คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสมอ อินทรศักดิ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 571 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2747/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าทดแทนเวนคืน: โจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าทดแทน
แม้ศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 ไปทำการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ หากจำเลยที่ 3และที่ 4 ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 3 และที่ 4 คำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวเป็นเพียงคำพิพากษาที่บังคับให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 ปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อขาย หาใช่ทำให้โจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทไม่กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทยังเป็นของจำเลยที่ 3 และที่ 4 อยู่โจทก์จะได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทต่อเมื่อจำเลยที่ 3 และที่ 4จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์แต่เมื่อก่อนที่ศาลฎีกาจะมีคำพิพากษานั้น ที่ดินพิพาทถูกเวนคืนตาม พระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯ กรณีจึงมีเหตุรอนสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเกิดขึ้นที่จำเลยที่ 3 และที่ 4 ไม่สามารถจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ได้ และตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 มาตรา 18 บัญญัติว่า เงินค่าทดแทนนั้นให้กำหนดแก่บุคคลดังต่อไปนี้(1) เจ้าของทรัพย์ผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งที่ดินที่ต้องเวนคืน ฯลฯ โจทก์ไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียเกี่ยวกับเงินค่าทดแทนดังกล่าว จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินค่าทดแทนจากจำเลยที่ 1 และที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2746/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกอบกิจการเทป/วิดีโอโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีการตรวจพิจารณา ถือเป็นทรัพย์สินที่ต้องริบ
พระราชบัญญัติ ญญัติ ควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530มาตรา 6,11 และ 35(1) กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการให้เช่าแลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทนไม่ว่าด้วยวิธีใดต้องได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน นอกจากจะได้รับการยกเว้นตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงและยังกำหนดให้เทปหรือวัสดุโทรทัศน์ที่มีไว้ประกอบกิจการดังกล่าวต้องผ่านการตรวจพิจารณาและให้ความเห็นชอบ โดยเจ้าพนักงานผู้ตรวจอีกด้วย หากฝ่าฝืนก็ต้องได้รับโทษตามมาตรา 35ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้เกิดผลเสียหายแก่เยาวชนและศีลธรรมอันดีของประชาชนที่อาจจะเกิดขึ้นจากการแพร่หลายของเทปหรือวัสดุโทรทัศน์หากมิได้มีการควบคุม ทั้งยังอาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของรัฐอีกด้วย ดังนั้น เทปหรือวัสดุโทรทัศน์ที่ผู้ประกอบกิจการดังกล่าวมีไว้ในสถานที่ประกอบกิจการของตนโดยฝ่าฝืนต่อมาตรา 35(1) จึงเป็นทรัพย์สินที่มีไว้เป็นความผิดและต้องริบตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2656/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ, สัญญาประนีประนอมยอมความ, การบังคับคดี, ทายาท, ฟ้องซ้ำที่ไม่เป็นฟ้อง
โจทก์ที่ 1 แต่ผู้เดียวเคยฟ้องจำเลยขอให้แบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท แล้วโจทก์ที่ 1 และจำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลได้พิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2จึงมาฟ้องจำเลยขอแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทเป็นคดีนี้อีกคดีโจทก์ที่ 1 จึงเป็นฟ้องซ้ำแต่ตามพฤติการณ์แห่งคดีก่อน โจทก์ที่ 1เคยขอบังคับคดีโดยขอให้ศาลออกหมายจับจำเลยเพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษา จำเลยถูกจับตามหมายจับได้ขอประกันตัวต่อศาลและหลบหนีไปจนพ้นกำหนดการบังคับคดี แสดงถึงความไม่สุจริตของจำเลยจำเลยไม่ได้ยกข้อต่อสู้เรื่องฟ้องซ้ำไว้ในคำให้การ จึงไม่มีประเด็นและเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แม้จะเป็นปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้องอันเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่ศาลฎีกาไม่เห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัย ย.ทายาทผู้รับมรดกของห.ผู้มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินพิพาทได้ลงชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีที่ศาลพิพากษาตามยอมดังกล่าวข้างต้น แต่ย.และโจทก์ที่ 2(ผู้จัดการมรดกนายห.) มิได้เป็นคู่ความในคดีดังกล่าวคำพิพากษาตามยอมจึงไม่ผูกพันโจทก์ที่ 2 ฟ้องโจทก์ที่ 2 คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2585/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยร่วมกระทำผิดฐานพนัน ศาลฎีกาพิจารณาความเสมอภาคในการลงโทษโดยคำนึงถึงเหตุบรรเทาโทษและภาระ
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองร่วมกระทำความผิดฐานเดียวกัน ลักษณะของความผิดไม่เป็นการกระทำรายใหญ่ พฤติการณ์แห่งคดีไม่เป็นการร้ายแรงที่ศาลล่างลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 โดยไม่รอการลงโทษ แตกต่างจากจำเลยที่ 2 โดยไม่ปรากฎเหตุผลพิเศษ จึงไม่ถูกต้อง ผู้กระทำผิดด้วยกันควรรับโทษหนักเบาเท่าเทียมกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2585/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเสมอภาคในการลงโทษทางอาญา: การลงโทษจำเลยที่กระทำผิดร่วมกัน
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองร่วมกระทำผิดฐานเดียวกัน ลักษณะของความผิดไม่เป็นการกระทำรายใหญ่ พฤติการณ์แห่งคดีไม่เป็นการร้ายแรง ที่ศาลล่างลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 โดยไม่รอการลงโทษ แตกต่างจากจำเลยที่ 2 โดยไม่ปรากฏเหตุผลพิเศษ จึงไม่ถูกต้อง ผู้กระทำผิดด้วยกันควรรับโทษหนักเบาเท่าเทียมกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2559/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีที่ถูกต้องตามกฎหมาย และผลผูกพันจากการยินยอมชำระภาษี
เมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เห็นว่าการประเมินของเจ้าพนักงานชอบแล้ว คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก็ชอบที่จะยกอุทธรณ์ของโจทก์ได้ โดยไม่จำต้องวินิจฉัยหักลดเงินภาษีที่โจทก์ได้ชำระแล้วให้เพราะว่าคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จะวินิจฉัยหักหรือลดให้เฉพาะแต่ในกรณีที่เห็นว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินไม่ชอบหรือไม่ถูกต้องเท่านั้น ส่วนเงินที่โจทก์ไม่ได้โต้แย้งและชำระภาษีไปบางส่วนแล้ว ย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้รับชำระภาษีจากโจทก์ที่จะทำการหักและลดให้ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2559/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษี การยินยอมชำระภาษี และผลผูกพันตามกฎหมาย หากไม่โต้แย้งการประเมิน
เมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เห็นว่าการประเมินของ เจ้าพนักงานประเมินชอบแล้ว คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบที่จะยกอุทธรณ์ของบริษัทโจทก์ได้ โดยไม่จำต้องวินิจฉัยหักหรือลดเงินภาษีที่โจทก์ได้ชำระแล้วให้ เพราะว่าคณะกรรมการ พิจารณาอุทธรณ์จะวินิจฉัยหักหรือลดให้เฉพาะแต่ในกรณีที่เห็นว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินไม่ชอบหรือไม่ถูกต้อง เท่านั้น ส่วนเงินที่โจทก์ไม่ได้โต้แย้งและชำระภาษีไปบางส่วนแล้ว ย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้รับชำระภาษีจากโจทก์ในภายหน้า ที่จะทำการหักและลดให้ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2465/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีบุคคลต่างด้าว: เจ้าพนักงานต้องไต่สวนและแจ้งการประเมินก่อนฟ้องเรียกรับผิด
การที่จะเรียกให้ลูกจ้าง หรือผู้ทำการแทน หรือผู้ทำการติดต่อรับผิดตาม ป.รัษฎากร มาตรา 76 ทวิ วรรคแรกนั้นเจ้าพนักงานประเมินจะต้องดำเนินการตาม มาตรา 19 และ 20ก่อน กล่าวคือ จะต้องเรียกบุคคลผู้ต้องรับผิดนั้นมาไต่สวนแล้วแจ้งจำนวนเงินที่จะประเมินไปยังบุคคลผู้ต้องรับผิด เพื่อที่บุคคลนั้นจะได้มีโอกาสอุทธรณ์การประเมินตามความใน มาตรา 76 ทวิวรรคสามก่อน มิฉะนั้นกรมสรรพากร โจทก์ยังไม่มีอำนาจฟ้องบุคคลนั้นให้รับผิดตาม มาตรา 76 ทวิ และย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันบุคคลนั้นให้ต้องรับผิดเช่นเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2465/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษี: เจ้าพนักงานประเมินต้องไต่สวนและแจ้งการประเมินให้ผู้ถูกประเมินทราบก่อน จึงจะฟ้องร้องเรียกค่าภาษีได้
การที่จะให้ลูกจ้าง หรือผู้ทำการแทน หรือผู้ทำการติดต่อรับผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ทวิ วรรคแรก นั้น เจ้าพนักงานประเมินจะต้องเรียกบุคคลผู้ต้องรับผิดมาไต่สวนแล้วแจ้งจำนวนเงินที่ประเมินไปยังบุคคลผู้ต้องรับผิด ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 19,20ก่อน เพื่อที่บุคคลนั้นจะได้มีโอกาสอุทธรณ์การประเมินตามความในวรรคสาม เมื่อโจทก์ไม่ได้เรียก ด. ไปไต่สวนและแจ้งการประเมินดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ด. ให้ต้องรับผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ทวิ และย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในฐานะผู้ค้ำประกัน ด. ด้วย ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2463/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินราคาภาษีศุลกากรต้องมีหลักฐานราคาอันแท้จริงในท้องตลาด การอ้างอิงราคาซื้อขายเดิมประกอบด้วย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า สินค้าที่โจทก์นำเข้ามา โจทก์ได้สำแดงราคาสินค้าตามราคาที่โจทก์สั่งซื้อมา เจ้าพนักงานของจำเลยประเมินราคาเพิ่มขึ้นโดยไม่ชอบ เป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียภาษีอากรมากกว่าที่พึงต้องชำระ ขอให้จำเลยคืนเงินค่าภาษีอากรจำนวนที่โจทก์ชำระเกินไป นั้น เพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจและให้การต่อสู้ได้ ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ปัญหาว่าราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าทั้ง 16 ฉบับตามฟ้องต่ำกว่าราคาอันแท้จริงในท้องตลาดหรือไม่ พยานหลักฐานโจทก์พออนุมานเบื้องต้นได้ว่า เป็นราคาซื้อขายที่โจทก์ซื้อมา แม้อาจไม่เท่ากับราคาอันแท้จริงในท้องตลาดดังที่จำเลยอ้างในอุทธรณ์ ซึ่งจำเลยชอบที่จะนำสืบแสดงหลักฐานให้เห็นว่า ราคาอันแท้จริงในท้องตลาดเป็นราคาเท่าใด และเป็นเพราะเหตุใดจำเลยจะอ้างแต่เพียงว่า การตีราคาหรือประเมินราคาต้องอาศัยคำสั่งทั่วไปกรมศุลกากรที่ 47/2531 เรื่อง ระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการพิจารณาที่ใช้ในการประเมินอากร โดยเทียบราคาที่ผู้ซื้อรายอื่นสั่งเข้ามาแต่เพียงอย่างเดียว และไม่ได้นำสืบหรือแสดงหลักฐานให้ปรากฏถึงราคาอันแท้จริงในท้องตลาดย่อมไม่อาจรับฟังได้
of 58