คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสมอ อินทรศักดิ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 571 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3437/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหนี้มีประกันในคดีล้มละลาย: ทรัพย์สินจำนองต้องเป็นของจำเลย
จำเลยเป็นหนี้เงินกู้โจทก์ โดยมี จ.นำที่ดิน 2 แปลงจำนองเป็นประกัน ที่ดินที่จำนองไม่ใช่ทรัพย์สินของจำเลย โจทก์ไม่ใช่ผู้มีสิทธิเหนือทรัพย์สินของจำเลยในทางจำนอง โจทก์จึงไม่เป็นเจ้าหนี้มีประกันตาม พระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 6

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3372/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงื่อนไขการวางทรัพย์ในสัญญาขายฝาก: สิทธิไถ่ถอนและการหลีกเลี่ยงการไถ่ถอนของผู้ซื้อฝาก
บันทึกด้านหลังของหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินพิพาทกำหนดเงื่อนไขว่าโจทก์ผู้ขายฝากต้องนำเงินค่าไถ่ถอนไปวางไว้ ณ สำนักงานวางทรัพย์ภายในกำหนดเวลาขายฝาก หากไม่สามารถติดตามตัวจำเลยผู้ซื้อฝากเพื่อขอไถ่ถอนได้นั้น หากปรากฏว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิไถ่ถอนที่ดินพิพาทตามกำหนดเวลาแล้ว แต่จำเลยหลีกเลี่ยงประวิงเวลาเอาไว้ไม่ให้ไถ่ถอน โจทก์จึงหาจำต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3372/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไถ่ถอนที่ดินขายฝาก: การหลีกเลี่ยงของจำเลยไม่ผูกพันโจทก์ตามเงื่อนไขการวางทรัพย์
บันทึกด้านหลังของหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินพิพากษากำหนดเงื่อนไขว่าโจทก์ขายฝากต้องนำเงินค่าไถ่ถอนไปวางณ สำนักงานวางทรัพย์ภายในกำหนดเวลาขายฝาก หากไม่สามารถติดตามตัวจำเลยผู้ซื้อฝากเพื่อขอไถ่ถอนได้นั้น หากปรากฎว่าโจทก์ ได้ใช้สิทธิไถ่ถอนที่ดินพิพากษาตามกำหนดเวลาแล้ว แต่จำเลย หลีกเลี่ยงประวิงเวลาเอาไว้ไม่ให้ไถ่ถอนโจทก์จึงหาจำต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3371/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การค้ำประกันสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไม่ถือเป็นการจัดการสินสมรส และการงดสอบสวนพยานที่จำเลยไม่มาตามหมาย
การค้ำประกันสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไม่ใช่การจัดการเกี่ยวกับสินสมรสสามีไม่จำต้องรับความยินยอมจากภรรยาก็ใช้บังคับได้ ในชั้นสอบสวนเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของจำเลยการไต่สวนจำเลยโดยเปิดเผยและการส่งประกาศนัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งไปยังภูมิลำเนาจำเลยซึ่งเป็นสถานที่เดียวกันกับที่ปิดหมายนัดสอบสวนพยานลูกหนี้ซึ่งจำเลยก็ทราบทุกครั้งทั้งมิได้แจ้งว่าย้ายภูมิลำเนาแล้ว จึงเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เมื่อเห็นว่าได้ส่งหมายเรียกให้จำเลยโดยชอบแล้วจำเลยไม่มา เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ชอบที่จะสั่งงดสอบสวนพยานจำเลยเสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3348/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชัดแจ้งต้องห้าม - โจทก์ขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร แต่ฎีกาเสนอให้ลงโทษทั้งสองฐานโดยไม่ระบุเหตุผล
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรศาลชั้นต้นพิพากษาว่ามีความผิดฐานรับของโจร จึงถือว่ายกฟ้องฐานลักทรัพย์โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์ ส่วนจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องฐานรับของโจร ความผิดฐานลักทรัพย์จึงยุติการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ไม่ผิดฐานรับของโจรและไม่ลงโทษฐานลักทรัพย์ จึงชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์มิได้ระบุข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอ้างอิงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานรับของโจร คงโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มาในฎีกาว่าเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าพฤติการณ์แห่งการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ไม่เป็นความผิดฐานรับของโจรเท่ากับฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานลักทรัพย์ก็ต้องพิพากษาลงโทษฐานลักทรัพย์และก็สรุปเอาว่า หากศาลฎีกาไม่ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานลักทรัพย์และเห็นว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานรับของโจร ก็ให้ลงโทษฐานรับของโจร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสองประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3312/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดร่วมกันจากการค้าปุ๋ยนอกวัตถุประสงค์ของห้างหุ้นส่วนจำกัด และการส่งมอบสินค้าไม่ครบ
