คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อัครวิทย์ สุมาวงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 706 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3827/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้มีดสปริงในความผิดฐานกระทำชำเรา: การพิจารณาการใช้จริงเพื่อประกอบการลงโทษ
จำเลยนำอาวุธมีดสปริงที่จำเลยมีติดตัวอยู่ออกมาโดยมิได้ง้างมีดสปริงออกในลักษณะที่สามารถใช้แทงทำร้ายได้ทั้งมิได้ใช้มีดสปริงขู่เข็ญบังคับให้ผู้เสียหายยอมให้จำเลยกระทำชำเราถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ใช้มีดสปริงในการกระทำชำเราผู้เสียหายจำเลยจึงมีความผิดฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน15ปีซึ่งมิใช่ภริยาของตนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา277วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3747/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องแจ้งให้เจ้าของทราบ หากยังไม่แจ้ง แม้ครอบครองนาน ก็ไม่เกิดกรรมสิทธิ์
การที่ ป. สามีผู้ร้องและผู้ร้องเข้าครอบครองที่ดินพิพาทตามสัญญาจะซื้อจะขายเป็นการยึดถือแทนหรือครอบครองโดยอาศัยสิทธิของผู้คัดค้านที่7ซึ่งเป็นผู้จะขายต่อมาผู้คัดค้านที่7ผิดสัญญาและ ป. ได้ยื่นฟ้องแล้วศาลมีคำพิพากษาตามยอมโดยผู้คัดค้านที่7ยินยอมให้ผู้ร้องลงชื่อมีกรรมสิทธิ์ร่วมภายใน3วันนับแต่วันทำยอมและจะแบ่งแยกโฉนดที่ดินในวันดังกล่าวแสดงว่าผู้คัดค้านที่7ยังมิได้สละการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่ป. เมื่อ ป. หรือผู้ร้องมิได้บอกกล่าวเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งการยึดถือไปยังผู้คัดค้านที่7แม้ผู้ร้องครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทติดต่อกันมาเกิน10ปีก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3711-3712/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดยักยอกทรัพย์: การกระทำร่วมกันของผู้ครอบครองและบุคคลภายนอก
ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ไม่ใช่ความผิดเฉพาะตัวของผู้ครอบครองเพียงผู้เดียวผู้อื่นก็อาจร่วมกระทำความผิดกับผู้ครอบครองในการยักยอกทรัพย์ได้หากได้ร่วมมือร่วมใจกันกระทำการยักยอกกับผู้ได้รับมอบหมายให้ครอบครองทรัพย์การครอบครองทรัพย์เป็นเพียงองค์ประกอบความผิดในการกระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์อย่างหนึ่งเท่านั้น จำเลยที่1ครอบครองดูแลจัดการทรัพย์สินของโจทก์ที่2สาขาบางกะปิ เป็นผู้จัดการธนาคารอันเป็นกิจการที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในเรื่องเกี่ยวกับการเงินจำเลยที่1จึงเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนการกระทำของจำเลยที่1ดังกล่าวจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา354ประกอบด้วยมาตรา353และมาตรา352วรรคหนึ่งส่วนการที่จำเลยที่2ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ร่วมกับจำเลยที่1ซึ่งเป็นผู้จัดการสาขาบางกะปิของโจทก์ที่2ยักยอกทรัพย์ของจำเลยที่2เมื่อจำเลยที่2มิใช่เป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนจำเลยที่2ย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา352วรรคหนึ่งประกอบด้วยมาตรา83 จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันทำหลักฐานเท็จในการที่จำเลยที่2ขอกู้เบิกเงินเกินบัญชีจากโจทก์ที่2ครั้งแรกในวงเงิน1,000,000บาทโดยจำเลยทั้งสองประสงค์ที่จะเบียดบังเอาเงินของโจทก์ที่2ไปเป็นของจำเลยทั้งสองโดยทุจริตอันเป็นความผิดฐานยักยอกแล้วเมื่อต่อมาจำเลยที่2ได้ร่วมกันทำหลักฐานเท็จในการที่จำเลยที่1ขอกู้เงินเกินบัญชีเพิ่มเติมอีก3ครั้งในวงเงิน500,000บาท400,000บาทและ800,000บาทตามลำดับจากโจทก์ที่2การกระทำของจำเลยทั้งสองแต่ละครั้งนั้นจึงเป็นการกระทำความผิดต่างกรรมกันจำเลยทั้งสองจึงร่วมกันกระทำความผิดฐานยักยอกรวม4กรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3601/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาซื้อขายที่ดินเนื่องจากผู้ซื้อค้างชำระราคา และสิทธิในการเรียกคืนที่ดิน
สัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์และจำเลยได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ซื้อขายกันได้โอนไปยังจำเลยแล้ว แต่หากจำเลยยังชำระราคาที่ดินให้โจทก์ไม่ครบถ้วน ก็เป็นเรื่องที่จำเลย ไม่ชำระหนี้ โจทก์มีสิทธิกำหนดระยะเวลาพอสมควรแล้วบอกกล่าวให้จำเลยชำระราคาที่ยังค้างชำระให้โจทก์ภายในกำหนดระยะเวลานั้นได้ และถ้าจำเลยยังไม่ชำระ โจทก์ย่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาซื้อขายแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387 และเมื่อโจทก์ได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกที่ดินคืนจากจำเลยตามมาตรา 391

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3601/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาซื้อขายที่ดินเนื่องจากผู้ซื้อไม่ชำระหนี้ และสิทธิในการเรียกคืนที่ดิน
สัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์และจำเลยได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ซื้อขายกันได้โอนไปยังจำเลยแล้วแต่หากจำเลยยังชำระราคาที่ดินให้โจทก์ไม่ครบถ้วนก็เป็นเรื่องที่จำเลยไม่ชำระหนี้โจทก์มีสิทธิกำหนดระยะเวลาพอสมควรแล้วบอกกล่าวให้จำเลยชำระราคาที่ยังค้างชำระให้โจทก์ภายในกำหนดระยะเวลานั้นได้และถ้าจำเลยยังไม่ชำระโจทก์ย่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาซื้อขายแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา387และเมื่อโจทก์ได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้วโจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกที่ดินคืนจากจำเลยตามมาตรา391

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3484/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับตามข้อตกลงแลกเปลี่ยนที่ดิน: ศาลพิพากษาให้จดทะเบียนโอน หากปฏิบัติได้ตามคำขอหลัก คำขอค่าเสียหายไม่จำเป็น
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยแบ่งแยกที่ดินแล้วจดทะเบียนโอนใส่ชื่อโจทก์ตามข้อตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกัน ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติให้ใช้ค่าเสียหายศาลพิพากษาให้โจทก์และจำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินแลกเปลี่ยนตอบแทนกัน ส่วนคำขอที่เรียกค่าเสียหายให้ยก โดยวินิจฉัยว่าโจทก์และจำเลยได้ตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกันแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย เป็นการพิพากษาในประเด็นค่าเสียหายและพิพากษาตามคำขอในฟ้องครบถ้วนแล้ว เพราะโจทก์ฟ้องบังคับให้แลกเปลี่ยนที่ดินเป็นประธาน ส่วนค่าเสียหายเป็นคำขอต่อเนื่อง เมื่อสามารถปฏิบัติตามคำขอประธานแล้วก็ไม่จำต้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำต่อเนื่องอีก และมิใช่กรณีที่จำเลยจะเลือกชำระได้ตามลำพัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3484/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับให้มีการแลกเปลี่ยนที่ดินตามข้อตกลงเดิม และการยกคำขอค่าเสียหายเมื่อมีการปฏิบัติตามข้อตกลงแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยแบ่งแยกที่ดินแล้วจดทะเบียนโอนใส่ชื่อโจทก์ตามข้อตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกันถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติให้ใช้ค่าเสียหายศาลพิพากษาให้โจทก์และจำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินแลกเปลี่ยนตอบแทนกันส่วนคำขอที่เรียกค่าเสียหายให้ยกโดยวินิจฉัยว่าโจทก์และจำเลยได้ตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกันแล้วโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายเป็นการพิพากษาในประเด็นค่าเสียหายและพิพากษาตามคำขอให้ฟ้องครบถ้วนแล้วเพราะโจทก์ฟ้องบังคับให้แลกเปลี่ยนที่ดินเป็นประธานส่วนค่าเสียหายเป็นคำขอต่อเนื่องเมื่อสามารถปฏิบัติตามคำขอประธานแล้วก็ไม่จำต้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำต่อเนื่องอีกและมิใช่กรณีที่จำเลยจะเลือกชำระได้ตามลำพัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3480/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายที่ดินเฉพาะส่วน และเบี้ยปรับจากสัญญา
