พบผลลัพธ์ทั้งหมด 990 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2060/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องอาญาต้องพิจารณาจากข้อหาที่ศาลพิพากษา ไม่ใช่ข้อหาที่โจทก์ฟ้อง เพื่อความเป็นธรรมแก่จำเลย
อัตราโทษในการพิจารณากำหนดอายุความฟ้องผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา95ต้องถือตามข้อหาหรือฐานความผิดที่ศาลพิจารณาได้ความไม่ใช่พิจารณาจากข้อหาหรือฐานความผิดที่โจทก์ฟ้องมิฉะนั้นอาจเป็นการขยายอายุความฟ้องคดีซึ่งเป็นโทษต่อจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2049/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกล้างโมฆียะกรรมและการให้สัตยาบันโดยปริยาย การกระทำที่แสดงเจตนาปฏิบัติตามสัญญาหลังเหตุโมฆียะกรรมสูญสิ้นถือเป็นการให้สัตยาบัน
จำเลยไม่ได้ให้การว่าได้บอกล้างโมฆียะกรรมภายในกำหนดเวลาตามกฎหมายแล้ว การนำสืบของจำเลยที่ว่าได้โทรเลขแจ้งบอกล้างนิติกรรมไปยังโจทก์ก่อนวันที่พากันไปที่สำนักงานที่ดินจึงเป็นการนำสืบนอกคำให้การเป็นข้อที่ไม่ได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้บอกล้างโมฆียะกรรมก่อนวันที่โจทก์จำเลยพากันไปยังสำนักงานที่ดินเพื่อโอนที่ดินพิพาท แม้วันดังกล่าวภรรยาจำเลยคัดค้านว่า ที่ดินพิพาทเป็นของตนครึ่งหนึ่งจึงจดทะเบียนโอนกันไม่ได้ แต่การกระทำของจำเลยดังกล่าวแสดงว่าจำเลยมีความตั้งใจที่จะปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทที่ทำไว้กับโจทก์ตลอดมา จำเลยได้กระทำการดังกล่าวภายหลังเวลาที่มูลเหตุให้เป็นโมฆียะกรรมนั้นได้สูญสิ้นไปแล้ว การที่จำเลยไปที่สำนักงานที่ดินเพื่อโอนที่ดินให้โจทก์อันเป็นการชำระหนี้ตามโมฆียะกรรมโดยจำเลยมิได้แสดงแย้งสงวนสิทธิไว้แจ้งชัดประการใด ถือได้ว่าจำเลยได้ให้สัตยาบันแก่โมฆียะกรรมนั้นแล้วโดยปริยาย สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงสมบูรณ์
คำให้การต่อสู้คดีนี้ของจำเลยฟังว่า จำเลยทำสัญญาดังกล่าวเพราะหลงเชื่อที่โจทก์นำความเท็จมาหลอกลวง สัญญาจึงตกเป็นโมฆะนั้น แม้จะถือว่าเป็นการบอกล้างโมฆียะกรรม แต่เมื่อจำเลยได้ให้สัตยาบันแก่โมฆียะกรรมก่อนยื่นคำให้การแล้ว ย่อมถือว่าการนั้นเป็นอันสมบูรณ์มาแต่เริ่มแรก ไม่อาจบอกล้างได้
เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้บอกล้างโมฆียะกรรมก่อนวันที่โจทก์จำเลยพากันไปยังสำนักงานที่ดินเพื่อโอนที่ดินพิพาท แม้วันดังกล่าวภรรยาจำเลยคัดค้านว่า ที่ดินพิพาทเป็นของตนครึ่งหนึ่งจึงจดทะเบียนโอนกันไม่ได้ แต่การกระทำของจำเลยดังกล่าวแสดงว่าจำเลยมีความตั้งใจที่จะปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทที่ทำไว้กับโจทก์ตลอดมา จำเลยได้กระทำการดังกล่าวภายหลังเวลาที่มูลเหตุให้เป็นโมฆียะกรรมนั้นได้สูญสิ้นไปแล้ว การที่จำเลยไปที่สำนักงานที่ดินเพื่อโอนที่ดินให้โจทก์อันเป็นการชำระหนี้ตามโมฆียะกรรมโดยจำเลยมิได้แสดงแย้งสงวนสิทธิไว้แจ้งชัดประการใด ถือได้ว่าจำเลยได้ให้สัตยาบันแก่โมฆียะกรรมนั้นแล้วโดยปริยาย สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงสมบูรณ์
คำให้การต่อสู้คดีนี้ของจำเลยฟังว่า จำเลยทำสัญญาดังกล่าวเพราะหลงเชื่อที่โจทก์นำความเท็จมาหลอกลวง สัญญาจึงตกเป็นโมฆะนั้น แม้จะถือว่าเป็นการบอกล้างโมฆียะกรรม แต่เมื่อจำเลยได้ให้สัตยาบันแก่โมฆียะกรรมก่อนยื่นคำให้การแล้ว ย่อมถือว่าการนั้นเป็นอันสมบูรณ์มาแต่เริ่มแรก ไม่อาจบอกล้างได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2049/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้สัตยาบันโมฆียะกรรมโดยปริยาย แม้ต่อมาจะบอกล้าง แต่มีผลสมบูรณ์เมื่อได้กระทำการแสดงเจตนาไปแล้ว
