คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุทธิ นิชโรจน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,157 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2565/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องบังคับตามสัญญาโอนทรัพย์สินในบันทึกท้ายทะเบียนหย่า แม้เป็นสัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก
แม้บันทึกท้ายทะเบียนการหย่าจะเป็นสัญญาเพื่อประโยชน์แก่บุคคลภายนอก ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374โจทก์เป็นคู่สัญญาในบันทึกดังกล่าวโดยตรงกับจำเลยในการยกทรัพย์สินให้แก่บุตร โจทก์ในฐานะคู่สัญญาจึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยโอนทรัพย์สินให้แก่บุตรได้ ตามบันทึกการหย่าเพียงให้จำเลยอุปการะบุตรเท่านั้น หาใช่ให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรแต่ผู้เดียวไม่ อำนาจปกครองบุตรยังอยู่กับโจทก์ด้วยโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องในนามตนเองได้ไม่จำต้องให้บุตรเรียกชำระหนี้จากโจทก์เพราะบุตรจะยอมรับทรัพย์สินหรือไม่ เป็นเรื่องในชั้นบังคับคดี การที่จำเลยฎีกาว่า รถยนต์และบ้าน จำเลยไม่เคยตกลงยกให้แก่บุตร บันทึกข้อตกลงที่เจ้าพนักงานทำขึ้นไม่ชอบเพราะไม่ตรงตามความประสงค์ของจำเลยเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2461/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาที่ไม่ชัดเจนและฝ่าฝืนข้อกำหนดการยื่นพยานหลักฐาน ทำให้ศาลฎีกาไม่รับฟัง
จำเลยฎีกาว่า การดำเนินคดีของโจทก์เป็นการไม่สุจริตจะรับฟังตามคำเบิกความของพยานโจทก์ได้อย่างไรว่า จำเลยพึ่งล้อมรั้วและปักเสาคอนกรีตลงในที่ดินพิพาทในปลายปี 2530 อาจเป็นเดือนกรกฎาคม สิงหาคมหรือต้นเดือนกันยายนก็ได้ หากเป็นเช่นนั้นจริงโจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 28 กันยายน2531 คดีของโจทก์จะขาดอายุความ พยานโจทก์บางคนมีเรื่องโกรธเคืองกับจำเลย ฉะนั้นคำเบิกความของพยานโจทก์จึงต้องรับฟังด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่งนั้น เป็นฎีกาที่ไม่ได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องอย่างใด และข้อกฎหมายเป็นอย่างใด เพียงแต่เสนอความเห็นว่า น่าจะต้องรับฟังคำเบิกความของพยานโจทก์ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่งเท่านั้น เป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคแรก
การที่จำเลยยื่นสำเนาคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่331/2533 ของศาลชั้นต้นพร้อมเอกสารประกอบคดีท้ายฟ้องฎีกา เป็นการอ้างและยื่นพยานหลักฐานต่อศาลโดยฝ่าฝืน ป.วิ.พ. มาตรา 87 (2) และไม่ใช่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลฎีกาไม่รับฟังพยานหลักฐานนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2461/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาที่ไม่ชัดเจนและยื่นพยานหลักฐานเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยฎีกาว่า การดำเนินคดีของโจทก์เป็นการไม่สุจริตจะรับฟังตามคำเบิกความของพยานโจทก์ได้อย่างไรว่า จำเลยพึ่งล้อมรั้วและปักเสาคอนกรีตลงในที่ดินพิพาทในปลายปี 2530 อาจเป็นเดือนกรกฎาคมสิงหาคม หรือต้นเดือนกันยายนก็ได้ หากเป็นเช่นนั้นจริงโจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2531 คดีของโจทก์จะขาดอายุความพยานโจทก์บางคนมีเรื่องโกรธเคืองกับจำเลย ฉะนั้นคำเบิกความของพยานโจทก์จึงต้องรับฟังด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่งนั้น เป็นฎีกาที่ไม่ได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องอย่างใดและข้อกฎหมายเป็นอย่างใด เพียงแต่เสนอความเห็นว่า น่าจะต้องรับฟังคำเบิกความของพยานโจทก์ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่งเท่านั้นเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคแรก การที่จำเลยยื่นสำเนาคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 331/2533ของศาลชั้นต้นพร้อมเอกสารประกอบคดีท้ายฟ้องฎีกา เป็นการอ้างและยื่นพยานหลักฐานต่อศาลโดยฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 87(2) และไม่ใช่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลฎีกาไม่รับฟังพยานหลักฐานนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2457/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยุยงให้กระทำผิด vs. ตัวการร่วม: ศาลแก้โทษจากตัวการเป็นผู้สนับสนุนอาญา
จำเลยทั้งสองไม่มีเจตนาจะใช้อาวุธปืนยิงทำร้ายผู้ใดมาก่อนเมื่อชาวบ้านวิ่งไล่ตามจับ จำเลยที่ 2 ตะโกนว่า "ยิงเลย" เพื่อหลบหนีเอาตัวรอด จำเลยที่ 1 จึงใช้ปืนยิงผู้เสียหายในระยะห่าง2 วา ดังนี้ ถือว่าจำเลยที่ 2 ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด จะถือว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ไม่ได้ จำเลยที่ 2 จึงเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด เมื่อการกระทำของจำเลยที่ 2ตามที่ปรากฏในทางพิจารณาเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84แต่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะตัวการ จึงเป็นการแตกต่างในสาระสำคัญอย่างมากย่อมลงโทษไม่ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสอง แต่การที่จำเลยที่ 2 ร้องบอกดังกล่าวถือได้ว่าเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86ซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2289/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งประเมินภาษีหลังศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์มิใช่การขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย ผู้คัดค้านมีสิทธิอุทธรณ์
