คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุทธิ นิชโรจน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,157 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3926/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุจำเลยขณะฟ้องคดีมีผลต่ออำนาจศาลคดีเด็กและเยาวชน
ขณะกระทำผิดจำเลยอายุยังไม่ถึง 18 ปีบริบูรณ์ แต่ขณะที่โจทก์ฟ้องคดีจำเลยอายุ 18 ปีเศษแล้ว จึงมิใช่เยาวชนตามความหมายของพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา 4ใช้บังคับในขณะฟ้อง คดีจึงไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลคดีเด็กและเยาวชนตามมาตรา 8(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3852/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มลดโทษทางอาญา: การตีความ 'ส่วนของการเพิ่มและส่วนของการลด' ตามประมวลกฎหมายอาญา
คำว่า "ส่วนของการเพิ่มและส่วนของการลด" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 54 นั้น มิได้หมายถึงจำนวนของโทษที่คิดคำนวณแล้ว แต่เป็นส่วนที่ยังไม่ได้คิดคำนวณกรณีส่วนของการเพิ่มโทษคือกึ่งหนึ่งและส่วนของการลดคือหนึ่งในสาม ดังนี้ส่วนของการเพิ่มจึงมากกว่าส่วนของการลดแต่ศาลเห็นสมควรไม่เพิ่มไม่ลดก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3852/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มลดโทษ: พิจารณาจากส่วนที่ยังไม่ได้คำนวณ ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจ
ส่วนของการเพิ่มและส่วนของการลด มิได้หมายถึงจำนวนของโทษที่คิดคำนวณแล้ว แต่เป็นส่วนที่ยังไม่ได้คิดคำนวณ
ในกรณีส่วนของการเพิ่มโทษคือกึ่งหนึ่ง ส่วนของการลดคือหนึ่งในสาม ฉะนั้นส่วนของการเพิ่มจึงมากกว่าส่วนของการลด ศาลเห็นสมควรไม่เพิ่มไม่ลดก็ได้ตาม ป.อ. มาตรา 54

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3750/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์มรดก โจทก์มีสิทธิยึดเพื่อชำระหนี้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอปล่อยทรัพย์
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าได้มีการแบ่งกันครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์มรดก ระหว่างผู้ร้องทั้งสามกับจำเลยที่ 1และบรรดาพี่น้องคนอื่น ๆ แล้ว กรณีจึงต้องถือว่าผู้ร้องทั้งสามและจำเลยที่ 1 ยังมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินพิพาท โจทก์สามารถนำยึดมาชำระหนี้ได้ ผู้ร้องทั้งสามจึงไม่มีสิทธิขอให้ปล่อยทรัพย์พิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3600/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายทรัพย์สินหลังศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เป็นโมฆะ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจขอเพิกถอนการจดทะเบียน
การที่จำเลยที่ 1 ขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทให้ผู้คัดค้านที่ 1 ขณะที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1เด็ดขาดแล้ว สัญญาซื้อขายระหว่างจำเลยที่ 1 กับผู้คัดค้านที่ 1ย่อมเป็นนิติกรรมที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติมาตรา 22,24 แห่งพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 เพราะตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าวเมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 แล้ว อำนาจในการจัดการทรัพย์สินย่อมตกอยู่แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวจำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตนเว้นแต่จะได้กระทำตามคำสั่งหรือความเห็นชอบของศาลเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หรือที่ประชุมเจ้าหนี้เท่านั้นดังนั้น สัญญาซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทจึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 ไม่มีผลบังคับจำเลยที่ 1 ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ย่อมกลับสู่ฐานะเดิมโดยผลแห่งกฎหมาย เมื่อจำเลยที่ 1 โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้ผู้คัดค้านที่ 1 ภายหลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1 เด็ดขาดแล้วก็ต้องปรับบทตามมาตรา 24 ไม่ใช่ปรับบทตามมาตรา 114,115 เพราะคำว่า"การโอนทรัพย์สินหรือการกระทำใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งลูกหนี้ได้กระทำหรือยินยอมให้กระทำในระหว่างเวลาสามปีหรือสามเดือนแล้วแต่กรณีก่อนมีการขอให้ล้มละลายหรือภายหลังนั้น"ตามมาตรา 114,115 หมายถึงการโอนหรือการกระทำที่กระทำกันก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ หาใช่การโอนหรือการกระทำหลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1 ไม่ เมื่อการโอนขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 กับผู้คัดค้านที่ 1 เป็นโมฆะผู้คัดค้านที่ 1 ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพ*พิพาทที่จะโอนขายต่อให้แก่ผู้คัดค้านที่ 2 ได้ จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าผู้คัดค้านที่ 2 ซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทมาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนอันจะได้รับความคุ้มครอง ตามมาตรา 116 หรือไม่ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอให้ศาลสั่งเจ้าพนักงานที่ดินให้เพิกถอนรายการจดทะเบียนในสารบัญที่ดินไว้แล้ว ศาลจึงมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนรายการจดทะเบียนในสารบัญที่ดินได้ และเจ้าพนักงานที่ดินมีหน้าที่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลโดยศาลไม่ต้องสั่งเจ้าพนักงานที่ดินอีก ไม่เกินคำขอแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3584/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหนี้ผู้ได้รับชำระหนี้มีสิทธิขอให้ยกเลิกการล้มละลายได้ตามกฎหมาย
ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ที่ศาลสั่งอนุญาตให้ได้รับชำระหนี้แล้วก็มีสิทธิขอให้ศาลสั่งยกเลิกการล้มละลายได้ในฐานะเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 135

