คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อัครวิทย์ สุมาวงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 706 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2539 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอมไม่เกิดจากการใช้ทางของเพียงผู้เช่า แม้ใช้ต่อเนื่องนานปี
จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้จำเลยที่ 2 รับผิดต่อโจทก์ทั้งสี่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น โดยไม่มีรายละเอียดว่านอกฟ้องนอกประเด็นอย่างไร จึงไม่เป็นฎีกาที่ชัดแจ้ง ทั้งปรากฏว่าศาลอุทธรณ์เห็นชอบกับศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ไม่มีอะไรให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์อันจะต้องโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงไม่เป็นฎีกาที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัย
ภาระจำยอมเป็นทรัพยสิทธิที่กฎหมายก่อตั้งขึ้นสำหรับเจ้าของสามยทรัพย์ การใช้ทางพิพาทขนส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเพียงผู้เช่าที่ดินของกระทรวงการคลังเท่านั้น มิได้เป็นการใช้แทนหรือทำในนามหรือเพื่อประโยชน์ของกระทรวงการคลังอันจะก่อให้เกิดภาระจำยอมในสามยทรัพย์ การใช้ทางพิพาทของจำเลยที่ 1 จึงไม่เกิดภาระจำยอม แม้จะใช้มาเป็นเวลา 10 ปีเศษจำเลยที่ 1 ผู้เช่าจะอ้างสิทธิว่าได้ใช้ทางพิพาทจนได้ภาระจำยอมแก่เจ้าของที่ดินผู้ให้เช่าหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมมิอาจเกิดแก่ผู้เช่า การใช้ทางเพื่อประโยชน์ตนเองไม่สร้างภารจำยอมแก่เจ้าของที่ดิน
จำเลยที่2ฎีกาว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้จำเลยที่2รับผิดต่อโจทก์ทั้งสี่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นโดยไม่มีรายละเอียดว่านอกฟ้องนอกประเด็นอย่างไรจึงไม่เป็นฎีกาที่ชัดแจ้งทั้งปรากฏว่าศาลอุทธรณ์เห็นชอบกับศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องจำเลยที่2ไม่มีอะไรให้จำเลยที่2ต้องรับผิดต่อโจทก์อันจะต้องโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงไม่เป็นฎีกาที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัย ภาระจำยอมเป็นทรัพยสิทธิที่กฎหมายก่อตั้งขึ้นสำหรับเจ้าของสามยทรัพย์การใช้ทางพิพาทขนส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ของจำเลยที่1ซึ่งเป็นเพียงผู้เช่าที่ดินของกระทรวงการคลังเท่านั้นมิได้เป็นการใช้แทนหรือทำในนามหรือเพื่อประโยชน์ของกระทรวงการคลังอันจะก่อให้เกิดภาระจำยอมในสามยทรัพย์การใช้ทางพิพาทของจำเลยที่1จึงไม่เกิดภารจำยอมแม้จะใช้มาเป็นเวลา10ปีเศษจำเลยที่1ผู้เช่าจะอ้างสิทธิว่าได้ใช้ทางพิพาทจนได้ภารจำยอมแก่เจ้าของที่ดินผู้ให้เช่าหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมเกิดเฉพาะเจ้าของสามยทรัพย์ ผู้เช่าไม่อาจอ้างสิทธิได้ แม้ใช้ทางเกิน 10 ปี
