พบผลลัพธ์ทั้งหมด 225 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2491/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการซื้อขายที่ดินโดยไม่สุจริต ศาลฎีกาวินิจฉัยสิทธิในที่ดินพิพาท
จำเลยที่ 1 ให้การไว้ว่าโจทก์ซื้อที่ดินจาก จ. โดยไม่สุจริตศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์หรือจำเลยที่ 1 ใครมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่ากัน ถือว่าเป็นการกำหนดครอบคลุมถึงประเด็นที่ว่าโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทมาโดยสุจริตหรือไม่ด้วย โจทก์ซื้อที่ดินมีโฉนดจาก จ. โดยจดทะเบียนถูกต้อง ก่อนซื้อจ. บอกว่าได้ให้จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่ในที่พิพาท และโจทก์ก็เห็นจำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่ในที่พิพาทมากว่า 10 ปี แต่โจทก์ไม่ได้สอบถามจำเลยที่ 1 ว่าอาศัย จ. อยู่ในที่พิพาทจริงหรือไม่ถือว่าโจทก์ซื้อที่พิพาทมาจาก จ. โดยไม่สุจริต จำเลยที่ 1ย่อมยกการครอบครองปรปักษ์ที่พิพาทขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2466/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมาชิกพรรคไม่มีอำนาจฟ้องคดีการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค เหตุอำนาจอยู่ที่นายทะเบียนและศาลฎีกา
ตามฟ้องโจทก์ทั้งหกอ้างว่าจำเลยที่ 1 เป็นพรรคการเมือง โจทก์ทั้งหกเป็นสมาชิกพรรคจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ในฐานะหัวหน้าพรรคได้จัดให้มีการประชุมใหญ่สมาชิกพรรคทั่วประเทศเพื่อพิจารณาความเห็นในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับของพรรคเสียใหม่ เมื่อมีการแก้ไขบังคับใหม่แล้ว จำเลยที่ 2 ในฐานะหัวหน้าพรรคไม่ได้นำข้อบังคับใหม่ไปจดทะเบียนต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง แต่กลับนำมาดำเนินการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคทันทีในวันเดียวกันนั้น อันเป็นการนำข้อบังคับที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายมาใช้บังคับแก่สมาชิกพรรค การกระทำของจำเลยที่ 2 ทำให้โจทก์ทั้งหกและสมาชิกพรรคได้รับความเสียหายนั้นในข้อที่เกี่ยวกับการใช้สิทธิทางศาลกรณีมีการอ้างว่าหัวหน้าพรรคการเมืองจัดให้พรรคการเมืองกระทำการใด ๆ ที่มิชอบนั้น พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524 บัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมืองที่จะดำเนินการโดยเฉพาะ โดยตามมาตรา 34นายทะเบียนมีอำนาจเตือนเป็นหนังสือให้หัวหน้าพรรคการเมืองระงับหรือจัดการแก้ไขการกระทำเช่นนั้น และหากหัวหน้าพรรคการเมืองไม่ปฏิบัติ นายทะเบียนอาจยื่นคำร้องเพื่อให้ศาลฎีกามีคำสั่งระงับหรือจัดการแก้ไขการกระทำนั้นหรือให้หัวหน้าพรรคการเมืองออกจากตำแหน่งได้ และตามมาตรา 48 ประกอบมาตรา 47 หากการกระทำรุนแรงถึงขนาด นายทะเบียนอาจแจ้งต่ออธิบดีกรมอัยการให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกามีคำสั่งยุบเลิกพรรคการเมืองเสียได้ หาได้มีบทบัญญัติใดในพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524 ที่บัญญัติให้สมาชิกพรรคการเมืองใช้สิทธิทางศาลไม่โจทก์ทั้งหกจึงไม่มีสิทธิที่จะนำคดีมาให้ศาลวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคจำเลยที่ 1ตามข้อบังคับใหม่ปี 2530 เป็นโมฆะส่วนในข้อที่ว่ามีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ทั้งหกตามกฎหมายแพ่งหรือไม่นั้น