คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุทธิ นิชโรจน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,157 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2110/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องค่าเวนคืนตาม พ.ร.บ.เวนคืนฯ ต้องระบุจำนวนค่าทดแทนที่ต้องการ และขอให้บังคับชำระเพิ่ม
การฟ้องคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์พ.ศ. 2530 มาตรา 26 วรรคแรก โจทก์ต้องบรรยายมาในคำฟ้องด้วยว่าค่าทดแทนที่ตนควรได้รับชำระมีจำนวนเท่าใด และคำขอท้ายฟ้องต้องเป็นเรื่องให้บังคับผู้มีอำนาจในการเวนคืนหรือควบคุมการเวนคืนชำระค่าทดแทนเพิ่มขึ้นจากที่รัฐมนตรีมีคำวินิจฉัย เมื่อคำฟ้องของโจทก์หาได้บรรยายถึงจำนวนค่าทดแทนที่โจทก์เห็นว่าตนเองพึงได้รับแต่ประการใดไม่ ทั้งคำขอท้ายฟ้องก็เพียงแต่ขอให้จำเลยดำเนินการให้เป็นไปตามบทกฎหมายที่โจทก์ยกขึ้นอ้างเท่านั้น คำฟ้องของโจทก์จึงขาดสาระสำคัญของการฟ้องคดีตามบทบัญญัติดังกล่าว ไม่มีทางที่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยต้องรับผิดได้ และแม้โจทก์บรรยายฟ้องมาด้วยว่าการที่จำเลยในฐานะผู้วินิจฉัยอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยไม่ถูกต้องเป็นการละเมิดต่อโจทก์ แต่โจทก์ก็มิได้มีคำขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพราะเหตุดังกล่าว ศาลจึงชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2110/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเวนคืนต้องระบุจำนวนค่าทดแทนที่ชัดเจนและขอให้บังคับชำระ หากไม่บรรยายฟ้องครบถ้วน ศาลไม่รับฟ้อง
การฟ้องคดีตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ มาตรา 26วรรคหนึ่ง นั้น เพื่อให้ศาลบังคับผู้มีอำนาจในการเวนคืน หรือควบคุมการเวนคืนให้ชำระค่าทดแทนเพิ่มขึ้น โจทก์จึงต้องบรรยายฟ้องว่า ค่าทดแทนที่ควรจะได้รับชำระมีจำนวนเท่าใด และคำขอท้ายฟ้องต้องเป็นเรื่องให้บังคับผู้มีอำนาจในการเวนคืนหรือควบคุมการเวนคืนชำระค่าทดแทนเพิ่มขึ้น แต่คดีนี้โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องถึงจำนวนเงินค่าทดแทนที่เห็นว่าตนพึงได้รับมีเท่าใด และคำขอท้ายฟ้องก็เพียงขอให้บังคับจำเลยดำเนินการตามกฎหมายที่โจทก์ยกขึ้นอ้าง คำฟ้องจึงขาดสาระสำคัญตามบทกฎหมายดังกล่าว ไม่มีทางที่ศาลจะพิจารณาให้จำเลยรับผิดได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2061/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการซื้อขายที่ดินเพื่อหลีกเลี่ยงหนี้สินล้มละลาย การกระทำโดยไม่สุจริตและไม่มีค่าตอบแทน
ลูกหนี้โอนขายที่ดินพิพาทให้แก่ผู้คัดค้านในวันเดียวกันกับลูกหนี้ถูกฟ้องให้ล้มละลายในคดีอื่น เป็นการกระทำภายในระยะเวลา3 ปี ก่อนมีการขอให้ลูกหนี้ล้มละลายในคดีนี้ เมื่อฟังได้ว่าผู้คัดค้านกับลูกหนี้สมคบกันทำสัญญาจะซื้อขายและสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทเพื่อหลีกเลี่ยงการติดตามยึดทรัพย์ของพนักงานเจ้าหน้าที่และมิให้บรรดาเจ้าหนี้อื่นบังคับชำระหนี้ได้ โดยลูกหนี้และผู้คัดค้านไม่มีเจตนาซื้อขายและชำระราคากันจริง เป็นการกระทำโดยไม่สุจริตและไม่มีค่าตอบแทน ผู้ร้องจึงมีอำนาจร้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายระหว่างลูกหนี้กับผู้คัดค้านได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2044/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาอุทธรณ์คดีเช็คต้องใช้กฎหมายที่ใช้บังคับขณะยื่นอุทธรณ์ แม้จะเกิดเหตุการณ์ก่อนกฎหมายนั้นมีผลใช้บังคับ
การพิจารณาว่าโจทก์จะอุทธรณ์ได้หรือไม่ต้องพิจารณาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายซึ่งใช้อยู่ในขณะยื่นอุทธรณ์ มิใช่ในขณะกระทำผิด พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534กำหนดอัตราโทษไว้อย่างสูงตามมาตรา 4 อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทำความผิดและในขณะยื่นอุทธรณ์อันเป็นคุณแก่จำเลยยิ่งกว่าพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำผิดในส่วนของโทษปรับ กรณีจึงต้องใช้บทบัญญัติของมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 มาวินิจฉัยอัตราโทษว่าต้องห้ามอุทธรณ์หรือไม่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1996/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คดีอาญา: หลักการพิจารณาบทหนัก-บทเบา และประโยชน์แห่งความสงสัย
การวินิจฉัยว่าอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา193 ทวิ หรือไม่ ต้องพิจารณาความผิดแต่ละกระทง เมื่อความผิดในกระทงนั้นมีความผิดหลายบทรวมอยู่ด้วย ถ้าบทหนักไม่ต้องห้าม ศาลก็ต้องถือว่าทุกบทไม่ต้องห้ามคดีนี้โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยในกระทงความผิดฐานพาอาวุธปืนและมีดติดตัวไปในทางสาธารณะ และหมู่บ้าน อันเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท เมื่อความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ, วรรคแรก 72 ทวิวรรคสอง ซึ่งเป็นบทหนักมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ความผิดตามประมวล-กฎหมายอาญา มาตรา 371 ซึ่งเป็นบทเบาก็พลอยไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ด้วย
เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อสงสัยว่าจำเลยใช้อาวุธปืนและมีดยิงและแทงผู้เสียหายหรือไม่ และได้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยแล้วก็ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยในความผิดตาม ป.อ. มาตรา 371 ให้แก่จำเลยด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1996/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในความผิดหลายกระทง หากบทหนักไม่ห้าม อุทธรณ์บทเบาก็ไม่ต้องห้าม และต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัย
การวินิจฉัยว่าอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา193 ทวิ หรือไม่ ต้องพิจารณาความผิดแต่ละกระทง เมื่อความผิดในกระทงนั้นมีความผิดหลายบทรวมอยู่ด้วย ถ้าบทหนักไม่ต้องห้ามศาลก็ต้องถือว่าทุกบทไม่ต้องห้าม คดีนี้โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยในกระทงความผิดฐานพาอาวุธปืนและมีดติดตัวไปในทางสาธารณะและหมู่บ้าน อันเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทเมื่อความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ, วรรคแรก72 ทวิ วรรคสอง ซึ่งเป็นบทหนักมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ซึ่งเป็นบทเบาก็พลอยไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ด้วย เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อสงสัยว่าจำเลยใช้อาวุธปืนและมีดยิงและแทงผู้เสียหายหรือไม่ และได้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยแล้ว ก็ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยในความผิดตาม ป.อ.มาตรา 371 ให้แก่จำเลยด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1966/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำกัดสิทธิฎีกาในข้อเท็จจริงเมื่อค่าเสียหายไม่เกินสองแสนบาท
คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้และไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้รวมอยู่ด้วยกันนั้น ในชั้นฎีกาจำเลยฎีกาเฉพาะค่าเสียหายและค่าขาดประโยชน์ว่า โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 5 ไม่ได้เสียหายตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์อันเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง เมื่อจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาซึ่งเป็นค่าเสียหายและค่าขาดประโยชน์ที่โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 5 แต่ละคนมีสิทธิได้รับไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1966/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาในข้อเท็จจริงถูกจำกัดวงเนื่องจากจำนวนทุนทรัพย์พิพาทไม่เกินสองแสนบาท ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248
คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้และไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้รวมอยู่ด้วยกันนั้น ในชั้นฎีกาจำเลยฎีกาเฉพาะค่าเสียหายและค่าขาดประโยชน์ว่า โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 5ไม่ได้เสียหายตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์อันเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงเมื่อจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาซึ่งเป็นค่าเสียหายและค่าขาดประโยชน์ที่โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 5 แต่ละคนมีสิทธิได้รับไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1929/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันยกเลิกโดยปริยายจากการทำสัญญาค้ำประกันใหม่
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันการทำงานของ ว.ในตำแหน่งพนักงานของโจทก์ สาขานครราชสีมา ต่อมาโจทก์แต่งตั้งให้ ว.เป็นผู้จัดการของโจทก์ สาขาสีคิ้ว โจทก์ยอมรับจำเลยที่ 1 ให้เข้ามาทำสัญญาค้ำประกันการทำงานของ ว.ในตำแหน่งผู้จัดการ สาขาสีคิ้ว แสดงว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยที่ 2ผูกพันตามสัญญาค้ำประกันต่อไป ถือว่าสัญญาค้ำประกันถูกยกเลิกโดยปริยาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1929/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันถูกยกเลิกโดยปริยายเมื่อมีการทำสัญญาค้ำประกันใหม่สำหรับตำแหน่งหน้าที่ที่สูงขึ้น
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันการทำงานของ ว. ในตำแหน่งพนักงานของโจทก์ สาขานครราชสีมา ต่อมาโจทก์แต่งตั้งให้ ว.เป็นผู้จัดการของโจทก์ สาขาสีคิ้ว โจทก์ยอมรับจำเลยที่ 1 ให้เข้ามาทำสัญญาค้ำประกันการทำงานของ ว. ในตำแหน่งผู้จัดการสาขาสีคิ้ว แสดงว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยที่ 2 ผูกพันตามสัญญาค้ำประกันต่อไป ถือว่าสัญญาค้ำประกันถูกยกเลิกโดยปริยาย
of 116