พบผลลัพธ์ทั้งหมด 990 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5311/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อหุ้นที่เป็นโมฆะ การชำระหนี้ตามสัญญานั้นไม่อาจเรียกคืนได้
สัญญาระหว่างโจทก์กับบริษัทจำเลยที่ร่วมหุ้นกันซื้อหุ้นของบริษัทจำเลยมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 113(เดิม) การที่โจทก์ชำระเงินค่าหุ้นให้แก่จำเลยตามสัญญาดังกล่าวย่อมเป็นการชำระหนี้อันเป็นการฝ่ายืนข้อห้ามตามกฎหมายตามมาตรา 411 จึงไม่อาจเรียกเงินคืนจาก จำเลยฐานลาภมิควรได้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5311/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อหุ้นที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามตามกฎหมายเป็นโมฆะ ผู้ชำระเงินไม่สามารถเรียกร้องคืนได้
สัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ร่วมหุ้นกันซื้อหุ้นของบริษัทจำเลยมีวัตถุที่ประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย เป็นโมฆะ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 113 (เดิม) การที่โจทก์ชำระเงินค่าหุ้นให้แก่จำเลยตามสัญญาดังกล่าวย่อมเป็นการชำระหนี้อันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมาย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 411โจทก์จึงไม่อาจเรียกเงินคืนจากจำเลยฐานลาภมิควรได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5197/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดในคดีล้มละลาย: ศาลล้มละลายมีอำนาจพิจารณา
ปัญหาเรื่องอำนาจในการยื่นคำร้องเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้างศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ จำเลยร้องคัดค้านคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่มีคำสั่งไม่เข้าดำเนินคดีร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยตามคำขอของจำเลยทำให้จำเลยได้รับความเสียหายตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา146แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483ซึ่งศาลมีอำนาจสั่งยืนตามกลับหรือแก้ไขหรือสั่งประการใดตามที่เห็นสมควรได้คดีตามคำร้องของจำเลยเป็นสาขาคดีหนึ่งของกระบวนพิจารณาในคดีล้มละลายที่จำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดศาลในคดีส่วนล้มละลายจึงเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีตามคำร้องของจำเลยศาลในคดีส่วนแพ่งคดีนี้ไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีตามคำร้องของจำเลยได้การที่จำเลยยื่นคำร้องเข้ามาในคดีนี้จึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5197/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในคดีล้มละลาย: การร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์สินหลังศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์
จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลในคดีส่วนแพ่งคัดค้านคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่มีคำสั่งไม่เข้าดำเนินคดี ร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยในคดีส่วนแพ่งตามคำขอของจำเลยทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 146 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483อันเป็นสาขาคดีหนึ่งของกระบวนพิจารณาในคดีล้มละลายที่จำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ศาลในคดีส่วนล้มละลายจึงเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีตามคำร้องของจำเลย ศาลในคดีส่วนแพ่งไม่มีอำนาจรับคำร้องดังกล่าวไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5197/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในคดีล้มละลาย: ศาลล้มละลายมีอำนาจพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ
ปัญหาเรื่องอำนาจในการยื่นคำร้องเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
จำเลยร้องคัดค้านคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่มีคำสั่งไม่เข้าดำเนินคดีร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยตามคำขอของจำเลย ทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 146แห่ง พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ.2483 ซึ่งศาลมีอำนาจสั่งยืนตามกลับหรือแก้ไขหรือสั่งประการใดตามที่เห็นสมควรได้ คดีตามคำร้องของจำเลยเป็นสาขาคดีหนึ่งของกระบวนพิจารณาในคดีล้มละลาย ที่จำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ศาลในคดีส่วนล้มละลายจึงเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีตามคำร้องของจำเลยศาลในคดีส่วนแพ่งคดีนี้ไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีตามคำร้องของจำเลยได้การที่จำเลยยื่นคำร้องเข้ามาในคดีนี้ จึงเป็นการไม่ชอบ
