คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อัครวิทย์ สุมาวงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 706 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3441/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการหักกลบลบหนี้กับเงินประกันความเสียหายจากการเช่าเมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดหรือถูกบอกเลิก
แม้สัญญาเช่าตึกแถวข้อ2จะได้ระบุว่าโจทก์ผู้ให้เช่าจะคืนเงินประกันความเสียหายแก่จำเลยเมื่อสัญญาเช่าครบกำหนดแล้วก็ตามแต่ในกรณีที่โจทก์ผู้ให้เช่าหรือจำเลยผู้เช่าบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนดเวลาเช่า2ปีตามสิทธิที่ระบุไว้ในสัญญาเช่าข้อ12โจทก์ผู้ให้เช่าก็ย่อมต้องคืนเงินประกันความเสียหายนั้นให้แก่จำเลยผู้เช่าหลังจากหักเงินประกันดังกล่าวชำระหนี้ค่าน้ำประปาไฟฟ้าโทรศัพท์และความเสียหายของตึกแถวที่แล้วด้วยเพราะเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินของจำเลยที่วางไว้แก่โจทก์เพียงพอเพื่อประกันความเสียหายอันเนื่องมาจากการเช่าดังกล่าวเท่านั้นดังนั้นเมื่อโจทก์และจำเลยไม่มีความผูกพันตามสัญญาเช่าตึกแถวต่อกันแล้วโจทก์ผู้ให้เช่าต้องคืนเงินประกันความเสียหายดังกล่าวให้แก่จำเลยผู้เช่าและเมื่อปรากฏว่าจำเลยต้องรับผิดชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์จำเลยจึงมีสิทธิที่จะขอให้หักกลบลบหนี้ดังกล่าวกับเงินประกันความเสียหายนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3373/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับผิดชอบหน้าที่โดยไม่มีมูลหนี้เดิม ไม่ถือเป็นหนังสือรับสภาพหนี้
จำเลยที่ 2 มิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ แม้จำเลยที่ 2 จะทำหนังสือยอมรับผิดชอบตามหน้าที่ไว้ ก็หาทำให้เอกสารดังกล่าวเป็นหนังสือรับสภาพหนี้เพราะไม่มีมูลหนี้เดิมอันเกิดจากการละเมิดที่จะให้รับสภาพหนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3373/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้ต้องมีมูลหนี้จากการละเมิด หากไม่มีมูลหนี้เดิม การทำหนังสือรับสภาพหนี้ก็ไม่ผูกพัน
จำเลยที่2มิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์แม้จำเลยที่2จะทำหนังสือยอมรับผิดชอบตามหน้าที่ไว้ก็หาทำให้เอกสารดังกล่าวเป็นหนังสือรับสภาพหนี้เพราะไม่มีมูลหนี้เดิมอันเกิดจากการละเมิดที่จะให้รับสภาพหนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3198/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้ดูแลบ่อปลา และการบังคับคดีขุดลอกคลอง: ข้อจำกัดในการฎีกาและอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานบังคับคดี
ปัญหาว่าโจทก์ที่2เป็นเพียงผู้ดูแลบ่อปลาแทนโจทก์ที่1จึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องนั้นไม่ใช่ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องอันเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนเมื่อจำเลยทั้งสองมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำฟ้องการจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่ง คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ว่าหากจำเลยทั้งสองไม่ขุดลอกคลองให้อยู่ในสภาพเดิมให้โจทก์เป็นผู้กระทำโดยจำเลยทั้งสองเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายนั้นเป็นการไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296ทวิเพราะเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการตามบทกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3198/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องและการแก้ไขคำพิพากษา: ข้อจำกัดการฎีกาเมื่อไม่ยกข้อต่อสู้ในชั้นต้น
ปัญหาว่าโจทก์ที่ 2 เป็นเพียงผู้ดูแลบ่อปลาแทนโจทก์ที่ 1 จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ไม่ใช่ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องอันเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อจำเลยทั้งสองมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ว่า หากจำเลยทั้งสองไม่ขุดลอกคลองให้อยู่ในสภาพเดิม ให้โจทก์เป็นผู้กระทำโดยจำเลยทั้งสองเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายนั้นเป็นการไม่ชอบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 ทวิ เพราะเป็นอำนาจของเจ้าพนักงาน-บังคับคดีที่จะดำเนินการตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3113/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาดต้องยื่นคำร้องคัดค้านในคดีเดิมตามกฎหมาย