จำเลยและจำเลยร่วมเป็นสามีภริยากันและเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทร่วมกัน การที่โจทก์กับจำเลยทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทโดยจำเลยร่วมมิได้รู้เห็นหรือให้ความยินยอมด้วย สัญญาดังกล่าวไม่ผูกพันจำเลยร่วม คงสมบูรณ์มีผลผูกพันเฉพาะที่ดินพิพาทส่วนของจำเลยเท่านั้น แม้โจทก์จะไม่อาจบังคับให้จำเลยโอนขายที่ดินพิพาททั้งแปลงตามสัญญาได้ก็ตาม แต่โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกให้จำเลยโอนขายที่ดินพิพาทส่วนของจำเลยได้ การที่จำเลยไม่ยอมโอนขายที่ดินพิพาทส่วนของตนให้โจทก์ จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา
สัญญามีว่าถ้าจำเลยไม่ไปโอนกรรมสิทธิ์ โจทก์มีสิทธิฟ้องบังคับตามสัญญาและเรียกค่าเสียหาย 60,000 บาท ค่าเสียหายดังกล่าวจึงเป็นเบี้ยปรับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 380 วรรคแรก เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทแล้ว และโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า การที่จำเลยไม่โอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ ต้องเสียหายอย่างไร ทั้งมิได้นำสืบไว้ จึงเรียกค่าเสียหายไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3449/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอม: อำนาจฟ้องของผู้รับโอนสิทธิในสามยทรัพย์
ภารจำยอมเป็น ทรัพยสิทธิที่กฎหมายก่อตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์ของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นสามยทรัพย์แม้หากทางพิพาทบนที่ดินของจำเลยทั้งสองเป็นทางภารจำยอมก็เป็นภารยทรัพย์เพื่อประโยชน์แก่ที่ดินซึ่งเป็นสามยทรัพย์เมื่อโจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินดังกล่าวโดยได้ยกให้แก่บุตรสาวแล้วโจทก์จะฟ้องขอให้พิพากษาว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมไม่ได้และเป็นเรื่องเกี่ยวกับการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษายกฟ้องถึงจำเลยที่2ซึ่งมิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3441/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการหักกลบลบหนี้กับเงินประกันความเสียหายจากการเช่าเมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดหรือถูกบอกเลิก
แม้สัญญาเช่าตึกแถวข้อ2จะได้ระบุว่าโจทก์ผู้ให้เช่าจะคืนเงินประกันความเสียหายแก่จำเลยเมื่อสัญญาเช่าครบกำหนดแล้วก็ตามแต่ในกรณีที่โจทก์ผู้ให้เช่าหรือจำเลยผู้เช่าบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนดเวลาเช่า2ปีตามสิทธิที่ระบุไว้ในสัญญาเช่าข้อ12โจทก์ผู้ให้เช่าก็ย่อมต้องคืนเงินประกันความเสียหายนั้นให้แก่จำเลยผู้เช่าหลังจากหักเงินประกันดังกล่าวชำระหนี้ค่าน้ำประปาไฟฟ้าโทรศัพท์และความเสียหายของตึกแถวที่แล้วด้วยเพราะเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินของจำเลยที่วางไว้แก่โจทก์เพียงพอเพื่อประกันความเสียหายอันเนื่องมาจากการเช่าดังกล่าวเท่านั้นดังนั้นเมื่อโจทก์และจำเลยไม่มีความผูกพันตามสัญญาเช่าตึกแถวต่อกันแล้วโจทก์ผู้ให้เช่าต้องคืนเงินประกันความเสียหายดังกล่าวให้แก่จำเลยผู้เช่าและเมื่อปรากฏว่าจำเลยต้องรับผิดชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์จำเลยจึงมีสิทธิที่จะขอให้หักกลบลบหนี้ดังกล่าวกับเงินประกันความเสียหายนั้นได้
of 71