ภารจำยอมเป็นทรัพยสิทธิที่กฎหมายก่อตั้งขึ้นสำหรับเจ้าของสามยทรัพย์การใช้ทางพิพาทขนส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ของจำเลยที่1ซึ่งเป็นเพียงผู้เช่าที่ดินของกระทรวงการคลังมิได้เป็นการใช้แทนหรือทำในนามหรือเพื่อประโยชน์ของกระทรวงการคลังอันจะก่อให้เกิดภารจำยอมในสามยทรัพย์แม้จะใช้มาเป็นเวลา10ปีเศษก็หาก่อให้เกิดภารจำยอมไม่จำเลยที่1ผู้เช่าจึงไม่อาจอ้างสิทธิว่าได้ใช้ทางพิพาทจนได้ภารจำยอมแก่กระทรวงการคลังเจ้าของที่ดินผู้ให้เช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1400/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความเหมือนหรือความคล้ายคลึงของเครื่องหมายการค้าที่มีรูปกระทิงเป็นองค์ประกอบสำคัญ เพื่อวินิจฉัยการลวงสาธารณชน
เครื่องหมายการค้าของจำเลยเป็นรูปประดิษฐ์คล้ายกระทิง2ตัวยืนซ้อนเหลื่อมกันอยู่โดยต่างหันหน้าไปทางเดียวกันทางซ้ายมือและมีอักษรไทยคำว่ากระทิงคู่อยู่ใต้รูปดังกล่าวโดยรูปกระทิงและอักษรไทยทั้งหมดอยู่ภายในกรอบรูปคล้ายโล่ซึ่งมีพื้นทึบส่วนเครื่องหมายการค้าของโจทก์แบ่งออกได้3แบบคือแบบที่1เป็นรูปกระทิงตัวเดียวหันหน้าไปทางขวามืออยู่ในลักษณะก้มหัวงอขาหน้าทำท่าขวิดแบบที่2เป็นกระทิง2ตัวหันหน้าเข้าหากันโดยต่างอยู่ในลักษณะก้มหัวงดขาหน้าทำท่าขวิดต่อสู้กันและแบบที่3เป็นรูปกระทิงสีแดง2ตัวหันหน้าเข้าหากันโดยต่างอยู่ในลักษณะก้มหัวงอขาหน้าทำท่าขวิดต่อสู้กันเช่นเดียวกับแบบที่2แต่มีวงกลมสีแดงล้อมรอบกลางลำตัวของกระทิงทั้งสองและมีอักษรไทยสีแดงดำว่ากระทิงแดงอยู่ใต้รูปกระทิงทั้งสองด้วยลักษณะของรูปกระทิงของเครื่องหมายการค้าของจำเลยและของโจทก์จึงแตกต่างกันอย่างชัดแจ้งดังนั้นแม้เครื่องหมายการค้าของจำเลยและของโจทก์ต่างมีรูปกระทิงเป็นสาระสำคัญก็ตามเครื่องหมายการค้าของจำเลยก็ไม่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์จนถึงนับได้ว่าเป็นการลวงสาธารณชน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1400/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เครื่องหมายการค้าต่างกันชัดเจน แม้มีรูปกระทิงเป็นสาระสำคัญ ไม่ถือว่าลวงสาธารณชน
เครื่องหมายการค้าของจำเลยเป็นรูปประดิษฐ์คล้ายกระทิง2 ตัว ยืนซ้อนเหลื่อมกันอยู่โดยต่างหันหน้าไปทางเดียวกันทางซ้ายมือ และมีอักษรไทยคำว่า กระทิงคู่ อยู่ใต้รูปดังกล่าว โดยรูปกระทิงและอักษรไทยทั้งหมดอยู่ภายในกรอบรูปคล้ายโล่ซึ่งมีพื้นทึบ ส่วนเครื่องหมายการค้าของโจทก์แบ่งออกได้ 3 แบบ คือ แบบที่ 1 เป็นรูปกระทิงตัวเดียวหันหน้าไปทางขวามืออยู่ในลักษณะก้มหัว งอขาหน้า ทำท่าขวิด แบบที่ 2 เป็นกระทิง 2 ตัว หันหน้าเข้าหากันโดยต่างอยู่ในลักษณะก้มหัว งอขาหน้า ทำท่าขวิดต่อสู้กัน และแบบที่ 3 เป็นรูปกระทิงสีแดง 2 ตัว หันหน้าเข้าหากันโดยต่างอยู่ในลักษณะก้มหัว งอขาหน้าทำท่าขวิดต่อสู้กันเช่นเดียวกับแบบที่ 2 แต่มีวงกลมสีแดงล้อมรอบกลางลำตัวของกระทิงทั้งสอง และมีอักษรไทยสีแดงคำว่าง กระทิงแดง อยู่ใต้รูปกระทิงทั้งสองด้วยลักษณะของรูปกระทิงของเครื่องหมายการค้าของจำเลยและของโจทก์จึงแตกต่างกันอย่างชัดแจ้ง ดังนั้นแม้เครื่องหมายการค้าของจำเลยและของโจทก์ต่างมีรูปกระทิงเป็นสาระสำคัญก็ตาม เครื่องหมายการค้าของจำเลยก็ไม่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์จนถึงนับได้ว่าเป็นการลวงสาธารณชน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1400/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เครื่องหมายการค้าไม่เหมือนหรือคล้ายกันจนลวงสาธารณชน แม้มีรูปกระทิงเป็นสาระสำคัญ