จำเลยร้องคัดค้านคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่มีคำสั่งไม่เข้าดำเนินคดีร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยตามคำขอของจำเลย ทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 146แห่ง พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ.2483 ซึ่งศาลมีอำนาจสั่งยืนตามกลับหรือแก้ไขหรือสั่งประการใดตามที่เห็นสมควรได้ คดีตามคำร้องของจำเลยเป็นสาขาคดีหนึ่งของกระบวนพิจารณาในคดีล้มละลาย ที่จำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ศาลในคดีส่วนล้มละลายจึงเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีตามคำร้องของจำเลยศาลในคดีส่วนแพ่งคดีนี้ไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีตามคำร้องของจำเลยได้การที่จำเลยยื่นคำร้องเข้ามาในคดีนี้ จึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5150/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดรวมรายการและราคาเหมาะสม แม้มีผู้สู้ราคาน้อยราย ไม่ถือเป็นเหตุให้การขายไม่ชอบ
ฎีกาจำเลยที่ว่าจำเลยได้ขอเลื่อนการขายทอดตลาดต่อศาลและได้แจ้งให้ผู้คัดค้านทราบแต่ผู้คัดค้านไม่ได้รอฟังคำสั่งศาลก่อนเป็นการไม่ชอบนั้นเมื่อผลที่สุดปรากฏว่าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนการขายทอดตลาดตามที่จำเลยร้องขอการที่ผู้คัดค้านไม่ได้รอฟังคำสั่งศาลและขายทอดตลาดไปจึงหาทำให้เป็นการไม่ชอบไม่ การขายทอดตลาดไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติว่าต้องมีผู้เข้าสู้ราคาเกินกว่าหนึ่งรายหรือกี่รายจึงจะทำการขายทอดตลาดได้แม้ทรัพย์บางอันดับจะมีผู้เข้าสู้ราคา2คนและทรัพย์บางอันดับมีผู้สู้ราคาเพียงคนเดียวก็ไม่ทำให้การขายทอดตลาดไม่ชอบด้วยกฎหมาย ในการขายทอดตลาดผู้คัดค้านมีอำนาจขายตามวิธีที่สะดวกและเป็นผลดีที่สุดตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา123ซึ่งอาจจะแยกขายทีละสิ่งหรือรวมขายก็ได้สุดแต่ว่าวิธีใดจะเป็นวิธีที่สะดวกและเป็นผลดีที่สุดและเมื่อมีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติ ล้มละลายพ.ศ.2483โดยเฉพาะแล้วจึงไม่อาจปรับด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา309
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5150/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย: การเลื่อนการขาย, จำนวนผู้สู้ราคา, และอำนาจของผู้คัดค้าน
ฎีกาจำเลยที่ว่า จำเลยได้ขอเลื่อนการขายทอดตลาดต่อศาลและได้แจ้งให้ผู้คัดค้านทราบ แต่ผู้คัดค้านไม่ได้รอฟังคำสั่งศาลก่อนเป็นการไม่ชอบนั้น เมื่อผลที่สุดปรากฏว่าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนการขายทอดตลาดตามที่จำเลยร้องขอ การที่ผู้คัดค้านไม่ได้รอฟังคำสั่งศาลและขายทอดตลาดไป จึงหาทำให้เป็นการไม่ชอบไม่
การขายทอดตลาดไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติว่า ต้องมีผู้เข้าสู้ราคาเกินกว่าหนึ่งรายหรือกี่รายจึงจะทำการขายทอดตลาดได้ แม้ทรัพย์บางอันดับจะมีผู้เข้าสู้ราคา 2 คน และทรัพย์บางอันดับมีผู้สู้ราคาเพียงคนเดียว ก็ไม่ทำให้การขายทอดตลาดไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ในการขายทอดตลาด ผู้คัดค้านมีอำนาจขายตามวิธีที่สะดวกและเป็นผลดีที่สุดตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 123 ซึ่งอาจจะแยกขายทีละสิ่งหรือรวมขายก็ได้ สุดแต่ว่าวิธีใดจะเป็นวิธีที่สะดวกและเป็นผลดีที่สุด และเมื่อมีบัญญัติไว้ใน พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ.2483 โดยเฉพาะแล้ว จึงไม่อาจปรับด้วยป.วิ.พ. มาตรา 309
การขายทอดตลาดไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติว่า ต้องมีผู้เข้าสู้ราคาเกินกว่าหนึ่งรายหรือกี่รายจึงจะทำการขายทอดตลาดได้ แม้ทรัพย์บางอันดับจะมีผู้เข้าสู้ราคา 2 คน และทรัพย์บางอันดับมีผู้สู้ราคาเพียงคนเดียว ก็ไม่ทำให้การขายทอดตลาดไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ในการขายทอดตลาด ผู้คัดค้านมีอำนาจขายตามวิธีที่สะดวกและเป็นผลดีที่สุดตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 123 ซึ่งอาจจะแยกขายทีละสิ่งหรือรวมขายก็ได้ สุดแต่ว่าวิธีใดจะเป็นวิธีที่สะดวกและเป็นผลดีที่สุด และเมื่อมีบัญญัติไว้ใน พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ.2483 โดยเฉพาะแล้ว จึงไม่อาจปรับด้วยป.วิ.พ. มาตรา 309
