พบผลลัพธ์ทั้งหมด 706 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2610/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วมที่ดิน-ตึกแถวจากหุ้นส่วนไม่สมรส การโอน/ขายโดยไม่ยินยอมทำให้ผู้ซื้อไม่ได้รับกรรมสิทธิ์
ที่ดินและตึกแถวพิพาทจำเลยได้มาขณะจำเลยเป็นสามี ส.แม้จะมิได้จดทะเบียนสมรสกัน ที่ดินและตึกแถวพิพาทก็เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยและส. คนละครึ่งในฐานะเป็นหุ้นส่วนกัน เมื่อ ส.ถึงแก่ความตายที่ดินและตึกแถวพิพาทส่วนของ ส. จึงเป็นมรดกตกทอดแก่ ร. ซึ่งเป็นทายาท การที่ ร.จดทะเบียนโอนที่ดินและตึกแถวพิพาทเป็นของตนแต่ผู้เดียวจึงไม่ชอบและไม่มีอำนาจนำที่ดินและตึกแถวพิพาทส่วนของจำเลยไปขายให้แก่โจทก์โดยจำเลยไม่ยินยอม โจทก์ผู้ซื้อจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในส่วนของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2578/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ศาลวินิจฉัยสิทธิครอบครองที่ดินแล้ว คดีใหม่จึงเป็นฟ้องซ้ำ
แม้คดีก่อนเป็นคดีที่จำเลยฟ้องขอให้โจทก์ถอนคำคัดค้านการรังวัดที่ดินพิพาทแต่การวินิจฉัยคดีก่อนนั้นศาลต้องวินิจฉัยด้วยว่าโจทก์หรือจำเลยมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทเมื่อศาลได้วินิจฉัยโดยปริยายแล้วว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองการที่โจทก์มาฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทโดยอ้างว่าเป็นของโจทก์และจำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยจึงมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีก่อนเมื่อเป็นคู่ความรายเดียวกันและคดีก่อนถึงที่สุดแล้วฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2578/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ประเด็นสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทที่เคยมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
แม้คดีก่อนเป็นคดีที่จำเลยฟ้องขอให้โจทก์ถอนคำคัดค้านการรังวัดที่ดินพิพาทแต่การวินิจฉัยคดีนั้นศาลต้องวินิจฉัยด้วยว่าโจทก์หรือจำเลยมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทเมื่อศาลได้วินิจฉัยโดยปริยายว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองการที่โจทก์มาฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทโดยอ้างว่าเป็นของโจทก์และจำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยจึงมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีก่อนเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2578/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ประเด็นสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทที่เคยวินิจฉัยแล้วในคดีก่อน
แม้คดีก่อนเป็นคดีที่จำเลยฟ้องขอให้โจทก์ถอนคำคัดค้านการรังวัดที่ดินพิพาท แต่การวินิจฉัยคดีก่อนนั้นศาลต้องวินิจฉัยด้วยว่า โจทก์หรือจำเลยมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท เมื่อศาลได้วินิจฉัยโดยปริยายแล้วว่า จำเลยมีสิทธิครอบครอง การที่โจทก์มาฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทโดยอ้างว่าเป็นของโจทก์ และจำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยจึงมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีก่อน เมื่อเป็นคู่ความรายเดียวกันและคดีก่อนถึงที่สุดแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2518/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความประสงค์ของผู้อื่นเพื่อไถ่รถยนต์ที่ถูกลักไป ไม่ถือเป็นความผิดฐานรับของโจร