เครื่องหมายการค้าของจำเลยเป็นรูปกระทิง 2 ตัวยืนซ้อนเหลื่อมกันอยู่โดยต่างหันหน้าไปทางเดียวกันทางซ้ายมือและมีอักษรไทยคำว่า กระทิงคู่ อยู่ใต้รูปโดยรูปกระทิงและอักษรไทยทั้งหมดอยู่ภายในกรอบรูปคล้ายโล่ซึ่งมีพื้นทึบ ส่วนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ แบ่งออกได้เป็น 3 แบบ คือ แบบที่ 1 เป็นรูปกระทิงตัวเดียวหันหน้าไปทางขวามืออยู่ในลักษณะก้มหัวงอขาหน้า ทำท่าขวิดแบบที่ 3 เป็นกระทิง 2 ตัวหันหน้าเข้าหากันโดยต่างอยู่ในลักษณะก้มหัว งอขาหน้า ทำท่าขวิดต่อสู้กัน และแบบที่ 2เป็นรูปกระทิงสีแดง 2 ตัว หันหน้าเข้าหากันโดยต่างอยู่ในลักษณะก้มหัว งอขาหน้า ทำท่าขวิดต่อสู้กันเช่นเดียวกับแบบที่ 2 แต่มีวงกลมสีแดงล้อมรอบกลางลำตัวของกระทิงทั้งสองและมีอักษรไทยสีแดงคำว่า กระทิงแดง อยู่ใต้รูปกระทิงทั้งสองด้วย แม้เครื่องหมายการค้าของจำเลยและเครื่องหมายการค้าของโจทก์ต่างมีรูปกระทิงเป็นสาระสำคัญก็ตาม แต่เมื่อรูปกระทิงแตกต่างกันอย่างชัดเจนจึงไม่เหมือนหรือคล้ายกันจนถึงนับได้ว่าเป็นการลวงสาธารณชน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ โดยจำเลยติดต่อผู้เสียหายเพื่อล่อลวงไปปล้นทรัพย์ พยานหลักฐานรับฟังได้ชัดเจน
จำเลยเป็นผู้มาติดต่อให้ผู้เสียหายทั้งสองไปบรรทุกทรายถึง2ครั้งแม้จะนานวันกันแต่ก็ติดต่อกันและอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันผู้เสียหายทั้งสองย่อมจดจำหน้าตาจำเลยได้เพราะมีการพูดคุยกันด้วยทั้ง2ครั้งเมื่อการเจรจาครั้งแรกไม่ตกลงจำเลยยังหวนกลับมาติดต่ออีกครั้งหนึ่งในวันรุ่งขึ้นเช่นนี้โอกาสที่ผู้เสียหายทั้งสองจะจดจำรูปพรรณของจำเลยย่อมมีมากขึ้นประกอบกับผู้เสียหายทั้งสองไม่เคยรู้จักจำเลยมาก่อนจึงไม่มีเหตุให้ระแวงว่าผู้เสียหายทั้งสองจะเบิกความปรักปรำใส่ร้ายจำเลยที่ ประจักษ์พยานโจทก์ทั้งสองดังกล่าวเบิกความแตกต่างกันไปบ้างนั้นก็ไม่ใช่ส่วนสาระสำคัญของคดีหากเป็นเพียงข้อปลีกย่อยเท่านั้นไม่ถึงกับทำให้รูปคดีโจทก์มีพิรุธและการที่เจ้าพนักงานตำรวจไปยึดเอารูปถ่ายของจำเลยมาให้ผู้เสียหายทั้งสองดูก่อนมีการจับจำเลยนั้นก็ไม่เป็นเหตุให้รูปคดีโจทก์มีน้ำหนักลดน้อยลงไปแต่อย่างใดเพราะผู้เสียหายทั้งสองจำได้และยืนยันตลอดมาว่าจำเลยเป็นคนร้ายร่วมปล้นทรัพย์ด้วยทั้งฎีกาจำเลยก็รับว่าเป็นคนติดต่อให้ผู้เสียหายทั้งสองบรรทุกทรายไปลงบริเวณที่เกิดเหตุแต่อ้างว่าได้ออกไปจากที่เกิดเหตุก่อนจะเกิดเหตุประมาณ1ชั่วโมงซึ่งเป็นการขัดแย้งกับข้อนำสืบอ้างฐานที่อยู่ของจำเลยพยานฐานที่อยู่ของจำเลยไม่อาจหักล้างพยานโจทก์ได้ พยานหลักฐานโจทก์เท่าที่นำสืบมาฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะแสร้งทำเป็นติดต่อว่าจ้างผู้เสียหายทั้งสองและล่อให้ผู้เสียหายทั้งสองขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อตามไปยังสถานที่เกิดเหตุเพื่อทำการปล้นทรัพย์อันเป็นความผิดฐาน ปล้นทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ: การล่อลวงผู้เสียหายเพื่อปล้นทรัพย์ด้วยรถจักรยานยนต์
การที่จำเลยร่วมกับพวกใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะขับมาแสร้งทำเป็นติดต่อว่าจ้างผู้เสียหายทั้งสองให้นำรถยนต์บรรทุกสิบล้อไปบรรทุกทราย และล่อให้ผู้เสียหายทั้งสองขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อตามไปยังสวนยางพาราที่เกิดเหตุแล้วทำการปล้นทรัพย์นั้น ถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ตาม ป.อ.มาตรา 340 ตรี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานสำเนาเอกสารแทนต้นฉบับ กรณีจำเลยโต้แย้งเอกสารปลอมแต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้
จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรหรือใบบันทึกค่าสินค้าและบริการเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข8และ9เป็นเอกสารปลอมจึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสองได้คัดค้านการนำเอกสารนั้นมาสืบโดยเหตุที่ว่าต้นฉบับปลอมทั้งฉบับก่อนวันสืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา125วรรคสองแล้วและมีสิทธิคัดค้านการมีอยู่และความแท้จริงของเอกสารนั้นหรือความถูกต้องแห่งสำเนาเอกสารนั้นได้ เมื่อจำเลยที่1ใช้บัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสของโจทก์แทนเงินสดในการชำระค่าสินค้าและบริการแต่ละครั้งจะมีการทำเอกสารชุดละ3แผ่นร้านค้าเก็บไว้1แผ่นมอบให้จำเลยที่1เก็บไว้1แผ่นและส่งมาเรียกเก็บเงินจากโจทก์1แผ่นซึ่งโจทก์จะนำไปถ่ายเป็นไมโครฟิล์มไว้แล้วส่งหลักฐานที่ร้านค้าส่งมาให้โจทก์ไปเรียกเก็บเงินจากจำเลยที่1พร้อมใบแจ้งหนี้จึงไม่มีต้นฉบับหรือสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรดังกล่าวอยู่ที่โจทก์เมื่อโจทก์อ้างว่าต้นฉบับใบบันทึกการใช้บัตรอยู่ที่จำเลยทั้งสองแต่จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรหรือใบบันทึกค่าสินค้าและบริการเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข9ซึ่งตรงกับสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรเอกสารหมายจ.8เป็นเอกสารปลอมจึงเท่ากับจำเลยทั้งสองไม่รับว่าต้นฉบับใบบันทึกการใช้บัตรหรือใบบันทึกค่าสินค้าและบริการดังกล่าวอยู่ที่จำเลยทั้งสองถือได้ว่าเป็นกรณีที่โจทก์ไม่สามารถนำต้นฉบับเอกสารใบบันทึกค่าสินค้าและบริการมาได้เมื่อเอกสารหมายจ.8เป็นสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรเป็นค่าสินค้าและบริการซึ่งเป็นภาพถ่ายจากไมโครฟิล์มที่โจทก์ถ่ายจากสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรเป็นค่าสินค้าและบริการของจำเลยที่1ที่ร้านค้าส่งไปเรียกเก็บเงินจากโจทก์เอกสารหมายจ.8จึงเป็นสำเนาที่ถูกต้องของต้นฉบับเอกสารศาลมีอำนาจรับฟังเอกสารหมายจ.8ซึ่งเป็นสำเนาเอกสารเป็นพยานหลักฐานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา93(2) จำเลยทั้งสองได้รับสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรเป็นค่าสินค้าและบริการของจำเลยที่2และสำเนาใบบันทึกการเบิกเงินสดของจำเลยที่2พร้อมกับฟ้องแล้วแต่จำเลยทั้งสองไม่ได้โต้แย้งคัดค้านการนำเอกสารมาสืบก่อนวันสืบพยานโดยเหตุว่าไม่มีต้นฉบับหรือต้นฉบับนั้นปลอมทั้งฉบับหรือบางส่วนหรือสำเนานั้นไม่ถูกต้องกับต้นฉบับและไม่ได้ขออนุญาตคัดค้านในภายหลังก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาจึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ยอมรับถึงการมีอยู่ของต้นฉบับและความแท้จริงของต้นฉบับเอกสารนั้นรวมทั้งยอมรับว่าสำเนานั้นตรงกับต้นฉบับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา125แล้วศาลจึงมีอำนาจรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานแทนต้นฉบับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา93(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานทางเอกสารและการใช้บัตรเครดิตทดรองจ่าย การพิสูจน์หนี้จากการใช้บัตรและการรับฟังพยานหลักฐาน
โจทก์อ้างว่าต้นฉบับใบบันทึกการใช้บัตรเครดิตของสำเนาเอกสารหมายจ.8อยู่ที่จำเลยทั้งสองเมื่อจำเลยทั้งสองได้ให้การต่อสู้ไว้แล้วว่าสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรเครดิตหรือใบบันทึกค่าสินค้าและบริการท้ายฟ้องซึ่งตรงกับสำเนาเอกสารหมายจ.8เป็นเอกสารปลอมเท่ากับจำเลยทั้งสองไม่รับว่าต้นฉบับใบบันทึกการใช้บัตรเครดิตหรือใบบันทึกค่าสินค้าและบริการดังกล่าวอยู่ที่จำเลยทั้งสองถือได้ว่าเป็นกรณีที่โจทก์ไม่สามารถนำต้นฉบับเอกสารใบบันทึกค่าสินค้าและบริการดังกล่าวมาได้ศาลจึงมีอำนาจรับฟังสำเนาเอกสารใบบันทึกการใช้บัตรเครดิตเป็นค่าสินค้าและบริการเอกสารหมายจ.8ซึ่งเป็นภาพถ่ายจากไมโครฟิล์มที่โจทก์ถ่ายจากสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรเครดิตเป็นค่าสินค้าและบริการของจำเลยที่1ที่ร้านค้าส่งไปเรียกเก็บเงินจากโจทก์เป็นพยานหลักฐานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา93(2) โจทก์ฟ้องคดีโดยแนบสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรเครดิตเป็นค่าสินค้าและบริการและสำเนาใบบันทึกการเบิกเงินสดของจำเลยเอกสารหมายจ.10และจ.11มาท้ายคำฟ้องจำเลยทั้งสองได้รับสำเนาเอกสารดังกล่าวพร้อมกับฟ้องแล้วไม่ได้โต้แย้งคัดค้านการนำเอกสารมาสืบก่อนวันสืบพยานโดยเหตุว่าไม่มีต้นฉบับหรือต้นฉบับนั้นปลอมทั้งฉบับหรือบางส่วนหรือสำเนานั้นไม่ถูกต้องกับต้นฉบับและไม่ได้ขออนุญาตคัดค้านในภายหลังก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาจึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ยอมรับถึงการมีอยู่ของต้นฉบับและความแท้จริงของต้นฉบับเอกสารดังกล่าวรวมทั้งยอมรับว่าสำเนาตรงกับต้นฉบับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา125แล้วศาลมีอำนาจรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานแห่งเอกสารนั้นแทนต้นฉบับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา93(1)
of 71