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5101/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณา: ผู้ร้องไม่ทราบวันนัดไต่สวน ไม่ถือว่าขาดนัดตามกฎหมาย
คำร้องที่ผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องไม่ทราบวันนัดไต่สวนพยานผู้ร้องการที่ผู้ร้องไม่มาศาลในวันไต่สวนจะถือว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 201 ไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาและจำหน่ายคดีของผู้ร้องจากสารบบความเป็นการไม่ชอบ เท่ากับเป็นการกล่าวอ้างว่าศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่เกี่ยวกับการพิจารณาโดยขาดนัดในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม อันเป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 ประกอบด้วย พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 153 ผู้ร้องซึ่งได้รับความเสียหายต้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นก่อนมีคำพิพากษา แต่ต้องไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันที่ผู้ร้องทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้น
กรณีที่จะถือว่าคู่ความฝ่ายใดขาดนัดพิจารณาได้ ต้องปรากฏว่าคู่ความฝ่ายนั้นทราบวันนัดสืบพยานโดยชอบแล้วไม่มาศาล เมื่อตามคำร้องของผู้ร้องยังโต้เถียงข้อเท็จจริงอยู่ว่าผู้ร้องไม่ทราบกำหนดวันนัดไต่สวนสืบพยานผู้ร้องลายมือชื่อทราบวันนัดไม่ใช่ลายมือชื่อของผู้ร้องหรือทนายผู้ร้อง เช่นนี้คำร้องของผู้ร้องจึงมิใช่การขอให้พิจารณาใหม่
กรณีที่จะถือว่าคู่ความฝ่ายใดขาดนัดพิจารณาได้ ต้องปรากฏว่าคู่ความฝ่ายนั้นทราบวันนัดสืบพยานโดยชอบแล้วไม่มาศาล เมื่อตามคำร้องของผู้ร้องยังโต้เถียงข้อเท็จจริงอยู่ว่าผู้ร้องไม่ทราบกำหนดวันนัดไต่สวนสืบพยานผู้ร้องลายมือชื่อทราบวันนัดไม่ใช่ลายมือชื่อของผู้ร้องหรือทนายผู้ร้อง เช่นนี้คำร้องของผู้ร้องจึงมิใช่การขอให้พิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5101/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนคำสั่งขาดนัดพิจารณาต้องยื่นภายใน 8 วันนับแต่ทราบเหตุ หากเกินกำหนดสิทธิขาด
ในวันนัดพิจารณาคำร้องขอปฏิเสธหนี้ผู้ร้องไม่ไปศาลศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาผู้ร้องยื่นคำร้องว่าไม่ทราบกำหนดนัดมาก่อนขอให้เพิกถอนคำสั่งเป็นการกล่าวอ้างว่าศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่เกี่ยวกับการพิจารณาโดยขาดนัดในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมอันเป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบตามมาตรา27ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา153ผู้ร้องต้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นก่อนมีคำพิพากษาแต่ต้องไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันที่ผู้ร้องทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้นผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่เมื่อวันที่5กรกฎาคม2536ฉบับหนึ่งมาแล้วแสดงว่าผู้ร้องทราบกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบดังกล่าวแล้วอย่างช้าวันที่5กรกฎาคม2536แต่ผู้ร้องเพิ่งยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบเมื่อวันที่11สิงหาคม2536ซึ่งช้ากว่าแปดวันนับแต่ผู้ร้องทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้นผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบได้ กรณีที่จะถือว่าคู่ความฝ่ายใดขาดนัดพิจารณาได้ต้องปรากฏว่าคู่ความฝ่ายนั้นทราบวันนัดสืบพยานโดยชอบแล้วไม่มาศาลเมื่อผู้ร้องยังโต้เถียงข้อเท็จจริงอยู่ว่าผู้ร้องไม่ทราบกำหนดวันนัดไต่สวนคำร้องของผู้ร้องจึงมิใช่การขอพิจารณาคดีใหม่แต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5063/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเป็นอนาถาและการชำระค่าธรรมเนียมศาล: เมื่อชำระแล้ว ประเด็นเรื่องอนาถาจึงไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี
การที่จำเลยขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ก็เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ให้แก่จำเลยแต่เมื่อปรากฏตามสำนวนว่าจำเลยได้ชำระค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์แล้วปัญหาเรื่องอนาถาตามฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นประโยชน์แก่คดีที่จะพิจารณาต่อไปให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความของศาลฎีกา