คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสมอ อินทรศักดิ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 571 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6706/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความหมาย 'ทรัพย์ของบริษัท' ในข้อบังคับบริษัท – การยักยอกทรัพย์
ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยที่กำหนดความผิดวินัยอย่างร้ายแรงคือ ลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์ของบริษัทหรือของเพื่อนร่วมงานในบริเวณบริษัท... คำว่า "บริษัท" มิได้หมายถึงความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ของบริษัทแต่เพียงอย่างเดียว แต่หมายความรวมถึงทรัพย์ที่บริษัทครอบครองดูแลรับผิดชอบอยู่ด้วย เมื่อปรากฏว่า ของขวัญนาฬิกาตั้งโต๊ะที่โจทก์เบียดบังเอาไปเป็นของผู้ที่นำมามอบให้แก่บริษัท ข. ขณะที่ของขวัญนั้นอยู่ในความครอบคองดูแลและรับผิดชอบของจำเลย และจำเลยมอบให้โจทก์ครอบครองดูแลแทน ซึ่งจำเลยจะต้องนำของขวัญดังกล่าวไปมอบให้บริษัท ข. กรณีถือได้ว่า โจทก์ได้ยักยอกทรัพย์ของจำเลยไปตามข้อบังคับดังกล่าวอันเป็นการกระทำผิดข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานข้อดังกล่าวของจำเลยในกรณีร้ายแรงแล้ว แต่กรณีมิใช่เป็นการยักยอกทรัพย์ของเพื่อนร่วมงานในบริเวณบริษัทของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8384/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีภาษีอากร: การประเมินอากรต้องแจ้งเป็นหนังสือ หากยังไม่มีการแจ้ง ถือว่ายังไม่มีการโต้แย้งสิทธิ
พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 112 ทวิ วรรคหนึ่ง กำหนดไว้ว่า หลังจากที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนดให้ ผู้นำเข้าสินค้าวางเงินประกันค่าอากรเพิ่มเติมตามมาตรา 112 แล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจประเมินอากรอันพึงต้องเสียและแจ้งให้ผู้นำเข้าทราบซึ่งผู้นำเข้าจะต้องชำระเงินอากรตามจำนวนที่ได้รับแจ้งให้ครบถ้วนภายในกำหนดสามสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งหากไม่เห็นด้วยกับการประเมิน ผู้นำเข้ามีสิทธิที่จะอุทธรณ์การประเมินตามมาตรา 112 ทวิ วรรคสามต่อไปได้ แต่การที่กรมศุลกากรจำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ไปทำความตกลงเพื่อระงับคดีอาญากับจำเลยไม่ใช่เป็นหนังสือแจ้งการประเมินอากรตามมาตรา 112 ทวิ วรรคหนึ่ง ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ โต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7622/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาการมอบอำนาจจำนองย่อมรวมถึงการกู้ยืมเงิน หากบริบทสื่อความหมายเช่นนั้น
จำเลยมอบอำนาจให้ ล. ไปทำสัญญากับโจทก์ตามหนังสือมอบอำนาจระบุว่า จำเลยได้มอบอำนาจให้ ล.เป็นผู้มีอำนาจจัดการจำนองที่ดินกับโจทก์จำนวนเงิน70,000 บาท ตาม น.ส.3 เลขที่ 997 แม้หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวจะไม่มีข้อความระบุไว้โดยแจ้งชัดว่า จำเลยมอบอำนาจให้ ล. ไปกู้ยืมเงินโจทก์ด้วยก็ตามแต่การที่จำเลยมอบอำนาจให้ ล. ไปจำนองที่ดินแก่โจทก์เป็นจำนวนเงิน 70,000 บาท ก็ย่อมมีความหมายเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไปว่า จำเลยมอบอำนาจให้ ล. ไปกู้ยืมเงินโจทก์โดยเอาที่ดินดังกล่าวจำนองไว้เป็นประกันการชำระหนี้เงินกู้นั่นเอง หนังสือมอบอำนาจจึงมีความหมายอยู่ในตัวว่ารวมถึงการมอบอำนาจให้ ล. กู้ยืมเงินโจทก์ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5325/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอัดกลีบผ้าด้วยเครื่องจักรเพื่อประดิษฐ์ดอกไม้เทียมเข้าข่ายเป็นค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออันตรายต่อสุขภาพตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร
ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเรื่องควบคุมการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพ(ฉบับที่2)พ.ศ.2526ข้อ4(107)ระบุไว้ว่าการซักรีดอัดกลีบกัดสีผ้าโดยใช้เครื่องจักรเป็นการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพการอัดกลีบตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครดังกล่าวหมายถึงการอัดกลีบผ้าหรือสิ่งอื่นใดเพื่อให้เป็นจีบหรือเป็นกลีบแม้การอัดกลีบแล้วผ้าที่ได้อัดกลีบนั้นจะเปลี่ยนสภาพจากผ้าที่ใช้สอยเป็นสิ่งประดิษฐ์อย่างอื่นด้วยเช่นประดิษฐ์เป็นกลีบดอกไม้หรือใบไม้ถ้าหากเป็นการอัดกลีบโดยใช้เครื่องจักรแล้วก็ถือได้ว่าเป็นการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5325/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอัดกลีบผ้าโดยใช้เครื่องจักรเพื่อประดิษฐ์ดอกไม้เทียมเข้าข่ายเป็นค้าที่รังเกียจหรือไม่
การอัดกลีบตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร หมายถึงการอัดกลีบผ้าหรือสิ่งอื่นใดเพื่อให้เป็นจีบหรือเป็นกลีบแม้การอัดกลีบแล้วผ้าที่ได้อัดกลีบนั้นจะเปลี่ยนสภาพจากผ้า ที่ใช้สอยเป็นสิ่งประดิษฐ์อย่างอื่นด้วย เช่น ประดิษฐ์เป็นกลีบดอกไม้หรือใบไม้ ถ้าหากเป็นการอัดกลีบโดยใช้เครื่องจักรแล้วก็ถือได้ว่าเป็นการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5325/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอัดกลีบผ้าด้วยเครื่องจักรเพื่อประดิษฐ์ดอกไม้เทียมเข้าข่ายเป็นการค้าที่รังเกียจหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร
การอัดกลีบตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครหมายถึงการอัดกลีบผ้าหรือสิ่งอื่นใดเพื่อให้เป็นจีบหรือเป็นกลีบแม้การอัดกลีบแล้วผ้าที่ได้อัดกลีบนั้นจะเปลี่ยนสภาพจากผ้าที่ใช้สอยเป็นสิ่งประดิษฐ์อย่างอื่นด้วยเช่นประดิษฐ์เป็นกลีบดอกไม้หรือใบไม้ถ้าหากเป็นการอัดกลีบโดยใช้เครื่องจักรแล้วก็ถือได้ว่าเป็นการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2461/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดซ้ำ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร แม้ช่วงเวลาทับซ้อน ศาลฎีกาวินิจฉัยเป็นความผิดสองกรรม
จำเลยทั้งสองใช้อาคารเป็นสำนักงานเพื่อกิจการพาณิชย์กรรมโดยฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติควบคุมอาคารฯมาตรา32วรรคสามตั้งแต่วันที่24สิงหาคม2535ถึงวันที่24พฤศจิกายน2535เป็นการกระทำความผิดกรรมหนึ่งแล้วเมื่อจำเลยทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่สั่งให้ระงับการใช้อาคารตามมาตรา44แล้วตั้งแต่วันที่9ตุลาคม2535ยังคงฝ่าฝืนใช้อาคารต่อไปอีกจนถึงวันที่24พฤศจิกายน2535ก็เป็นการกระทำผิดอีกกรรมหนึ่งต่างจากกรรมแรกการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสองกรรมต้องเรียงกระทงลงโทษแม้ระยะเวลาการกระทำความผิดทั้งสองกรรมจะซ้อนกันในช่วงหลังก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2452/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดซ้ำและการขายทอดตลาดในคดีล้มละลาย: ผลกระทบต่อความชอบด้วยกฎหมายของการขาย
