คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สนัด หมายสวัสดิ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 289 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3971/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดการขายทอดตลาดและการประเมินราคาทรัพย์สินใหม่ จำเป็นต้องมีเหตุที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาไม่ชอบหรือไม่?
ตามคำร้องของ จำเลยที่ 1 ที่ขอให้งดการขายทอดตลาดไว้จนกว่าจะมีการประเมินราคาทรัพย์สินใหม่ จำเลยอ้างเหตุแต่เพียงว่าเวลาผ่านไป 1 ปี ทำให้ทรัพย์สินที่ถูกยึดราคาสูงขึ้น มิได้อ้างเหตุว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาทรัพย์สินไว้ไม่ชอบอย่างไร ที่จำเลยอ้างว่าเวลาผ่าน ไปทำให้ทรัพย์สินที่ถูกยึดมีราคาสูงขึ้น ชอบที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะต้องตีราคาทรัพย์สินใหม่นั้นราคาทรัพย์สินที่ถูกยึดอาจมีการขึ้นลงได้ตามสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจและราคาที่ขึ้นลงนี้เจ้าพนักงานบังคับคดีหรือศาลจะนำมาประกอบการพิจารณาในตอนที่จะใช้ดุลพินิจให้ขายหรือไม่ให้ขายทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้ เจ้าพนักงานบังคับคดีหรือศาลมิได้ถูกจำกัดว่าจะต้องขายทรัพย์สินที่ถูกยึดในราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ตีราคาไว้ในขณะที่มีการยึดทรัพย์ดังกล่าว จึงยังไม่มีเหตุที่ต้องงดการขายทอดตลาดแล้วประเมินราคาทรัพย์สินให้ใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2944/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บทบัญญัติ พ.ร.บ.การประมงยังใช้ได้แม้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการพิจารณาค่าเสียหายชอบด้วยกฎหมาย
แม้คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติซึ่งได้เข้าควบคุมอำนาจในการปกครองของประเทศและได้ออกประกาศฉบับที่1ลงวันที่23กุมภาพันธ์2534มีผลทำให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช2521สิ้นผลลงก็ตามแต่ก็มิได้มีประกาศของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติฉบับใดยกเลิกพระราชบัญญัติ การประมงพ.ศ.2490มาตรา28ทวิ,64ทวิบทกฎหมายดังกล่าวจึงยังมีผลบังคับอยู่ คณะกรรมการพิจารณากำหนดค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายอื่นๆเพียงแต่ได้ทำการรวบรวมและคำนวณค่าใช้จ่ายต่างๆซึ่งทางรัฐบาลได้เสียไปอันเกิดจากการละเมิดน่านน้ำของต่างประเทศของจำเลยผู้เป็นเจ้าของเรือซึ่งใช้หรือยอมให้ใช้เรือของตนกระทำการละเมิดและแจ้งให้จำเลยปฏิบัติตามคำวินิจฉัยภายในกำหนดเวลาตามกฎหมายพระราชบัญญัติการประมงพ.ศ.2490มาตรา28ทวิเท่านั้นมิได้กระทำการพิจารณาวินิจฉัยอรรถคดีเช่นเดียวกับศาลยุติธรรมแต่อย่างใดซึ่งเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามก็จะมีโทษตามมาตรา64ทวิแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวการกระทำของคณะกรรมการกำหนดค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายอื่นๆฯจึงชอบด้วยกฎหมายหาขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญไม่ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย1ปีและปรับ100,000บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้1ปีศาลอุทธรณ์พิพากษายืนห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218วรรคหนึ่งจำเลยฎีกาว่าคำสั่งของคณะกรรมการพิจารณากำหนดค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายอื่นๆฯขัดต่อหลักกฎหมายและขาดข้อเท็จจริงสนับสนุนเพียงพอนั้นเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งนำไปสู่การวินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมายเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2944/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับใช้ พ.ร.บ.การประมง หลัง คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ เข้าควบคุมอำนาจ และความชอบด้วยกฎหมายของคำสั่งคณะกรรมการกำหนดค่าเสียหาย