จำเลยไม่ได้ให้การว่าได้ บอกล้าง โมฆียะกรรมภายในกำหนดเวลาตามกฎหมายแล้วการนำสืบของจำเลยที่ว่าได้บอกล้างนิติกรรมไปยังโจทก์ก่อนวันที่พากันไปโอนที่ดินพิพาทตาม สัญญาจะซื้อจะขายที่เป็นโมฆียะที่สำนักงานที่ดินจึงเป็นการนำสืบนอกคำให้การเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย แม้ในวันนัดจำเลยจะจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ไม่ได้เพราะภรรยาจำเลยคัดค้านว่าที่ดินพิพาทเป็นของตนครึ่งหนึ่งแต่แสดงว่าจำเลยตั้งใจที่จะปฏิบัติตาม สัญญาจะซื้อจะขายตลอดมาซึ่งเมื่อได้กระทำภายหลังเวลาที่มูลเหตุที่เป็นโมฆียะกรรมได้สูญสิ้นไปโดยมิได้แสดงแย้งสงวนสิทธิไว้แจ้งชัดถือว่าจำเลยได้ให้สัตยาบันแก่โมฆียะกรรมแล้วโดยปริยายและแม้ต่อมาจำเลยจะยื่นคำให้การต่อสู้คดีโดยถือว่าเป็นการบอกล้างโมฆียะกรรมแต่เมื่อจำเลยได้ให้สัตยาบันก่อนแล้วจึงไม่อาจ บอกล้างได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1998/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องหลังพิทักษ์ทรัพย์: ผู้คัดค้านทวงหนี้จากผู้ดูแลทรัพย์ที่สูญหายไม่ได้ เพราะสิทธิเรียกร้องเกิดขึ้นหลังศาลมีคำสั่ง
การที่ผู้คัดค้านจะใช้ สิทธิเรียกร้องของจำเลยทวงหนี้จากลูกหนี้ของจำเลยตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯมาตรา119ได้นั้นสิทธิเรียกร้องดังกล่าวต้องมีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์และแม้มีบุคคลใดที่ต้องรับผิดชอบต่อผู้คัดค้านในกรณีทรัพย์สินที่ผู้คัดค้านได้ยึดไว้สูญหายไปก็เป็นเรื่องที่ผู้คัดค้านต้องติดตามเอาคืนมาหรือเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ที่ต้องรับผิดต่อไปเมื่อสิทธิเรียกร้องที่ผู้ร้องต้องรับผิดเนื่องจากทรัพย์สินที่ยึดสูญหายไปเกิดขึ้นภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านจึงไม่อาจใช้อำนาจตามมาตรา119เรียกร้องให้ผู้ร้องชำระเงินดังกล่าวแก่ผู้คัดค้านได้และเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1960/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงวิธีการชำระหนี้โดยการผ่อนชำระ และอายุความของหนี้แต่ละงวดตามสัญญากู้
จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีต่อมาจำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ตกลงผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์เป็นรายเดือนเดือนละ1,500บาทซึ่งโจทก์ก็ยอมตกลงย่อมถือได้ว่าโจทก์กับจำเลยได้ตกลงเปลี่ยนแปลงวิธีการชำระหนี้ใหม่โดยการผ่อนทุนคืนเป็นงวดๆสิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงมีกำหนดอายุความ5ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา166เดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1960/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับสภาพหนี้เปลี่ยนแปลงวิธีการชำระหนี้ อายุความ 5 ปี เริ่มนับแต่วันผิดนัดชำระหนี้แต่ละงวด
เมื่อจำเลยทั้งสองทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์แล้วการที่จำเลยที่1นำเงินไปชำระให้โจทก์และโจทก์รับเงินดังกล่าวไว้แสดงว่าโจทก์เองก็ยอมตกลงด้วยตามหนังสือรับสภาพหนี้หนังสือรับสภาพหนี้จึงผูกพันโจทก์ หนังสือรับสภาพหนี้ได้กำหนดเปลี่ยนแปลงวิธีการชำระหนี้ใหม่โดยการผ่อนทุนคืนเป็นงวดๆ สิทธิเรียกร้องโจทก์จึงมีกำหนด อายุความ5ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา193/33การที่จำเลยทั้งสองผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ตั้งแต่งวดแรกที่ต้องเริ่มชำระตั้งแต่วันที่15มีนาคม2520โจทก์จึงอาจบังคับสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้แต่ละงวดได้ตั้งแต่ครบกำหนดที่จำเลยทั้งสองต้องชำระหนี้ในงวดนั้นๆ สิทธิเรียกร้องในหนี้งวดใดที่พ้นอายุความ5ปีนับย้อนหลังแต่วันฟ้องขึ้นไปจึงเป็นอันขาดอายุความ เมื่อโจทก์มาฟ้องคดีในวันที่4พฤศจิกายน2535สิทธิเรียกร้องในหนี้งวดที่อยู่ภายในกำหนดอายุความ5ปีนับย้อนหลังแต่วันฟ้องที่ ไม่ขาดอายุความนั้นเมื่อคำนวณแล้วเป็นหนี้ไม่น้อยกว่าห้าหมื่นบาทโจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองล้มละลายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1960/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้ผ่อนชำระและการฟ้องล้มละลาย
จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจากโจทก์ และเดินบัญชีเดินสะพัดกับโจทก์ โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน ต่อมาจำเลยทั้งสองทำหนังสือรับสภาพหนี้ตกลงผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์เป็นรายเดือนซึ่งโจทก์ก็ยอมตกลงด้วย ย่อมถือได้ว่าโจทก์กับจำเลยทั้งสองได้ตกลงเปลี่ยนแปลงวิธีการชำระหนี้ใหม่โดยการผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงมีกำหนดอายุความ 5 ปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 166 เดิม (มาตรา 193/33 ที่แก้ไขใหม่) จำเลยทั้งสองผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ตั้งแต่งวดแรกที่ต้องเริ่มชำระตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2520โจทก์จึงอาจบังคับสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้แต่ละงวดได้ตั้งแต่เมื่อครบกำหนดที่จำเลยทั้งสองต้องชำระหนี้ในงวดนั้น ๆ สิทธิเรียกร้องในหนี้งวดใดที่พ้นกำหนดอายุความ 5 ปี นับย้อนหลังแต่วันฟ้องขึ้นไปจึงเป็นอันขาดอายุความเมื่อโจทก์มาฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2525 ซึ่งสิทธิเรียกร้องในหนี้งวดที่อยู่ภายในกำหนดอายุความ 5 ปี นับย้อนหลังแต่วันฟ้องที่ไม่ขาดอายุความ และเมื่อคำนวณแล้วเป็นหนี้ไม่น้อยกว่าห้าหมื่นบาท อยู่ในหลักเกณฑ์ที่โจทก์จะฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองล้มละลายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1941/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินหลังศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์: การเพิกถอนสิทธิในส่วนของลูกหนี้
การโอนทรัพย์สินหรือการกระทำใดๆเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งลูกหนี้ได้กระทำหรือยินยอมให้กระทำในระหว่างระยะเวลาสามปีก่อนมีการขอให้ล้มละลายและภายหลังตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯมาตรา114หมายถึงการโอนหรือการกระทำใดๆก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้การที่ผู้คัดค้านที่1จดทะเบียนหย่ากับลูกหนี้โดยมิได้มีข้อตกลงเกี่ยวกับสินสมรสไว้ผู้คัดค้านที่1กับลูกหนี้จึงมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าวร่วมกันการที่ผู้คัดค้านที่1โอนทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้คัดค้านที่2ย่อมเป็นการโอนส่วนของลูกหนี้ด้วยเมื่อได้โอนภายหลังวันที่ลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดการโอนเฉพาะส่วนของลูกหนี้ย่อมตกเป็นโมฆะจึงหาจำต้องวินิจฉัยว่าผู้คัดค้านที่2รับโอนทรัพย์สินโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1941/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์: โมฆะแม้ผู้ซื้อสุจริตและชำระราคาแล้ว
ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นสินสมรสเมื่อผู้คัดค้านที่1จดทะเบียนหย่ากับลูกหนี้ซึ่งเป็นภริยาโดยมิได้ตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้นไว้ผู้คัดค้านที่1กับลูกหนี้จึงมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันการที่ผู้คัดค้านที่1โอนทรัพย์สินดังกล่าวให้แก่ผู้คัดค้านที่2ย่อมเป็นการโอนส่วนของลูกหนี้ด้วยเมื่อการโอนได้กระทำขึ้นภายหลังวันที่ลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา22และ24การโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนของลูกหนี้ย่อมตกเป็นโมฆะไม่มีผลบังคับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจที่จะร้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนของลูกหนี้ได้ เมื่อการโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในส่วนของลูกหนี้กระทำหลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดย่อมตกเป็นโมฆะไม่ว่าผู้คัดค้านที่2รับโอนโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา114หรือไม่ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในส่วนของลูกหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1941/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการโอนทรัพย์สินระหว่างการล้มละลาย: สิทธิของเจ้าหนี้เหนือการโอนสินสมรสหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
เมื่อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้มาระหว่างสมรสของผู้คัดค้านที่ 1 กับลูกหนี้ จึงเป็นสินสมรส การที่ต่อมาผู้คัดค้านที่ 1 จดทะเบียนหย่ากับลูกหนี้โดยมิได้มีข้อตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สินดังกล่าว ผู้คัดค้านที่ 1 กับลูกหนี้จึงมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างร่วมกัน การที่ผู้คัดค้านที่ 1 โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้คัดค้านที่ 2 ย่อมเป็นการโอนส่วนของลูกหนี้ด้วย เมื่อการโอนได้กระทำขึ้นภายหลังจากวันที่ลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด อำนาจในการจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ตกอยู่แก่ผู้ร้อง ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 22, 24 นิติกรรมการโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนของลูกหนี้จึงฝ่าฝืนบทบัญญัติดังกล่าว ตกเป็นโมฆะไม่มีผลบังคับ ผู้ร้องมีอำนาจร้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนของลูกหนี้ได้ โดยไม่จำต้องวินิจฉัยว่าผู้คัดค้านที่ 2 รับโอนโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 114 หรือไม่เพราะศาลมิได้เพิกถอนการโอนตามมาตราดังกล่าว
คำว่าการโอนทรัพย์สินหรือการกระทำใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งลูกหนี้ได้กระทำหรือยินยอมให้กระทำในระหว่างระยะเวลาสามปีก่อนมีการขอให้ล้มละลายและภายหลังตามมาตรา 114 แห่ง พ.ร.บ.ล้มละลายพ.ศ.2483 นั้น หมายถึงการโอนหรือกระทำใด ๆ ก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ หาใช่การโอนหรือการกระทำใด ๆ หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ไม่
คำว่าการโอนทรัพย์สินหรือการกระทำใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งลูกหนี้ได้กระทำหรือยินยอมให้กระทำในระหว่างระยะเวลาสามปีก่อนมีการขอให้ล้มละลายและภายหลังตามมาตรา 114 แห่ง พ.ร.บ.ล้มละลายพ.ศ.2483 นั้น หมายถึงการโอนหรือกระทำใด ๆ ก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ หาใช่การโอนหรือการกระทำใด ๆ หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ไม่