แม้ว่าการยึดที่พิพาทเฉพาะส่วนของจำเลยที่2ในคดีแพ่งคดีอื่นซึ่งกระทำภายหลังจะเป็นการยึดซ้ำแต่เมื่อมีการโอนการยึดที่พิพาทมาไว้ในคดีล้มละลายและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ดำเนินการขายทอดตลาดอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483เช่นนี้การยึดซ้ำในคดีแพ่งดังกล่าวไม่มีผลทำให้การขายทอดตลาดในคดีล้มละลายไม่ชอบแต่อย่างใด ราคาประเมินของสำนักงานที่ดินจังหวัดเป็นเพียงราคาประเมินในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเท่านั้นมิใช่ราคาที่ซื้อขายกันในท้องตลาดแม้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขายทอดตลาดที่พิพาทไปในราคาใกล้เคียงกับราคาประเมินของสำนักงานที่ดินหากแต่ต่ำกว่าราคาประเมินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีตั้งไว้โดยเทียบเคียงจากราคาในท้องตลาดอยู่มากการขายทอดตลาดที่พิพาทจึงไม่ชอบด้วยความมุ่งหมายแห่งการขายทอดตลาดเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ลูกหนี้หรือบุคคลผู้มีส่วนได้เสียตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา123

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2452/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ซ้ำในคดีล้มละลาย และการขายทอดตลาดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
แม้การยึดที่พิพาทเฉพาะส่วนของจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 205/2526 ของศาลชั้นต้น ซึ่งกระทำภายหลังจากที่ได้ยึดไว้ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 12250/2521 ของศาลแพ่ง เป็นการยึดซ้ำ แต่เมื่อการยึดที่พิพาทได้โอนมาไว้ในคดีล้มละลายนี้แล้ว และผู้คัดค้านได้ดำเนินการขายทอดตลาดในคดีนี้ อันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้คัดค้าน ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ.2483 เช่นนี้ การยึดซ้ำในคดีแพ่งดังกล่าวก็ไม่มีผลทำให้การขายทอดตลาดในคดีนี้เป็นการไม่ชอบแต่อย่างใดไม่ และฎีกาผู้ซื้อทรัพย์ที่ว่า ไม่ว่าการยึดที่พิพาทซึ่งยึดไว้ในคดีแพ่ง 2 ครั้ง จะเป็นยึดซ้ำหรือไม่ก็ตาม เมื่อผู้ร้องทราบถึงการยึดแล้วมิได้ร้องคัดค้านต่อเจ้าพนักงาน-บังคับคดีหรือศาลภายใน 8 วันนับแต่วันทราบ ผู้ร้องไม่มีสิทธินำมากล่าวอ้างในคดีนี้จึงไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป เป็นฎีกาไม่เป็นสาระ
ผู้คัดค้านขายที่พิพาทให้ผู้ซื้อทรัพย์ไปในราคาที่ต่ำเกินไป ไม่ชอบด้วยความมุ่งหมายแห่งการขายทอดตลาดเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ ลูกหนี้หรือบุคคลผู้มีส่วนได้เสียจึงเป็นการขายที่ไม่ชอบด้วย พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 123

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1737/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิโจทก์ร่วมในคดีอาญา: การรับทราบอุทธรณ์และวันนัดฟังคำพิพากษา
ในคดีที่ศาลอนุญาตให้ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมแล้วโจทก์ร่วมและพนักงานอัยการต่างมีฐานะเป็นโจทก์ด้วยกันเมื่อจำเลยยื่นอุทธรณ์การที่ศาลชั้นต้นเพียงแต่สั่งให้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้พนักงานอัยการโจทก์โดยไม่ได้สั่งให้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ร่วมด้วยและศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาคดีดังกล่าวไปจึงเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา200อันทั้งการที่ศาลชั้นต้นมิได้แจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ร่วมทราบด้วยก็ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา182ประกอบด้วยมาตรา215ศาลฎีกาเห็นสมควรให้ปฏิบัติเสียให้ถูกต้อง
of 58