พบผลลัพธ์ทั้งหมด 706 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4080/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินคดีอาญาแผ่นดิน เจ้าพนักงานตำรวจมีอำนาจสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิด แม้หนังสือมอบอำนาจจะระบุชื่อผิด
ข้อหาหรือฐานความผิดลักทรัพย์หรือรับของโจรในคดีนี้มีประเด็นว่าจำเลยกระทำความผิดฐานใดหรือไม่ แม้จะปรากฏในหนังสือมอบอำนาจว่าผู้เสียหายมอบอำนาจให้ป. แจ้งความดำเนินคดีแก่บุคคลที่ชื่อว่า ส. แต่เนื่องจากการกระทำความผิดตามข้อกล่าวหาเป็นอาญาแผ่นดิน เมื่อมีการกระทำผิดเกิดขึ้น ผู้เสียหายหรือผู้อื่นซึ่งมิใช่ผู้เสียหายอาจจะกล่าวโทษต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่ามีบุคคลรู้ตัวหรือไม่ก็ดีได้กระทำความผิดอย่างหนึ่งขึ้น ดังนั้น ไม่ว่าหนังสือมอบอำนาจจะระบุชื่อผู้กระทำความผิดหรือไม่ เจ้าพนักงานตำรวจก็ดำเนินการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดได้อยู่แล้ว การที่เจ้าพนักงานตำรวจดำเนินคดีแก่จำเลยจึงชอบด้วยกฎหมาย ลำพังแต่หนังสือมอบอำนาจของผู้เสียหายระบุชื่อผู้กระทำความผิดไม่ถูกต้องไม่ทำให้การดำเนินคดีไม่ชอบแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4078/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความในการมอบฉันทะและขอบเขตการดำเนินการแทนจำเลยในเรื่องค่าธรรมเนียมศาล
ทนายความอาจมอบอำนาจให้บุคคลอื่นทำการแทนได้ในกิจการที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 64 เท่านั้น ส่วนกิจการอื่นต้องพิเคราะห์เป็นเรื่อง ๆ ไปว่า เป็นกิจการสำคัญเกี่ยวกับคดีซึ่งโดยสภาพเป็นที่เห็นได้ว่า ทนายความจะต้องกระทำด้วยตนเองหรือไม่
ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายทำการแทนในกิจการต่อไปนี้ คือยื่นอุทธรณ์คำร้องขอทุเลาการบังคับคดี รับทราบคำสั่งศาลเรื่องอื่น ๆ ถ้ามี ตามใบมอบฉันทะไม่ทำให้เสมียนทนายจำเลยมีอำนาจทำคำร้องยื่นต่อศาลชั้นต้นเพื่อขอขยายระยะเวลานำเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 โดยลงชื่อในคำร้องเองได้
จำเลยไม่นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ แม้ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์จำเลยได้ชำระค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นครบถ้วนแล้ว แต่เป็นกรณีที่จำเลยนำค่าฤชาธรรมเนียมและประกันหนี้ที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลในการอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 มิใช่เป็นการวางเงินค่าธรรมเนียมตามมาตรา 229 จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบ
ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายทำการแทนในกิจการต่อไปนี้ คือยื่นอุทธรณ์คำร้องขอทุเลาการบังคับคดี รับทราบคำสั่งศาลเรื่องอื่น ๆ ถ้ามี ตามใบมอบฉันทะไม่ทำให้เสมียนทนายจำเลยมีอำนาจทำคำร้องยื่นต่อศาลชั้นต้นเพื่อขอขยายระยะเวลานำเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 โดยลงชื่อในคำร้องเองได้
จำเลยไม่นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ แม้ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์จำเลยได้ชำระค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นครบถ้วนแล้ว แต่เป็นกรณีที่จำเลยนำค่าฤชาธรรมเนียมและประกันหนี้ที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลในการอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 มิใช่เป็นการวางเงินค่าธรรมเนียมตามมาตรา 229 จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3999/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนทุนหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่จดทะเบียน ต้องมีการเลิกห้างก่อน จึงจะฟ้องขอคืนทุนได้
