พบผลลัพธ์ทั้งหมด 225 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกายกฟ้องคดีพยายามฆ่าและอาวุธปืน เหตุพยานหลักฐานโจทก์มีข้อสงสัย ไม่น่าเชื่อถือ
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้กระทำผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ,72 ทวิ แต่ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทหนักให้จำคุก 6 เดือนและศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ให้ปรับ 100 บาท ซึ่งเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและโทษจำคุกไม่เกินห้าปีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องไปถึงความผิดฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตที่ยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยจำเลยต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225 เพราะเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความผิดฐานพาอาวุธปืนและการแก้ไขโทษ
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้กระทำผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร ตาม ป.อ.มาตรา 371เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 371 และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ แต่ให้ลงโทษตามพ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ ซึ่งเป็นบทหนักให้จำคุก 6 เดือน และศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ.มาตรา 371 ให้ปรับ 100 บาท ซึ่งเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและโทษจำคุกไม่เกินห้าปีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ.มาตรา 218 วรรคแรก
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องไปถึงความผิดฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตที่ยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยจำเลยต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ.มาตรา 185 ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225 เพราะเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องไปถึงความผิดฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตที่ยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยจำเลยต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ.มาตรา 185 ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225 เพราะเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1367/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกาศนียบัตรผู้ใหญ่ไม่ใช่เอกสารสิทธิปลอม การปลอมแปลงเอกสารราชการแต่ไม่เข้าข่ายเอกสารสิทธิ
ประกาศนียบัตรหลักสูตรการศึกษาผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสร็จขั้นพื้นฐาน(ประถมศึกษาปีที่ 4) เป็นเอกสารราชการที่แสดงว่า ผู้ได้รับประกาศนียบัตรนั้นจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ไม่ได้เป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวนหรือระงับซึ่งสิทธิประกาศนียบัตรดังกล่าวจึงเป็นเอกสารราชการ แต่ไม่ใช่เอกสารสิทธิ ข้อนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาในชั้นอุทธรณ์มีเหตุสมควรลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แม้จำเลยที่ 1 จะไม่ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัยลดโทษให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1367/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกาศนียบัตรผู้ใหญ่ไม่ใช่เอกสารสิทธิ แต่เป็นเอกสารราชการ, ศาลมีอำนาจลดโทษแม้ไม่ฎีกา
ประกาศนียบัตรหลักสูตรการศึกษาผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสร็จขั้นพื้นฐาน (ประถมศึกษาปีที่ 4) เป็นเอกสารราชการที่แสดงว่า ผู้ได้รับประกาศนียบัตรนั้นจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4ไม่ได้เป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวนหรือระงับซึ่งสิทธิ ประกาศนียบัตรดังกล่าวจึงเป็นเอกสารราชการ แต่ไม่ใช่เอกสารสิทธิ
ข้อนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาในชั้นอุทธรณ์ มีเหตุสมควรลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แม้จำเลยที่ 1 จะไม่ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัยลดโทษให้ได้
ข้อนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาในชั้นอุทธรณ์ มีเหตุสมควรลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แม้จำเลยที่ 1 จะไม่ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัยลดโทษให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1316/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างและการจ่ายค่าชดเชย: ศาลฎีกาวินิจฉัยการรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานใหม่ ไม่ผูกพันตามกฎหมายแรงงานสัมพันธ์เดิม
มาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518เป็นกรณีต่อเนื่องมาจากมาตรา 19 ซึ่งเป็นเรื่องข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างอันเกิดจากข้อเรียกร้อง ข้อตกลงนี้จึงมีผลผูกพันระหว่างนายจ้างและลูกจ้างในขณะที่ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นและมีผลใช้บังคับเท่านั้น จำเลยที่ 1 รับโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 ที่ 6และที่ 7 กลับเข้าทำงานใหม่โดยมิใช่เป็นการรับกลับเข้าทำงานตามสภาพการจ้างเดิม จึงมิใช่กรณีจะนำบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวมาใช้บังคับ ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงมาแล้วว่าอย่างไร จะอุทธรณ์ให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงผิดไปจากที่ศาลแรงงานกลางฟังมาไม่ได้ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1228/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการพยายามชิงทรัพย์: การกระทำสนับสนุนและอยู่ในที่เกิดเหตุพร้อมช่วยเหลือ
คำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ให้ด้วยความสมัครใจเป็นข้อสนับสนุนคำเบิกความของผู้เสียหายให้มีน้ำหนักรับฟังได้ จำเลยกับ ว. คบคิดกันจะขอเงินผู้เสียหาย 20 บาท หากผู้เสียหายไม่ให้จะใช้มีดจี้ขู่เอาเงิน ดังนั้นการที่จำเลยบอกให้ว. ใช้มีดจี้ขู่ผู้เสียหายหลังจากที่ผู้เสียหายไม่ยอมให้เงินตามที่จำเลยกับ ว. พูดขอถือว่าเป็นการกระทำส่วนหนึ่งของการที่ว. ใช้มีดจี้ขู่ผู้เสียหายตามที่ได้คบคิดกันมาก่อนแล้ว และจำเลยยังอยู่ในที่เกิดเหตุในลักษณะพร้อมจะช่วยเหลือ ว. แต่เมื่อจำเลยไม่ได้ทรัพย์สินไปจากผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกับว. พยายามชิงทรัพย์ผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1162/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยการใช้ต่อเนื่องแม้กรรมสิทธิ์เปลี่ยนมือ การใช้แทนโจทก์ทำให้ระยะเวลาต่อเนื่องนับรวมได้
แม้โจทก์จะเพิ่งปลูกบ้านในที่ดินโฉนดเลขที่ 58 เมื่อปลายปี2519 ซึ่งเชื่อได้ว่าโจทก์ได้ใช้ทางเดินพิพาทด้วยตนเองเดินออกสู่ถนนทางสาธารณะตั้งแต่นั้นมาจนกระทั่งจำเลยปิดกั้นทางเดินพิพาทเมื่อเดือนเมษายน 2528 รวมเวลาที่โจทก์ใช้ทางเดินพิพาทด้วยตนเองไม่ถึง 10 ปี ก็ตาม แต่โจทก์ก็รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 58มาจาก ฟ.ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของเดิมมาตั้งแต่ปี2515ซึ่งฟ.และครอบครัวได้ใช้ทางเดินพิพาทเดินออกถนนสาธารณะมาตั้งแต่ปี 2515ตลอดมา การใช้ทางเดินพิพาทของ ฟ. และครอบครัวก่อนที่โจทก์จะเข้ามาปลูกบ้านในที่ดินจึงเป็นการใช้แทนโจทก์ เมื่อรวมระยะเวลาตั้งแต่ ฟ. และครอบครัวใช้ทางเดินพิพาทแทนโจทก์ ในปี2515 ตลอดมาจนกระทั่งโจทก์ใช้ทางเดินพิพาทด้วยตนเองในปี2519 ต่อ ๆ มาจนจำเลยปิดกั้นทางเดินพิพาทเมื่อเดือนเมษายน2528 ก็เป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว ทางเดินพิพาทจึงตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 58 ของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1162/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งภาระจำยอมโดยการใช้ต่อเนื่องและการใช้แทนเจ้าของที่ดิน
โจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินมาจากนายฟุ้งเจ้าของเดิมตั้งแต่ปี 2515 เพิ่งจะมาปลูกบ้านในที่ดินและใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินออกสู่ถนนสาธารณะตั้งแต่ปี 2519 ซึ่งเมื่อนับเวลาที่โจทก์ใช้ทางพิพาทด้วยตนเองจนกระทั่งจำเลยปิดกั้นทางพิพาทเมื่อปี 2528 จะยังไม่ถึง 10 ปีก็ตามแต่นายฟุ้งและครอบครัวได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินออกสู่ถนนสาธารณะมาตั้งแต่ปี 2515 ตลอดมาการใช้ทางพิพาทของนายฟุ้งและครอบครัวก่อนที่โจทก์จะเข้ามาปลูกบ้านจึงเป็นการใช้แทนโจทก์เมื่อรวมระยะเวลาตั้งแต่นายฟุ้งและครอบครัวใช้ทางพิพาทแทนโจทก์ในปี 2515 ตลอดมา จนกระทั่งโจทก์ใช้ทางพิพาทด้วยตนเองในปี 2519 ต่อ ๆ มา จนจำเลยปิดกั้นทางพิพาทก็เป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว ทางพิพาทจึงตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1162/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งภาระจำยอมโดยการใช้ทางต่อเนื่องและการใช้แทนเจ้าของที่ดิน
โจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินมาจากนายฟุ้งเจ้าของเดิมตั้งแต่ปี 2515 เพิ่งจะมาปลูกบ้านในที่ดินและใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินออกสู่ถนนสาธารณะตั้งแต่ปี 2519 ซึ่งเมื่อนับเวลาที่โจทก์ใช้ทางพิพาทด้วยตนเองจนกระทั่งจำเลยปิดกั้นทางพิพาทเมื่อปี 2528 จะยังไม่ถึง 10 ปีก็ตามแต่นายฟุ้งและครอบครัวได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินออกสู่ถนนสาธารณะมาตั้งแต่ปี 2515 ตลอดมาการใช้ทางพิพาทของนายฟุ้งและครอบครัวก่อนที่โจทก์จะเข้ามาปลูกบ้านจึงเป็นการใช้แทนโจทก์เมื่อรวมระยะเวลาตั้งแต่นายฟุ้งและครอบครัวใช้ทางพิพาทแทนโจทก์ในปี 2515 ตลอดมา จนกระทั่งโจทก์ใช้ทางพิพาทด้วยตนเองในปี 2519 ต่อ ๆ มา จนจำเลยปิดกั้นทางพิพาทก็เป็นเวลาเกินกว่า10 ปีแล้ว ทางพิพาทจึงตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1141/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาททั้งสองฝ่ายในอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้ค่าเสียหายตกเป็นพับ
ช.ขับรถยนต์ของโจทก์แซงรถผู้อื่นใกล้กับสี่แยกแล้วขับเข้าไปในบริเวณสี่แยกด้วยความเร็ว นับว่าเป็น การกระทำโดยประมาท สำหรับจำเลยที่ 1เมื่อขับรถมาถึงสี่แยกก็ชอบที่จะลดความเร็วของรถลงและตรวจดูให้ปลอดภัยเสียก่อนที่จะขับรถเข้าไปบริเวณสี่แยกแต่จำเลยที่ 1 กลับขับรถด้วยความเร็วโดยประมาทเข้าไปในสี่แยกที่เกิดเหตุ จึงเกิดชนกับรถยนต์ของโจทก์นับได้ว่าทั้งช.และจำเลยที่ 1 ต่างขับรถด้วยความประมาทไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่รถยนต์ของโจทก์และรถยนต์ของจำเลยที่ 2ซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 ค่าเสียหายจึงตกเป็นพับทั้งสองฝ่าย