พี่ชายจำเลยที่1ลักรถยนต์ไปจากการครอบครองของผู้เสียหายที่2ผู้เสียหายที่2ได้บอกให้จำเลยที่1ช่วยติดตามรถยนต์คืนจำเลยทั้งสองได้พบพ. และพ.ต้องการเงิน30,000บาทเป็นค่าไถ่รถยนต์คืนจำเลยทั้งสองจึงได้บอกให้ผู้เสียหายที่2ทราบและให้โอนเงินไปให้จำเลยที่1ที่ธนาคารจำเลยทั้งสองไปรับเงินที่ธนาคารและถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองมีส่วนจะได้รับประโยชน์จากเงินค่าไถ่รถยนต์เพียงแต่จำเลยทั้งสองแจ้งความประสงค์ของพ. ให้ผู้เสียหายที่2ทราบการจะตัดสินใจอย่างไรเป็นเรื่องของผู้เสียหายที่2จำเลยทั้งสองได้จัดการสืบหารถยนต์ตามความประสงค์ของผู้เสียหายที่2และเมื่อผู้ที่ลักรถยนต์ไปต้องการค่าไถ่จำเลยทั้งสองได้แจ้งให้ผู้เสียหายที่2ทราบและได้มีการโอนเงินเพื่อเสียค่าใช้จ่ายผ่านจำเลยที่1โดยจำเลยทั้งสองมิได้รับประโยชน์ด้วยจำเลยทั้งสองย่อมไม่มีความผิดฐานรับของโจร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2518/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความประสงค์เรียกค่าไถ่รถยนต์ที่ถูกลักยืม ไม่เข้าข่ายความผิดฐานรับของโจร
พี่ชายจำเลยที่1ลักรถยนต์ไปจากการครอบครองของผู้เสียหายที่2ผู้เสียหายที่2ได้บอกให้จำเลยที่1ช่วยติดตามรถยนต์คืนจำเลยทั้งสองได้พบพ. และพ.ต้องการเงิน30,000บาทเป็นค่าไถ่รถยนต์คืนจำเลยทั้งสองจึงได้บอกให้ผู้เสียหายที่2ทราบและให้โอนเงินไปให้จำเลยที่1ที่ธนาคารจำเลยทั้งสองไปรับเงินที่ธนาคารและถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองมีส่วนจะได้รับประโยชน์จากเงินค่าไถ่รถยนต์เพียงแต่จำเลยทั้งสองแจ้งความประสงค์ของพ. ให้ผู้เสียหายที่2ทราบการจะตัดสินใจอย่างไรเป็นเรื่องของผู้เสียหายที่2จำเลยทั้งสองได้จัดการสืบหารถยนต์ตามความประสงค์ของผู้เสียหายที่2และเมื่อผู้ที่ลักรถยนต์ไปต้องการค่าไถ่จำเลยทั้งสองได้แจ้งให้ผู้เสียหายที่2ทราบและได้มีการโอนเงินเพื่อเสียค่าใช้จ่ายผ่านจำเลยที่1โดยจำเลยทั้งสองมิได้รับประโยชน์ด้วยจำเลยทั้งสองย่อมไม่มีความผิดฐานรับของโจร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2518/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยแจ้งความประสงค์เรียกค่าไถ่รถยนต์ที่ถูกลักยืม ไม่ได้มีส่วนได้ประโยชน์ จึงไม่มีความผิดฐานรับของโจร
พี่ชายจำเลยที่ 1 ลักรถยนต์ไปจากการครอบครองของผู้เสียหายที่ 2 ผู้เสียหายที่ 2 ได้บอกให้จำเลยที่ 1ช่วยติดตามรถยนต์คืนจำเลยทั้งสองได้พบ พ.และพ.ต้องการเงิน 30,000 บาท เป็นค่าไถ่รถยนต์คืนจำเลยทั้งสองจึงได้บอกให้ผู้เสียหายที่ 2 ทราบและให้โอนเงินไปให้จำเลยที่ 1ที่ธนาคาร จำเลยทั้งสองไปรับเงินที่ธนาคารและถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับ ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองมีส่วนจะได้รับประโยชน์จากเงินค่าไถ่รถยนต์ เพียงแต่จำเลยทั้งสองแจ้งความประสงค์ของ พ. ให้ผู้เสียหายที่ 2 ทราบ การจะตัดสินใจอย่างไรเป็นเรื่องของผู้เสียหายที่ 2 จำเลยทั้งสองได้จัดการสืบหารถยนต์ตามความประสงค์ของผู้เสียหายที่ 2และเมื่อผู้ที่ลักรถยนต์ไปต้องการค่าไถ่ จำเลยทั้งสองได้แจ้งให้ผู้เสียหายที่ 2 ทราบ และได้มีการโอนเงินเพื่อเสียค่าใช้จ่ายผ่านจำเลยที่ 1 โดยจำเลยทั้งสองมิได้รับประโยชน์ด้วย จำเลยทั้งสองย่อมไม่มีความผิดฐานรับของโจร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2299/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องละเมิดทางแพ่ง: การรู้ถึงการละเมิดและตัวผู้ต้องชดใช้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบแบบแผนที่ราชการกำหนดโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยต้องรับผิดคืนเงินให้โจทก์ฟ้องของโจทก์ไม่ใช่การฟ้องคดีเพื่อติดตามเอาทรัพย์สินของโจทก์คืนจากจำเลยผู้ไม่มีสิทธิยึดถือเงินของโจทก์ไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1336ซึ่งไม่มีกำหนดเวลาให้เจ้าของทรัพย์ใช้สิทธิเช่นนั้นเว้นแต่จะถูกจำกัดด้วยอายุความได้สิทธิแต่เป็นการฟ้องคดีให้จำเลยรับผิดในการละเมิดของจำเลยต่อโจทก์ตามมาตรา420ซึ่งอยู่ในบังคับอายุความ1ปีตามมาตรา448วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2299/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องละเมิด: การฟ้องเรียกคืนเงินที่ถูกละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบ
โจทก์มิได้ บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ยึดถือทรัพย์สินของโจทก์ไว้โดยไม่มีสิทธิอันจะเป็นเหตุให้โจทก์สามารถใช้ สิทธิติดตามและเอาคืนทรัพย์สินของโจทก์จากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา438วรรคสอง,1336แต่กลับบรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบแบบแผนที่ราชการกำหนดโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายจำนวน310,670.20บาทและจำเลยต้องรับผิดคืนเงินจำนวนดังกล่าวให้โจทก์จึงไม่ใช่การฟ้องคดีเพื่อติดตามเอาทรัพย์สินของโจทก์คืนซึ่งไม่มีกำหนดเวลาเว้นแต่จะถูกจำกัดด้วยอายุความได้สิทธิแต่เป็นการฟ้องให้จำเลยรับผิดในการ ละเมิดตามมาตรา420ซึ่งอยู่ในบังคับ อายุความ1ปีตามมาตรา448วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2196/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เครื่องหมายการค้าที่คล้ายคลึงกันจนทำให้สาธารณชนสับสน และสิทธิในเครื่องหมายการค้า
เครื่องหมายการค้าของโจทก์และจำเลยในส่วนรูปวัวกระทิงมีลักษณะการประดิษฐ์เหมือนกัน กล่าวคือ เป็นภาพลายเส้นรูปวัวกระทิงหันตัวทางด้านข้าง ด้านหลังอยู่ลึกเข้าไป หันหน้ามาทางหน้า ยืนตัวตรง ยกขาซ้ายหน้าหางยาวผิดปกติโดยยกขึ้นเป็นอักษรรูปตัว "S" คงต่างกันเฉพาะเครื่องหมาย-การค้าของจำเลยเป็นรูปวัวกระทิงประดิษฐ์อยู่ในภายในรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าและมีอักษรไทยว่า "ตราวัวกระทิง" อยู่ใต้รูปวัวกระทิงเท่านั้น ส่วนเครื่องหมาย-การค้าของโจทก์ไม่มีรูปสามเหลี่ยมและอักษรไทยดังกล่าว หากพิจารณาเฉพาะแต่ส่วนประกอบก็จะเห็นว่าเครื่องหมายการค้าของโจทก์และของจำเลยแตกต่างกันแต่เมื่อพิจารณารวมทั้งหมดจะเห็นว่าเครื่องหมายการค้าของโจทก์และของจำเลยคล้ายคลึงกันมากเพราะเป็นรูปวัวกระทิงประดิษฐ์มีส่วนต่าง ๆ ดังกล่าวเหมือนกันซึ่งสาระสำคัญของเครื่องหมายการค้าทั้งสองฝ่ายเป็นรูปวัวกระทิงอย่างเดียวกันดังนี้ ถือว่าเครื่องหมายการค้าทั้งสองมีลักษณะเหมือนหรือคล้ายกัน อาจทำให้สาธารณชนเกิดความสับสนหลงผิดในเครื่องหมายการค้าได้
จำเลยจงใจใช้เครื่องหมายการค้ารูปวัวกระทิงภายในรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าให้เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ด้วยจำเลยเห็นว่าสินค้าของโจทก์ที่มีเครื่องหมายการค้ารูปวัวกระทิงประดิษฐ์เป็นที่นิยมแพร่หลาย เพื่อให้สาธารณชนสับสนหลงผิดว่าสินค้าของจำเลยเป็นสินค้าของโจทก์ เมื่อโจทก์ใช้เครื่องหมายการค้ารูปวัวกระทิงประดิษฐ์มาก่อนจำเลยโจทก์จึงมีสิทธิในเครื่องหมายการค้ารูปวัวกระทิงประดิษฐ์ดีกว่าจำเลย
จำเลยจงใจใช้เครื่องหมายการค้ารูปวัวกระทิงภายในรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าให้เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ด้วยจำเลยเห็นว่าสินค้าของโจทก์ที่มีเครื่องหมายการค้ารูปวัวกระทิงประดิษฐ์เป็นที่นิยมแพร่หลาย เพื่อให้สาธารณชนสับสนหลงผิดว่าสินค้าของจำเลยเป็นสินค้าของโจทก์ เมื่อโจทก์ใช้เครื่องหมายการค้ารูปวัวกระทิงประดิษฐ์มาก่อนจำเลยโจทก์จึงมีสิทธิในเครื่องหมายการค้ารูปวัวกระทิงประดิษฐ์ดีกว่าจำเลย