์นั้น ข้อนี้แม้จำเลยมิได้ให้การไว้ แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้องอันเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะยกขึ้นอ้างซึ่งปัญหาเช่นว่านั้นในชั้นฎีกาได้ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคสอง และศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยให้ได้ ปัญหานี้โจทก์ได้ให้ทนายความมีหนังสือแจ้งให้จำเลยส่งมอบเงินค่าสินค้าที่ฝากให้จำเลยขายส่วนที่ยังเหลืออยู่ภายใน 3 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ซึ่งจำเลยได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว เมื่อจำเลยยังมิได้ชำระหนี้ตามหนังสือนั้นให้โจทก์ภายในกำหนดเวลาดังกล่าวจึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจนำคดีนี้มาฟ้องจำเลยให้รับผิดในหนี้ดังกล่าวต่อโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมเกิดเฉพาะเจ้าของสามยทรัพย์ ผู้เช่าไม่อาจอ้างสิทธิได้ แม้ใช้ทางเกิน 10 ปี
ภารจำยอมเป็นทรัพยสิทธิที่กฎหมายก่อตั้งขึ้นสำหรับเจ้าของสามยทรัพย์การใช้ทางพิพาทขนส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ของจำเลยที่1ซึ่งเป็นเพียงผู้เช่าที่ดินของกระทรวงการคลังมิได้เป็นการใช้แทนหรือทำในนามหรือเพื่อประโยชน์ของกระทรวงการคลังอันจะก่อให้เกิดภารจำยอมในสามยทรัพย์แม้จะใช้มาเป็นเวลา10ปีเศษก็หาก่อให้เกิดภารจำยอมไม่จำเลยที่1ผู้เช่าจึงไม่อาจอ้างสิทธิว่าได้ใช้ทางพิพาทจนได้ภารจำยอมแก่กระทรวงการคลังเจ้าของที่ดินผู้ให้เช่า