แม้คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ซึ่งได้เข้าควบคุมอำนาจในการปกครองของประเทศและได้ออกประกาศ ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 23กุมภาพันธ์ 2534 มีผลทำให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521สิ้นผลลงก็ตาม แต่ก็มิได้มีประกาศของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติฉบับใดยกเลิก พ.ร.บ. การประมง พ.ศ.2490 มาตรา 28 ทวิ, 64 ทวิ บทกฎหมายดังกล่าวจึงยังมีผลบังคับอยู่
คณะกรรมการพิจารณากำหนดค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ฯเพียงแต่ได้ทำการรวบรวมและคำนวณค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งทางรัฐบาลได้เสียไปอันเกิดจากการละเมิดน่านน้ำของต่างประเทศของจำเลยผู้เป็นเจ้าของเรือ ซึ่งใช้หรือยอมให้ใช้เรือของตนกระทำการละเมิด และแจ้งให้จำเลยปฏิบัติตามคำวินิจฉัยภายในกำหนดเวลาตามกฎหมายตาม พ.ร.บ. การประมง พ.ศ.2490 มาตรา28 ทวิ เท่านั้น มิได้กระทำการพิจารณาวินิจฉัยอรรถคดีเช่นเดียวกับศาลยุติธรรมแต่อย่างใด ซึ่งเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามก็จะมีโทษตามมาตรา 64 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ดังกล่าว การกระทำของคณะกรรมการกำหนดค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ฯจึงชอบด้วยกฎหมาย หาขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี และปรับ100,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง จำเลยฎีกาว่า คำสั่งของคณะกรรมการพิจารณากำหนดค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ฯขัดต่อหลักกฎหมายและขาดข้อเท็จจริงสนับสนุนเพียงพอนั้น เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งนำไปสู่การวินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมาย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2469/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตและการลงโทษปรับรายวันที่ไม่ชอบด้วยฟ้อง รวมถึงการใช้กฎหมายที่เปลี่ยนแปลง
คำว่าดัดแปลงตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารฯมีความหมายรวมถึงการต่อเติมหรือขยายเนื้อที่ของอาคารที่ได้ก่อสร้างไว้แล้วด้วยฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่าจำเลยดัดแปลงอาคารตึกแถวโดยการก่อสร้างอาคารคอนกรีตเพิ่มขยายออกไปจึงพอทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการดัดแปลงโดยต่อเติมอาคารหลังเดิมหาใช่เป็นการฟ้องว่าจำเลยก่อสร้างอาคารหลังใหม่ขึ้นมาไม่ทั้งจำเลยก็ให้การรับสารภาพตามฟ้องฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(5) ศาลจะลงโทษปรับผู้ฝ่าฝืนตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารฯมาตรา65วรรคสองเป็นรายวันได้ต่อเมื่อมีการดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตและเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้มีคำสั่งให้รื้อถอนอาคารดังกล่าวตามมาตรา42แล้วแต่เจ้าของอาคารไม่ปฏิบัติตามเมื่อโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่สั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารซึ่งมีการดัดแปลงทั้งมิได้อ้างมาตรา42มาในคำขอท้ายฟ้องการที่ศาลลงโทษปรับจำเลยเป็นรายวันจึงเป็นการลงโทษนอกเหนือไปจากคำฟ้องไม่ชอบด้วยป.วิ.อ.มาตรา192วรรคแรกและเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ขณะที่คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาได้มีพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร(ฉบับที่2)พ.ศ.2535ออกใช้บังคับโดยยกเลิกความในมาตรา65วรรคแรกและมาตรา70เดิมและให้ใช้ข้อความใหม่แทนโดยกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างจากกฎหมายที่ใช้ในภายหลังต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดไม่ว่าในทางใดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1738/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดต่างกรรมกัน: การยิงป้องกันตัวแยกจากความผิดฐานร่วมกันบุกรุกและทำร้าย