การฟ้องคดีใหม่จึงไม่รับฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีและรายการจดทะเบียนจำนองระหว่างจำเลยที่1กับจำเลยที่2และมีคำขอข้อต่อมาว่าหากไม่อาจเพิกถอนได้ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน5,000,000บาทแต่การเพิกถอนการขายทอดตลาดได้บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296วรรคสองแล้วโจทก์จึงต้องดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าวศาลไม่อาจพิพากษาตามฟ้องโจทก์ได้และชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เสียได้ในชั้นตรวจคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา131(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3113/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาดและการฟ้องเรียกค่าเสียหาย ต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ของเจ้าพนักงาน-บังคับคดีที่จำเลยที่ 1 ซื้อจากการขายทอดตลาดและรายการจดทะเบียนจำนองระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 หากไม่อาจเพิกถอนได้ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ แต่การเพิกถอนการขายทอดตลาดได้บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะใน ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสอง แล้ว โจทก์จึงต้องดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าว ศาลไม่อาจพิพากษาตามฟ้องโจทก์ได้ และชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เสียได้ในชั้นตรวจคำฟ้อง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 131 (2) แม้โจทก์จะขอให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายด้วยก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3107/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงแบบก่อสร้างและการบอกเลิกสัญญา: การผิดสัญญาที่ไม่สำคัญ
การที่จำเลยนำสืบว่าโจทก์ตกลงยินยอมให้จำเลยก่อสร้างผิดจากแบบแปลนที่ตกลงกันเดิมนั้น มิใช่เป็นกรณีที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงอันจะต้องห้ามมิให้นำพยานบุคคลมาสืบเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสารนั้น
การที่จำเลยก่อสร้างบ้านของโจทก์มีส่วนสูงน้อยกว่าที่กำหนดไว้ในแบบแปลนและที่ได้ตกลงแก้ไขกันประมาณ .16 ถึง .18 เมตร หาทำให้บ้านนั้นเป็นอันไร้ประโยชน์แก่โจทก์ไม่ การผิดสัญญาของจำเลยจึงมิใช่การผิดสัญญาในข้อสำคัญถึงขนาดที่จะทำให้โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาแก่จำเลยได้ หากการผิดสัญญาดังกล่าวของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างใด โจทก์ก็มีเพียงสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้นให้แก่โจทก์ได้เท่านั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหายจากจำเลยตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3107/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การก่อสร้างผิดแบบ และสิทธิของเจ้าของบ้าน การผิดสัญญาไม่ร้ายแรงถึงขนาดบอกเลิกสัญญา
การที่จำเลยนำสืบว่าโจทก์ตกลงยินยอมให้ก่อสร้างผิดจากแบบแปลนที่ตกลงกันเดิมมิใช่กรณีที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงอันจะต้องห้ามมิให้นำพยานบุคคลมาสืบเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร จำเลยก่อสร้างบ้านของโจทก์มีส่วนสูงน้อยกว่าที่กำหนดไว้ประมาณ.16ถึง.18เมตรแต่เมื่อไม่กระทบถึงความคงทนของตัวบ้านก็หาทำให้บ้านเป็นอันไร้ประโยชน์แก่โจทก์ไม่จึงมิใช่การผิดสัญญาในข้อสำคัญถึงขนาดโจทก์จะบอกเลิกสัญญาได้หากโจทก์ได้รับความเสียหายอย่างใดก็มีเพียง สิทธิเรียกร้องให้จำเลย ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2958/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยฟ้องแย้งที่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิจารณา แม้ศาลชั้นต้นไม่ได้วินิจฉัยไว้
ศาลชั้นต้นสั่งว่าคำขอฟ้องแย้งไม่สามารถบังคับได้จึงไม่รับฟ้องแย้งดังนี้หากศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องแย้งมิใช่ฟ้องแย้งที่ไม่อาจบังคับได้ก็ชอบที่จะวินิจฉัยว่าฟ้องแย้งเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมเพื่อรับฟ้องแย้งได้ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยซึ่งอาศัยอยู่ในที่พิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยและมีคำขอบังคับตามฟ้องแย้งให้โจทก์ไปจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของที่พิพาทให้จำเลยเป็นผู้ได้สิทธิครอบครองเป็นคำฟ้องที่มีคำขอบังคับโจทก์โดยครบถ้วนแล้วส่วนการที่จะบังคับตามฟ้องแย้งได้หรือไม่จึงชอบที่จะรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณาเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาต่อไปในชั้นชี้ขาดตัดสินคดี
of 71