ตราบใดที่โจทก์ทั้งหกยังไม่ได้ถูกบังคับให้กระทำหรืองดเว้นกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดโดยอาศัยอำนาจจากการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคจำเลยที่ 1 ใหม่ สิทธิและหน้าที่ของโจทก์ทั้งหกมีอยู่อย่างไรก็มีอยู่อย่างนั้น ข้ออ้างตามฟ้องที่ว่าจำเลยที่ 2 ในฐานะหัวหน้าพรรคจำเลยที่ 1 ดำเนินการประชุมเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคโดยมิชอบ จึงเป็นเรื่องของความขัดแย้งกันในทางความคิดเท่านั้น กรณียังไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ทั้งหกตามกฎหมายแพ่ง โจทก์ทั้งหกจึงไม่มีอำนาจฟ้องตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2466/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของสมาชิกพรรคการเมือง: สิทธิทางศาลต้องมีกฎหมายรองรับเฉพาะเจาะจง
ไม่มีบทบัญญัติใดในพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524ที่บัญญัติให้สมาชิกพรรคการเมืองใช้สิทธิทางศาลได้ โจทก์ในฐานะสมาชิกพรรคจำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิที่จะนำคดีมาให้ศาลวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคตามข้อบังคับใหม่เป็นโมฆะและตราบใดที่โจทก์ยังไม่ถูกบังคับให้กระทำหรืองดเว้นกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งโดยอาศัยอำนาจจากการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคใหม่สิทธิและหน้าที่ของโจทก์มีอยู่อย่างไร ก็มีอยู่อย่างนั้น ข้ออ้างที่ว่าจำเลยที่ 2 ในฐานะหัวหน้าพรรคดำเนินการประชุมเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคโดยมิชอบนั้น เป็นเพียงความขัดแย้งกันในทางความคิด กรณียังไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ตามกฎหมายแพ่ง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2466/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการใช้สิทธิทางศาลเพื่อจัดการพรรคการเมืองเป็นอำนาจของนายทะเบียนพรรคการเมือง สมาชิกพรรคไม่มีอำนาจฟ้อง
การใช้สิทธิทางศาลที่อ้างว่า หัวหน้าพรรคการเมืองจัดให้พรรคการเมืองกระทำการใด ๆ อันมิชอบนั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมืองที่จะดำเนินการโดยเฉพาะ ตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ศ. 2524 มาตรา 34 และมาตรา 48 ประกอบมาตรา 37หาได้มีบทบัญญัติใน พ.ร.บ. ดังกล่าวให้อำนาจสมาชิกพรรคการเมืองใช้สิทธินั้นไม่ การที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 2 ในฐานะหัวหน้าพรรคการเมืองจำเลยที่ 1 นำข้อบังคับใหม่ซึ่งยังไม่ได้จดทะเบียนต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ไปดำเนินการบังคับใช้เลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค อันเป็นการนำข้อบังคับที่มิชอบด้วยกฎหมายมาใช้บังคับแก่สมาชิกพรรคนั้น ตราบใดที่โจทก์ทั้งหกยังไม่ได้ถูกบังคับให้กระทำหรืองดเว้นกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดโดยอาศัยอำนาจจากการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคจำเลยที่ 1 ใหม่จึงเป็นเรื่องของความขัดแย้งกันในทางความคิดเท่านั้น กรณียังไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ตามกฎหมายแพ่ง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2177/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้าง การที่นายจ้างเรียกรับเงินเดือนนอกรอบถือเป็นการเลิกจ้าง และคำให้การที่ขัดแย้งกันเอง
กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทจำเลยสั่งพนักงานการเงินของจำเลยคิดเงินเดือนที่ผ่านมาให้แก่โจทก์และเรียกโจทก์มารับเงินโจทก์เข้ามาในบริษัทแต่ไม่ยอมรับเงินการที่กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทเรียกโจทก์มารับเงินค่าจ้างสำหรับระยะเวลาทำงานของโจทก์ที่ผ่านมาทั้งๆที่วันนั้นมิใช่วันจ่ายเงินเดือนตามปกติของจำเลยถือได้ว่าจำเลยได้เลิกจ้างโจทก์แล้ว โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้เลิกจ้างโจทก์แต่โจทก์ได้ออกจากงานไปเองและโจทก์ได้กล่าวต่อลูกค้าของจำเลยว่าบริษัทเฮงซวยไปซื้อสินค้ามันทำไมอันเป็นการกระทำความผิดต่อนายจ้างทำให้จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงจำเลยจึงมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์เป็นคำให้การที่ขัดแย้งกันเองกล่าวคือจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้เลิกจ้างโจทก์แต่โจทก์ออกจากงานไปเองแล้วกลับอ้างว่าจำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ดังนั้นประเด็นข้อพิพาทจึงมีเพียงว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์หรือไม่คดีไม่มีประเด็นว่าจำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์หรือไม่เพราะการที่จะเกิดประเด็นว่าจำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์หรือไม่จะต้องเป็นกรณีที่จำเลยยอมรับว่าจำเลยได้เลิกจ้างโจทก์เสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2177/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้าง: การเรียกรับเงินเดือนนอกวันจ่ายปกติถือเป็นการเลิกจ้าง และคำให้การที่ขัดแย้งกันย่อมไร้ผล
กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทจำเลยสั่งพนักงานการเงินของจำเลยคิดเงินเดือนที่ผ่านมาให้แก่โจทก์และเรียกโจทก์มารับเงินโจทก์เข้ามาในบริษัทแต่ไม่ยอมรับเงิน การที่กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทเรียกโจทก์มารับเงินค่าจ้างสำหรับระยะเวลาทำงานของโจทก์ที่ผ่านมา ทั้ง ๆ ที่วันนั้นมิใช่วันจ่ายเงินเดือนตามปกติของจำเลยถือได้ว่าจำเลยได้เลิกจ้างโจทก์แล้ว โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยไม่ได้เลิกจ้างโจทก์ แต่โจทก์ได้ออกจากงานไปเอง และโจทก์ได้กล่าวต่อลูกค้าของจำเลยว่า บริษัทเฮงซวยไปซื้อสินค้ามันทำไมอันเป็นการกระทำความผิดต่อนายจ้าง ทำให้จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง จำเลยจึงมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์เป็นคำให้การที่ขัดแย้งกันเอง กล่าวคือจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้เลิกจ้างโจทก์ แต่โจทก์ออกจากงานไปเองแล้วกลับอ้างว่าจำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ ดังนั้นประเด็นข้อพิพาทจึงมีเพียงว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์หรือไม่ คดีไม่มีประเด็นว่าจำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์หรือไม่ เพราะการที่จะเกิดประเด็นว่าจำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์หรือไม่ จะต้องเป็นกรณีที่จำเลยยอมรับว่าจำเลยได้เลิกจ้างโจทก์เสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2074/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการปลอมเอกสาร: พยานหลักฐานต้องชัดเจนถึงเจตนาและบทบาทของผู้สนับสนุน
โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมานำสืบให้เห็นได้ว่าจำเลยเป็นผู้สนับสนุนการที่ผู้อื่นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ โดยการขูดลบหมายเลขทะเบียนที่พานท้ายอาวุธปืนของกลาง ซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้นในหน้าที่ อันเป็นเอกสารราชการอันเดิมแล้วแก้ไขตอกหมายเลขใหม่แทน โจทก์คงมีแต่คำรับของจำเลยในชั้นสอบสวนว่า จำเลยได้ลบหมายเลขทะเบียนเดิมของอาวุธปืนของกลาง แล้วทำหมายเลขทะเบียนขึ้นใหม่ อันเป็นพยานบอกเล่าเท่านั้น ทั้งยังปรากฏจากคำเบิกความของ ส. พนักงานสอบสวนผู้ทำบันทึกคำให้การดังกล่าวว่าเกี่ยวกับความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอมนั้น จำเลยให้การรับแต่เพียงว่าหมายเลขทะเบียนที่พานท้ายปืนไม่ตรงกับหมายเลขประจำปืน มิได้รับสารภาพว่าจำเลยเป็นผู้ปลอมเอกสาร พยานหลักฐานโจทก์จึงยังไม่เพียงพอที่จะฟังเอาผิดแก่จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2072/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีวิ่งราวทรัพย์โดยอาศัยพยานหลักฐานจากผู้เสียหายที่จำได้ลักษณะคนร้าย
ผู้เสียหายมีโอกาสเห็นคนร้ายที่ผู้เสียหายอ้างว่าคือจำเลยในระยะใกล้ถึงสองครั้ง ประกอบทั้งคนร้ายที่ผู้เสียหายอ้างว่าคือจำเลยนี้มีหน้าตาคล้าย พ. ซึ่งเป็นคนที่ผู้เสียหายรู้จักเช่นนี้จึงมีเหตุที่ผู้เสียหายจะจดจำคนร้ายคนนี้ได้เป็นพิเศษที่ผู้เสียหายอ้างว่าจำคนร้ายได้ในขณะที่เห็นทั้งสองครั้งจึงสมเหตุสมผล และหากผู้เสียหายจำไม่ได้แน่ชัดว่าจำเลยเป็นคนร้ายแล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผู้เสียหายจะชี้บอกสามีผู้เสียหายว่าจำเลยเป็นคนร้าย และต่อมาได้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมจำเลยแล้วหลังจากนั้นผู้เสียหายก็ยังชี้ตัวจำเลยยืนยันว่าเป็นคนร้าย ซึ่งเป็นข้อสนับสนุนให้เห็นว่าผู้เสียหายจำได้โดยแน่ชัดว่าจำเลยเป็นคนร้าย ดังนี้ พยานหลักฐานของโจทก์ฟังได้โดยแจ้งชัดปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยเป็นคนร้ายที่วิ่งราวทรัพย์ผู้เสียหายด้วยคนหนึ่ง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1989/2535 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเลิกจ้างพนักงาน: ภรรยาผู้บริหารไม่มีอำนาจ
ภรรยาของกรรมการผู้จัดการของจำเลยมิใช่กรรมการผู้จัดการของจำเลยที่จะมีอำนาจเลิกจ้างพนักงานหรือลูกจ้างของจำเลยได้ และภรรยาของกรรมการผู้จัดการของจำเลยมิได้รับมอบหมายจากกรรมการผู้จัดการของจำเลยให้มีอำนาจเลิกจ้างพนักงานหรือลูกจ้างของจำเลย ภรรยาของกรรมการผู้จัดการของจำเลยจึงไม่มีอำนาจเลิกจ้างโจทก์ซึ่งเป็นพนักงาน การที่ภรรยากรรมการผู้จัดการของจำเลยบอกโจทก์ไม่ให้มาทำงานต่อไป ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1989/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเลิกจ้างพนักงานต้องมาจากกรรมการผู้จัดการ หรือผู้ได้รับมอบหมายจากกรรมการฯ การกระทำของภรรยาผู้บริหารจึงไม่ถือเป็นการเลิกจ้าง
ภรรยาของกรรมการผู้จัดการของจำเลยมิใช่กรรมการผู้จัดการของจำเลยที่จะมีอำนาจเลิกจ้างพนักงานหรือลูกจ้างของจำเลยได้และภรรยาของกรรมการผู้จัดการของจำเลยมิได้รับมอบหมายจากกรรมการผู้จัดการของจำเลยให้มีอำนาจเลิกจ้างพนักงานหรือลูกจ้างของจำเลย ภรรยาของกรรมการผู้จัดการของจำเลยจึงไม่มีอำนาจเลิกจ้างโจทก์ซึ่งเป็นพนักงาน การที่ภรรยากรรมการผู้จัดการของจำเลยบอกโจทก์ไม่ให้มาทำงานต่อไป ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์