แม้การกระทำของจำเลยที่3และที่4ต่อผู้เสียหายที่7เป็นเวลาใกล้ชิดกับที่จำเลยที่3และที่4ใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปในบ้านโจทก์ร่วมแต่เมื่อจำเลยที่3ที่4มิได้ตั้งใจมาฆ่าผู้เสียหายที่7โดยตั้งใจมาฆ่าโจทก์ร่วมและผู้เสียหายอื่นในบ้านโจทก์ร่วมเท่านั้นการที่จำเลยที่3และที่4เพิ่งมาคิดฆ่าผู้เสียหายที่7ในขณะพบเห็นเพื่อป้องกันมิให้ผู้เสียหายที่7ไปช่วยเหลือโจทก์ร่วมจึงเป็นการกระทำความผิดต่างกรรมกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 736/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งไม่เชื่อมโยงคดีอาญา: สิทธิเรียกร้องแพ่งต้องอาศัยมูลความผิดอาญาโดยตรง
ในการวินิจฉัยว่าคดีใดเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาหรือไม่จะต้องพิจารณาว่าสิทธิเรียกร้องในทางแพ่งได้อาศัยมูลความผิดในทางอาญา โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ทำการปิดบังยักย้ายทรัพย์มรดกอันเป็นเหตุให้จำเลยถูกกำจัดมิให้รับมรดกตามกฎหมายซึ่งมิได้อาศัย มูลคดีอันเกิดจากการกระทำความผิดอาญาของจำเลยที่โจทก์เคยฟ้องจำเลยในความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จจึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา46

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 736/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา ต้องพิจารณาว่าสิทธิเรียกร้องทางแพ่งอาศัยมูลความผิดทางอาญาหรือไม่
ในการวินิจฉัยว่าคดีใดเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาหรือไม่จะต้องพิจารณาว่าสิทธิเรียกร้องในทางแพ่งได้อาศัยมูลความผิดในทางอาญา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ทำการปิดบังยักย้ายทรัพย์มรดก อันเป็นเหตุให้จำเลยถูกกำจัดมิให้รับมรดกตามกฎหมาย ซึ่งมิได้อาศัยมูลคดีอันเกิดจากการกระทำความผิดอาญาของจำเลย ที่โจทก์เคยฟ้องจำเลยในความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญาตาม ป.วิ.อ.มาตรา 46

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดค่าเสียหายที่ไม่ชัดเจนในคดีความผิดตามพ.ร.บ.เดินเรือ ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกการชดใช้ค่าเสียหายแก่กรมเจ้าท่า
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทยพ.ศ.2456โดยมิได้บรรยายฟ้องว่ากรมเจ้าท่าได้เสียค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปในการแก้ไขสิ่งเป็นพิษเป็นจำนวนเท่าไรอีกทั้งมิได้ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายส่วนนี้และข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่ากรมเจ้าท่าได้เสียค่าใช้จ่ายในการแก้ไขสิ่งที่เป็นพิษเป็นจำนวนเท่าใดจึงไม่อาจกำหนดค่าเสียหายส่วนนี้ให้แก่กรมเจ้าท่าได้การที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายให้แก่กรมเจ้าท่าจึงไม่ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายจากคดีปล่อยสิ่งปฏิกูลลงแม่น้ำเจ้าพระยา: ศาลฎีกายกเลิกค่าชดใช้ที่ไม่ชัดเจน
โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่ากรมเจ้าท่าได้เสียค่าใช้จ่ายในการแก้ไขสิ่งเป็นพิษจำนวนเท่าใดทั้งมิได้ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายส่วนนี้จำนวนเท่าใดและไม่ปรากฏว่ากรมเจ้าท่าได้เสียค่าใช้จ่ายดังกล่าวจำนวนเท่าใดจึงไม่อาจกำหนดค่าเสียหายให้ได้การที่ศาลล่างกำหนดให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายให้แก่กรมเจ้าท่าจึงไม่ถูกต้องแม้จำเลยทั้งสองจะมิได้ฎีกาขึ้นมาก็ตามเนื่องจากเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดค่าเสียหายต้องระบุจำนวนชัดเจน แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้
โจทก์มิได้บรรยายฟ้องมาว่า กรมเจ้าท่าได้เสียค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปในการแก้ไขสิ่งเป็นพิษเป็นจำนวนเท่าใด มิได้ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายส่วนนี้จำนวนเท่าใด และข้อเท็จจริงก็ไม่ปรากฏว่ากรมเจ้าท่าได้เสียค่าใช้จ่ายในการแก้ไขสิ่งเป็นพิษเป็นจำนวนเท่าใด จึงไม่อาจกำหนดค่าเสียหายส่วนนี้ให้แก่กรมเจ้าท่าได้ แม้ปัญหาข้อนี้จำเลยทั้งสองจะมิได้ฎีกาขึ้นมาก็ตาม เนื่องจากเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
of 29