จำเลยที่ 3 เป็นผู้ดำเนินกิจการแทนจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุตรตลอดมาและไม่มีหุ้นอยู่ในห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3ได้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ 1 ให้เป็นผู้มีอำนาจลงชื่อสั่งจ่ายเช็คของจำเลยที่ 1 ในการดำเนินกิจการของจำเลยที่ 1 ได้ การที่จำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 3 ร่วมกันแสดงออกต่อโจทก์และบุคคลทั่วไปว่าได้ร่วมกันประกอบกิจการค้าปุ๋ย ถือว่าจำเลยทั้ง 3 ได้ร่วมกันประกอบกิจการ เมื่อจำเลยที่ 3 ส่งปุ๋ยให้โจทก์ไม่ครบจำนวนตามที่โจทก์สั่งซื้อจำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิด ส่วนจำเลยที่ 1 เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด มิได้มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการค้าขายปุ๋ยด้วย แต่การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ได้ร่วมประกอบกิจการค้าปุ๋ยกับจำเลยที่ 3แม้จะเป็นกิจการนอกขอบวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 ก็ตาม จำเลยที่ 1ก็ได้รับประโยชน์ด้วยโดยการรับเงินค่าปุ๋ยมาจากโจทก์ เมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 ส่งปุ๋ยให้โจทก์ไม่ครบตามราคาซึ่งจำเลยที่ 1ได้รับไว้ จำเลยที่ 1 จึงไม่พ้นความรับผิดที่จะต้องคืนเงินค่าปุ๋ยที่เหลือให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3311/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์ถูกต้อง และจำเลยที่ 2 ผูกพันตามหนังสือรับสภาพหนี้ แม้ไม่รู้เห็นด้วย
แม้บัญชีอากรแสตมป์ท้ายประมวลรัษฎากร ข้อ 7(ข) ที่ใช้บังคับในปัจจุบันกำหนดให้ปิดอากรแสตมป์ 30 บาท แต่ขณะที่ทำหนังสือมอบอำนาจซึ่งมอบอำนาจให้กระทำการมากกว่าครั้งเดียว บัญชีอากรแสตมป์ท้ายประมวลรัษฎากรที่บังคับใช้ในเวลานั้นกำหนดให้ต้องปิดอากรแสตมป์เพียง 10 บาท ก็ตาม ถือได้ว่าหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์แล้ว ใช้เป็นพยานหลักฐานได้ หนังสือค้ำประกันมีข้อความระบุว่า "ถ้าผู้เช่าซื้อจะต้องรับผิดชดใช้เงิน แก่บริษัท ข้าพเจ้ายอมค้ำประกันและรับผิดชอบร่วมกับผู้เช่าซื้อ และยอมให้บริษัทผ่อนเวลาชำระหนี้ ผ่อนผันการชำระหนี้ได้ตามจำนวนครั้งหรือตามเงื่อนไขที่บริษัทจะเห็นสมควร" แสดงว่าจำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันยินยอมให้โจทก์กับจำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้ได้ และเมื่อจำเลยที่ 1 ยินยอมรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์ตามหนังสือรับสภาพหนี้ แม้จำเลยที่ 2 จะไม่รู้เห็นด้วย จำเลยที่ 2 ยังคงต้องผูกพันรับผิดต่อโจทก์เพราะหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้เป็นค่าเช่าซื้อที่จำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระแก่โจทก์ แต่โจทก์ผ่อนผันลดหย่อนให้มิใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3274/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสาร 'ทดรองจ่าย' ไม่ถือเป็นหลักฐานการกู้ยืม แม้ลูกหนี้ลงลายมือชื่อรับเงิน
การที่ใบสำคัญคู่จ่ายมีข้อความเพียงว่า ทดรองจ่ายให้คุณสมศักดิ์ (ลูกหนี้) เท่านั้น แม้ลูกหนี้จะลงลายมือชื่อเป็นผู้รับเงินไว้ด้วย ก็มีความหมายเพียงว่าออกเงินหรือทรัพย์ไปก่อนไม่มีข้อความที่แสดงว่าลูกหนี้ต้องใช้เงินคืนแก่เจ้าหนี้หรือกำหนดการเสียดอกเบี้ยกันไว้อันเป็นลักษณะของการกู้ยืม จะฟังเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมไม่ได้ จึงเป็นหนี้ที่จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ ต้องห้ามมิให้เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 94(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3206/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันเกินกว่าเหตุ: การใช้อาวุธปืนยิงต่อเนื่องหลังผู้เสียหายหมดสภาพต่อสู้
จำเลยเข้าจับกุมผู้เสียหายซึ่งเล่นการพนัน ผู้เสียหายต่อสู้โดยฟันจำเลยที่กกหูขวา การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงถูกผู้เสียหายที่หน้าท้อง ในขณะที่มีภยันตรายเพียงนัดเดียวก็เพียงพอแก่การที่จำเลยจะป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายแต่จำเลยยังยิงขาผู้เสียหายขณะผู้เสียหายกำลังหันหลังจะวิ่งหนีและจำเลยยังเข้าทำร้ายผู้เสียหายขณะล้มลงอีก โดยผู้เสียหายหมดโอกาสทำร้ายจำเลย การกระทำของจำเลยในตอนนี้จึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตาม ป.อ. มาตรา 69

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3206/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันเกินกว่าเหตุ: ตำรวจยิงผู้ต้องสงสัยหลังหมดสภาพต่อสู้
จำเลยเข้าจับกุมผู้เสียหายซึ่งเล่นการพนัน ผู้เสียหายต่อสู้โดยฟันจำเลยที่กกหูขวา การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงถูกผู้เสียหายที่หน้าท้อง ในขณะที่มีภยันตรายเพียงนัดเดียวก็เพียงพอแก่การที่จำเลยจะป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่จำเลยยังยิงขาผู้เสียหายขณะผู้เสียหายกำลังหันหลังจะวิ่งหนีและจำเลยยังเข้าทำร้ายผู้เสียหายขณะล้มลงอีก โดยผู้เสียหายหมดโอกาสทำร้ายจำเลย การกระทำของจำเลยในตอนนี้จึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69
of 58