โจทก์ จำเลย และ ศ.ทำสัญญาตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนโดยไม่มีกำหนดเวลา เพื่อดำเนินกิจการเกี่ยวกับกิจการสนุกเกอร์และตกลงกันให้โจทก์เป็นผู้จัดการงานของห้างหุ้นส่วนดังกล่าว เมื่อโจทก์ จำเลย และ ศ. ยังไม่ได้ตกลงเลิกห้างหุ้นส่วนกันแล้ว โจทก์จะฟ้องขอคืนทุนที่โจทก์จะหุ้นโดยยังไม่มีการเลิกห้างหุ้นส่วนกันหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3999/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนทุนหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่จดทะเบียน ต้องมีการเลิกห้างก่อน จึงจะฟ้องขอคืนทุนได้
โจทก์จำเลยและศ.ทำสัญญาตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนโดยไม่มีกำหนดเวลาเพื่อดำเนินกิจการเกี่ยวกับกิจการสนุกเกอร์และตกลงกันให้โจทก์เป็นผู้จัดการงานของห้างหุ้นส่วนดังกล่าวเมื่อโจทก์จำเลยและศ. ยังไม่ได้ตกลงเลิกห้างหุ้นส่วนกันแล้วโจทก์จะฟ้องขอคืนทุนที่โจทก์จะหุ้นโดยยังไม่มีการเลิกห้างหุ้นส่วนกันหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3999/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขอคืนทุนหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่จดทะเบียน จำเป็นต้องมีการเลิกห้างฯ ก่อน
โจทก์ จำเลย และ ศ.ทำสัญญาตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนโดยไม่มีกำหนดเวลา เพื่อดำเนินกิจการเกี่ยวกับกิจการสนุกเกอร์และตกลงกันให้โจทก์เป็นผู้จัดการงานของห้างหุ้นส่วนดังกล่าว เมื่อโจทก์ จำเลย และ ศ. ยังไม่ได้ตกลงเลิกห้างหุ้นส่วนกันแล้ว โจทก์จะฟ้องขอคืนทุนที่โจทก์จะหุ้นโดยยังไม่มีการเลิกห้างหุ้นส่วนกันหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3999/2540 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ห้างหุ้นส่วนสามัญ: สิทธิในการขอคืนทุนก่อนเลิกห้าง
โจทก์ จำเลย และ ศ.ทำสัญญาตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนโดยไม่มีกำหนดเวลา เพื่อดำเนินกิจการเกี่ยวกับกิจการสนุกเกอร์และตกลงกันให้โจทก์เป็นผู้จัดการงานของห้างหุ้นส่วนดังกล่าว เมื่อโจทก์ จำเลย และ ศ.ยังไม่ได้ตกลงเลิกห้างหุ้นส่วนกันแล้ว โจทก์จะฟ้องขอคืนทุนที่โจทก์ลงหุ้นโดยยังไม่มีการเลิกห้างหุ้นส่วนกันหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3667/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีจำนอง: การชำระหนี้แทนลูกหนี้โดยโจทก์ ทำให้ที่ดินหลุดพ้นจากภาระจำนอง
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์โดยปราศจากภาระผูกพันโดยให้โจทก์ชำระค่าที่ดินส่วนที่เหลืออีก 3,500,000 บาทแก่จำเลยและให้หักค่าธรรมเนียมค่าภาษีในการโอนกับค่าเสียหายจำนวน 500,000บาท ที่จำเลยต้องชำระให้แก่โจทก์จากเงินจำนวน 3,500,000 บาท นั้น หากจำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์โดยปราศจากภาระผูกพันไม่ได้ จำเลยต้องคืนเงินมัดจำ 500,000 บาท และชำระค่าเสียหาย 1,000,000 บาท รวมเป็นเงินจำนวน1,500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ การบังคับคดีในคดีนี้จึงต้องเป็นไปตามลำดับที่ศาลชั้นต้นได้พิพากษาไว้ แต่ปรากฏว่าจำเลยได้จดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทไว้แก่ธนาคารเพื่อเป็นประกันหนี้ที่จำเลยมีต่อธนาคาร ซึ่งธนาคารได้ฟ้องจำเลยและนำยึดที่ดินพิพาทไว้ในคดีแพ่งอื่น โจทก์ซึ่งต้องเสี่ยงภัยเสียสิทธิตามคำพิพากษาในคดีนี้ จึงมีสิทธิเข้าใช้หนี้ของจำเลยแทนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 230 วรรคหนึ่งเมื่อโจทก์ได้ชำระหนี้แทนจำเลยไปครบถ้วนแล้ว หนี้ที่จำเลยจำนองที่ดินพิพาทเป็นประกันจึงระงับสิ้นไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 744(1) ที่ดินพิพาทจึงไม่ติดจำนองและปราศจากภาระผูกพันแล้ว แม้ก่อนหน้านั้นศาลชั้นต้นจะเคยมีคำสั่งให้โอนที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์โดยติดจำนองก็ตาม แต่คำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้นก็มีผลเป็นคำสั่งให้โอนที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์โดยปลอดจำนองหรือปราศจากภาระผูกพัน อันเป็นการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลในลำดับแรกนั้นเองหาใช่เป็นการบังคับคดีในลำดับหลังอันเป็นการไม่ปฏิบัติตามลำดับในการบังคับคดีแต่อย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3477/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนมรดกที่ดินที่เป็นทรัสต์ก่อนใช้ พ.ร.บ.แพ่งและพาณิชย์ 2478: กฎหมายที่ใช้บังคับ
ตามคำร้องขอของผู้ร้องอ้างว่า ที่ดินโฉนดตามคำร้องขอเป็นทรัพย์ของ ล. ล.ตาย พ.ศ.2480 หรือ 2481 ที่ดินดังกล่าวจึงเป็นมรดกตกทอดแก่ผู้ร้องในฐานะทายาทโดยธรรมของผู้ตาย ผู้ร้องไปขอรับมรดก แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจัดการให้ได้ต้องมีผู้จัดการมรดกเสียก่อนนั้น แต่ตามสำเนาโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวมีข้อความว่า โฉนดที่ดินฉบับนี้...ให้ไว้เป็นสำคัญแก่ ล.ในหน้าที่ทรัสตีป่าช้าจีนบ้าบ๋าเจ้าพนักงานออกโฉนดดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2462 แสดงให้เห็นว่า ล.มีชื่อในโฉนดที่ดินดังกล่าวในฐานะเป็นทรัสตีของที่ดินแปลงนี้ซึ่งใช้เป็นป่าช้าจีนบ้าบ๋าไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของ ล.อันจะเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาท และทรัสต์ที่ตั้งขึ้นก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2478 ซึ่งเป็นวันใช้ ป.พ.พ.บรรพ 6 มาตรา 1686 ย่อมมีผลสมบูรณ์ใช้ได้เพราะกฎหมายดังกล่าวไม่มีผลย้อนหลัง การมีชื่อ ล.เป็นทรัสตีในโฉนดที่ดินดังกล่าวซึ่งได้ทำก่อนวันใช้ ป.พ.พ.บรรพ 6 กรณีจึงต้องใช้กฎหมายก่อน ป.พ.พ.บรรพ 6 บังคับ คือ พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน ฉบับที่ 2 พ.ศ.2459 มาตรา 8 ที่กำหนดว่า ถ้าผู้ใดเป็นทรัสตีในเรื่องที่ดินมีโฉนดแผนที่แล้วให้มีอำนาจมาจดทะเบียนชื่อให้มีข้อความบ่งชัดในหลังโฉนดว่าเป็นทรัสตีด้วย ดังนี้ ข้อความที่บันทึกไว้ในโฉนดที่ดินที่ว่าโฉนดที่ดินฉบับนี้...ให้ไว้เป็นสำคัญแก่ ล.ในหน้าที่ทรัสตีป่าช้าจีนบ้าบ๋าจึงเป็นหลักฐานเพียงพอที่ฟังได้ว่ามีการตั้งทรัสตีขึ้นจริง เพราะตามกฎหมายเรื่องทรัสต์ขณะนั้นยังไม่ปรากฏว่าการตั้งทรัสตีจะต้องทำเป็นตราสารตามแบบพิธีอย่างใดเป็นพิเศษกรณีไม่จำต้องมีการจัดการมรดก ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องขอของผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3477/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัสต์ที่ดินก่อนประมวลกฎหมายแพ่ง: การจัดการมรดกและการพิสูจน์การตั้งทรัสต์
โฉนดที่ดินซึ่งออกให้ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2462 มีข้อความว่า โฉนดที่ดินฉบับนี้ให้ไว้เป็นสำคัญแก่ ล. ในหน้าที่ทรัสต์ป่าช้าจีน แสดงให้เห็นว่า ล. มีชื่อในโฉนดที่ดินดังกล่าวในฐานะเป็นทรัสต์ที่จะต้องมีการตั้งผู้จัดการมรดกที่ดินแปลงนี้ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของ ล. อันจะเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาท
ทรัสต์ที่ตั้งขึ้นก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2478 ซึ่งเป็นวันใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 6 มาตรา 1686 มีผลสมบูรณ์ใช้ได้เพราะกฎหมายดังกล่าวไม่มีผลย้อนหลัง
ล. มีชื่อเป็นทรัสต์ในโฉนดที่ดินก่อนวันใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 6 จึงต้องใช้กฎหมายก่อนนั้นบังคับ คือ พระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน ฉบับที่ 2พ.ศ. 2459 มาตรา 8 ซึ่งกำหนดว่า ถ้าผู้ใดเป็นทรัสต์ในเรื่องที่ดินมีโฉนดแผนที่แล้วให้มีอำนาจมาจดทะเบียนชื่อให้มีข้อความบ่งชัดในหลังโฉนดว่าเป็นทรัสต์ด้วย เมื่อโฉนดที่ดินว่าโฉนดที่ดินมีข้อความฉบับนี้ให้ไว้เป็นสำคัญแก่ ล. ในหน้าที่ทรัสต์ป่าช้าจีน จึงฟังได้ว่ามีการตั้งทรัสต์ขึ้นจริง เพราะตามกฎหมายเรื่องทรัสต์ขณะนั้นการตั้งทรัสต์ไม่ต้องทำเป็นตราสารตามแบบพิธีอย่างใดเป็นพิเศษ
ทรัสต์ที่ตั้งขึ้นก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2478 ซึ่งเป็นวันใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 6 มาตรา 1686 มีผลสมบูรณ์ใช้ได้เพราะกฎหมายดังกล่าวไม่มีผลย้อนหลัง
ล. มีชื่อเป็นทรัสต์ในโฉนดที่ดินก่อนวันใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 6 จึงต้องใช้กฎหมายก่อนนั้นบังคับ คือ พระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน ฉบับที่ 2พ.ศ. 2459 มาตรา 8 ซึ่งกำหนดว่า ถ้าผู้ใดเป็นทรัสต์ในเรื่องที่ดินมีโฉนดแผนที่แล้วให้มีอำนาจมาจดทะเบียนชื่อให้มีข้อความบ่งชัดในหลังโฉนดว่าเป็นทรัสต์ด้วย เมื่อโฉนดที่ดินว่าโฉนดที่ดินมีข้อความฉบับนี้ให้ไว้เป็นสำคัญแก่ ล. ในหน้าที่ทรัสต์ป่าช้าจีน จึงฟังได้ว่ามีการตั้งทรัสต์ขึ้นจริง เพราะตามกฎหมายเรื่องทรัสต์ขณะนั้นการตั้งทรัสต์ไม่ต้องทำเป็นตราสารตามแบบพิธีอย่างใดเป็นพิเศษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3029/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องฉ้อโกงที่ไม่ระบุชื่อกฎหมาย แต่เนื้อหาชัดเจนเพียงพอ ศาลไม่ถือว่าฟ้องไม่สมบูรณ์
หน้าคำฟ้องของโจทก์ลงข้อหาว่าฉ้อโกง และโจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้นๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพเท่ากับจำเลยยอมรับว่าได้กระทำการต่างๆ ดังที่โจทก์บรรยายมาในฟ้อง แม้ว่าส่วนคำขอท้ายฟ้องพิมพ์ไว้แต่เพียงว่าขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 59, 341โดยมิได้อ้างชื่อกฎหมายแห่งมาตรานั้นๆ ก็ตาม แต่เมื่อประมวลคำฟ้องโจทก์แล้วทราบได้ว่ากฎหมายที่ขอให้ลงโทษนั้นคือ ป.อ.ซึ่งใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ทั้งมาตราที่พิมพ์ไว้ในคำขอท้ายฟ้องตรงกับมาตราที่บัญญัติไว้ใน ป.อ.ในหมวด 3 ความผิดฐานฉ้อโกง คำฟ้องของโจทก์จึงขาดตกบกพร่องเพียงแต่มิได้ระบุชื่อของกฎหมายเท่านั้น แต่เมื่อมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นได้ว่ากฎหมายที่ขอให้ลงโทษเป็นกฎหมายอะไร จึงหาเพียงพอที่จะถือว่าเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 158 (6)ไม่ ฟ้องโจทก์สมบูรณ์แล้ว