การที่ผู้ร้องแจ้งการประเมินเพื่อเรียกเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินไปยังเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้คัดค้านเพื่อให้ชำระภาษีโรงเรือนและที่ดินของลูกหนี้ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดลูกหนี้แล้วเป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 เพื่อให้ผู้คัดค้านซึ่งมีอำนาจจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ชำระภาษีดังกล่าวหรือหากเห็นว่าการประเมินไม่ถูกต้องผู้คัดค้านก็อุทธรณ์โต้แย้งการประเมินต่อผู้ร้องได้ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพ.ศ. 2475 ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผู้ร้องขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายการที่ผู้คัดค้านมีหนังสือตอบผู้ร้องว่าผู้คัดค้านไม่อาจยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษี เป็นการแจ้งความคิดเห็นของผู้คัดค้านไปยังผู้ร้องเท่านั้น ไม่ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 146 สิทธิของผู้ร้องในการที่จะบังคับชำระค่าภาษีมิได้เปลี่ยนแปลงไปตามความเห็นของผู้คัดค้าน ผู้ร้องไม่อาจร้องคัดค้านเป็นคดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2289/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งประเมินภาษีไม่ใช่การขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย สิทธิในการบังคับชำระภาษียังคงมีอยู่
การที่ผู้ร้องแจ้งการประเมินเพื่อเรียกเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินไปยังผู้คัดค้าน ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผู้ร้องขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย การที่ผู้คัดค้านมีหนังสือตอบผู้ร้องว่าผู้คัดค้านไม่อาจยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเป็นการแจ้งความคิดเห็นของผู้คัดค้านไปยังผู้ร้องเท่านั้น ความเห็นของผู้คัดค้านดังกล่าวไม่ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 146 ผู้ร้องไม่อาจร้องคัดค้านเป็นคดีนี้ได้ ประเด็นนี้แม้คู่ความมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาก่อน แต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2288/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเรียกร้องโดยตัวแทนผู้รับมอบอำนาจทั่วไป มิใช่กิจการที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 801
การโอนสิทธิเรียกร้อง มิใช่กิจการเฉพาะที่ต้องห้ามมิให้ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจทั่วไปกระทำการแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 801 จ. เป็นตัวแทนผู้รับมอบอำนาจทั่วไปของบริษัท ย. จึงเป็นผู้มีอำนาจโอนสิทธิเรียกร้องที่บริษัท ย. มีต่อจำเลยที่ 1 เพื่อให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้แก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2286/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจร้องคัดค้านการขายทอดตลาดหลังพิทักษ์ทรัพย์: จำเลยมีสิทธิคัดค้านการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
การที่จำเลยซึ่งถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์ของตนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายแทนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าเป็นการขายที่ไม่ชอบ เป็นกรณีที่จำเลยร้องคัดค้านการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 146 ไม่ใช่เป็นเรื่องเกี่ยวกับอำนาจจัดการทรัพย์สินของจำเลยซึ่งตกเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไปแล้ว ตามมาตรา 22 จำเลยจึงมีอำนาจร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2286/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์ในคดีล้มละลาย: จำเลยมีสิทธิคัดค้านหากราคาต่ำกว่าราคาประเมิน
การที่จำเลยในคดีล้มละลายยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์ในคดีของตน เป็นกรณีที่จำเลยทั้งสองร้องคัดค้านการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 146 ไม่ใช่เป็นเรื่องเกี่ยวกับอำนาจจัดการทรัพย์สินของจำเลยตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22 แม้การขายทอดตลาดจะดำเนินการตามขั้นตอนโดยชอบด้วยกฎหมายแต่การที่ผู้ซื้อทรัพย์เสนอราคาที่ต่ำกว่าราคาที่ซื้อขายในขณะนั้นและต่ำกว่าราคาประเมินของสำนักงานวางทรัพย์กลาง และปรากฏว่าเป็นการขายทอดตลาดครั้งแรกและผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองได้คัดค้านว่าเป็นราคาต่ำไป จึงไม่สมควรที่จะอนุญาตให้ขายไปควรให้เลื่อนการขายทอดตลาดไปก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2215/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการจัดการสัญญาเช่าหลังศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
ผู้ร้องทำสัญญาเช่าโรงงานประกอบรถยนต์ซึ่งเป็นทรัพย์ในกองทรัพย์สินของจำเลยกับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดแล้ว กรณีจึงเป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าจัดการทรัพย์สินของจำเลยตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 22 (1) ฉะนั้นเมื่อมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่อันเนื่องมาจากสัญญาเช่าระหว่างเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กับผู้ร้อง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ชอบที่จะใช้สิทธิฟ้องผู้ร้องตามมาตรา 22 (3) จะใช้วิธีแจ้งความเป็นหนังสือให้ผู้ร้องชำระเงินตามมาตรา 119 หาได้ไม่ เพราะไม่ใช่กรณีที่จำเลยมีสิทธิเรียกร้องต่อผู้ร้องอันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะจัดการรวบรวมทรัพย์สินของจำเลยตามมาตรา 22 (2) ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ผู้ร้องยกขึ้นฎีกาได้ แม้จะไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลล่าง
of 116