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3584/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหนี้ไม่ช่วยดำเนินการล้มละลาย ศาลสั่งยกเลิกการล้มละลายได้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 135
เมื่อเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์และเจ้าหนี้อื่นไม่ช่วยเหลือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการรวบรวมจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้และรับผิดในบรรดาค่าธรรมเนียมค่าเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายในคดีล้มละลายและไม่มีเจ้าหนี้อื่นเต็มใจกระทำการดังกล่าวภายในกำหนด1 เดือน นับแต่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ได้ขัดขืนละเลยนั้น แม้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะรวบรวมเงินเข้ากองทรัพย์สินของจำเลยบ้างแล้ว และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพียงแต่ขอให้ศาลสั่งปิดคดีก็ตาม ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ที่ศาลสั่งอนุญาตให้ได้รับชำระหนี้ก็มีสิทธิขอให้ศาลสั่งยกเลิกการล้มละลายได้ในฐานะเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 135

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3582/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินคดีล้มละลายต้องดำเนินการโดยเร็ว แม้คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ยังไม่ถึงที่สุด ศาลต้องพิพากษาให้ล้มละลายตามกฎหมาย
การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายกฎหมายกำหนดให้ต้องดำเนินเป็นการด่วน ดังนั้น หลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ รายงานว่าเจ้าหนี้ได้ลงมติในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยล้มละลายแล้ว แม้คำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดจะยังไม่ถึงที่สุดก็ตามศาลชั้นต้นก็ต้องพิพากษาให้จำเลยล้มละลายตามความในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 61 ทันที คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดเป็นคำสั่งชี้ขาดคดีมีผลเป็นคำพิพากษาตามความในพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 6 ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รอการพิพากษาให้จำเลยล้มละลายไว้จนกว่าศาลฎีกาจะได้ชี้ขาดตัดสินเรื่องทีจำเลยฎีกาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว จึงเป็นคำสั่งหลังจากที่ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาแล้ว คำสั่งดังกล่าวจึงมิใช่คำสั่งในระหว่างพิจารณา ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3582/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีล้มละลายต้องดำเนินการโดยเร็ว แม้คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ยังไม่สิ้นสุด ศาลต้องพิพากษาล้มละลายตามมติเจ้าหนี้
พระราชบัญญัติ ญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 13 และ 153 กำหนดให้การดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีล้มละลายต้องดำเนินเป็นการด่วนดังนั้นหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดและจ.พ.ท. รายงานว่า เจ้าหนี้ลงมติในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยล้มละลายแล้ว แม้คำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดจะยังไม่ถึงที่สุดก็ตาม ศาลชั้นต้นก็ต้องพิพากษาให้จำเลยล้มละลายตามความในมาตรา 61 ทันที คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดเป็นคำสั่งชี้ขาดคดีมีผลเป็นคำพิพากษาตามความในมาตรา 6 ดังนั้น คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้รอการพิพากษาให้จำเลยล้มละลายไว้จนกว่าศาลฎีกาจะได้ชี้ขาดตัดสินเรื่องที่จำเลยฎีกาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว จึงเป็นคำสั่งหลังจากที่ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาแล้ว คำสั่งดังกล่าวจึงมิใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาและไม่ต้องห้ามอุทธรณ์คำสั่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3582/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีล้มละลาย ศาลต้องพิพากษาเมื่อเจ้าหนี้ลงมติ แม้คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ยังไม่ถึงที่สุด คำสั่งรอการพิพากษาไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา
การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีล้มละลาย กฎหมายกำหนดให้ต้องดำเนินเป็นการด่วนตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 13และ 153 เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานศาลว่าเจ้าหนี้ได้ลงมติในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรก ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย ศาลก็ต้องพิพากษาให้จำเลยล้มละลายตาม มาตรา 61 ทันทีแม้คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดจะยังไม่ถึงที่สุดก็ตาม คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดเป็นคำสั่งชี้ขาดคดีมีผลเป็นคำพิพากษาตามความในมาตรา 6 คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้รอการพิพากษาให้จำเลยล้มละลายไว้จนกว่าศาลฎีกาจะได้ชี้ขาดตัดสินเรื่องที่จำเลยฎีกาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เป็นคำสั่งหลังจากที่ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาแล้ว จึงมิใช่คำสั่งในระหว่างพิจารณาและไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ทันที
of 116