พบผลลัพธ์ทั้งหมด 325 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3285/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปกปิดโรคประจำตัวก่อนทำสัญญาประกันชีวิตทำให้สัญญาเป็นโมฆียะ
การที่ ล.ปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับการเป็นโรคตับต่อจำเลยที่ 1ในเวลาทำสัญญาประกันชีวิต ซึ่งหากจำเลยที่ 1 รู้ว่า ล.เป็นโรคตับอันเป็นโรคที่ร้ายแรง จำเลยที่ 1 จะบอกปัดไม่ยอมรับประกันชีวิต สัญญาจึงเป็นโมฆียะ เมื่อจำเลยที่ 1 ทราบเหตุแห่งการบอกล้างวันที่ 13 กันยายน 2529 และจำเลยที่ 1มีหนังสือลงวันที่ 3 ตุลาคม 2529 บอกล้างต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผูกพันตามสัญญาที่จะต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3271/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่อนุญาตให้ยื่นคำให้การ ต้องดำเนินการก่อนศาลมีคำพิพากษา หากมิได้ทำตาม จะเสียสิทธิ
การที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 2 ยื่นคำให้การก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เป็นการอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นในระหว่างพิจารณา ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(1) เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว จำเลยที่ 2 ก็มิได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว สิทธิในการอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 จึงเป็นอันยุติ ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 2 ยื่นคำให้การของจำเลยที่ 2 จึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3270/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายจากการรับเช็คสลักหลังเพื่อชำระหนี้
เช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยที่ 1 สั่งจ่าย โดยมีจำเลยที่ 2ลงลายมือชื่อสลักหลังมอบให้แก่โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้แลกเงินสดทั้งเป็นเช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือโจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3249/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาละเมิดอำนาจศาลและการไม่เป็นผู้เสียหายในการอุทธรณ์ฎีกา
ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลเป็นความผิดต่อศาล และการลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลย่อมเป็นอำนาจของศาลโดยเฉพาะ หากกรณีละเมิดอำนาจศาลได้กระทำต่อหน้าศาล ศาลย่อมพิพากษาลงโทษไปได้โดยไม่ต้องมีการไต่สวน หากมิได้กระทำต่อหน้าศาล ศาลจะต้องทำการไต่สวนหาข้อเท็จจริงก่อนมีคำสั่ง การที่จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองได้กระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนข้อเท็จจริงนั้น ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยว่าสมควรจะทำการไต่สวนหาข้อเท็จจริงตามคำร้องของจำเลยหรือไม่เมื่อเห็นว่าไม่สมควรที่จะทำการไต่สวน ก็ชอบที่จะยกคำร้องเสียได้ดังนั้น คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ไต่สวนข้อเท็จจริงดังกล่าวโดยให้ยกคำร้องของจำเลยนั้นเป็นอำนาจของศาลโดยเฉพาะจำเลยย่อมมิใช่ผู้เสียหายอันจะมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งของศาลดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3249/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการวินิจฉัยคำร้องละเมิดอำนาจศาล และสิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา
ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลเป็นความผิดต่อศาล และการลงโทษย่อมเป็นอำนาจของศาลโดยเฉพาะ การที่จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองได้กระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนข้อเท็จจริงนั้น ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยว่าสมควรจะทำการไต่สวนหรือไม่เมื่อเห็นว่าไม่สมควรที่จะทำการไต่สวนก็ชอบที่จะยกคำร้องได้ ดังนั้น คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ไต่สวนดังกล่าว จึงเป็นอำนาจของศาลโดยเฉพาะจำเลยย่อมมิใช่ผู้เสียหายอันจะมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งของศาลนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3201/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันครอบคลุมหนี้ขายลดเช็ค, อายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์สาขาถนนลาดพร้าว ซอย 99 ไม่ใช่สาขาอินทามระที่จำเลยที่ 1นำเช็คมาขายลดในภายหลังซึ่งจำเลยที่ 1 ได้โอนบัญชีมาแล้วสาขาของโจทก์นั้นไม่ว่าสาขาใดก็คือส่วนหนึ่งของโจทก์นั่นเองสัญญาค้ำประกันระบุว่า หนี้รับซื้อลดตั๋วเงินซึ่งรวมถึงหนี้ขายลดเช็คตามฟ้องด้วย จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันต่อโจทก์ สิทธิเรียกร้องตามสัญญาขายลดเช็ค และสัญญาค้ำประกันไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 เดิม(มาตรา 193/30 ที่แก้ไขใหม่) มีอายุความ 10 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3201/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันหนี้ซื้อลดเช็ค: สาขาโจทก์ไม่กระทบความรับผิด อายุความ 10 ปี
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์สาขาถนนลาดพร้าว ซอย 99 ไม่ใช่สาขาอินทามระที่จำเลยที่ 1 นำเช็คมาขายลดในภายหลังซึ่งจำเลยที่ 1 ได้โอนบัญชีมาแล้ว สาขาของโจทก์นั้นไม่ว่าสาขาใดก็คือส่วนหนึ่งของโจทก์นั่นเอง สัญญาค้ำประกันระบุว่า หนี้รับซื้อลดตั๋วเงินซึ่งรวมถึงหนี้ขายลดเช็คตามฟ้องด้วย จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันต่อโจทก์
สิทธิเรียกร้องตามสัญญาขายลดเช็ค และสัญญาค้ำประกันไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องบังคับตาม ป.พ.พ.มาตรา 164เดิม (มาตรา 193/30 ที่แก้ไขใหม่) มีอายุความ 10 ปี
สิทธิเรียกร้องตามสัญญาขายลดเช็ค และสัญญาค้ำประกันไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องบังคับตาม ป.พ.พ.มาตรา 164เดิม (มาตรา 193/30 ที่แก้ไขใหม่) มีอายุความ 10 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3185/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกคืนเงินจากเช็ค: สิทธิของประกัน (อาวัล) เทียบเท่าผู้ค้ำประกัน
โจทก์ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คผู้ถือความรับผิดของโจทก์ย่อมเป็นเพียงอาวัลผู้สั่งจ่ายเมื่อโจทก์ใช้เงินแก่ผู้ทรงไปแล้วย่อมเกิดสิทธิแก่โจทก์ที่จะไล่เบี้ยเอาจากผู้สั่งจ่ายซึ่งเป็นบุคคลซึ่งตนได้ประกันไว้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 940 วรรคท้ายเป็นสิทธิที่มีลักษณะเดียวกับสิทธิของผู้ค้ำประกันซึ่งได้ชำระหนี้แล้วย่อมเกิดสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้เพราะการค้ำประกันนั้น ตามมาตรา 693 วรรคแรก หาใช่สิทธิการรับช่วงสิทธิอื่นเหนือลูกหนี้ตามมาตรา 693 วรรคสองไม่เป็นสิทธิที่เกิดจากนิติกรรมการอาวัลหรือค้ำประกันนั้นเองหาได้รับช่วงสิทธิของผู้ทรงที่มีอยู่ต่อผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทมาไม่ เป็นกรณีที่ไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 เดิม ซึ่งเป็นบททั่วไปและมีอายุความ 10 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3097/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การและผลต่อการนำสืบพยาน
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ คำเบิกความของจำเลยที่อ้างตนเองเป็นพยาน เป็นเพียงเสนอข้อเท็จจริงที่จะเป็นการหักล้างพยานโจทก์ มิได้ก่อให้เกิดประเด็นแห่งคดีในศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3097/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ประเด็นใหม่ที่ไม่เคยยกขึ้นในศาลชั้นต้นเป็นเหตุให้ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยได้
จำเลยทั้งสามขาดนัดยื่นคำให้การและจำเลยได้อ้างตนเอง เบิกความเป็นพยานว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์จำนวน 200,000 บาท โดยออกเช็คไม่ได้ลงวันสั่งจ่ายมอบให้โจทก์ไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาจำเลยได้โอนเงินเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคาร เป็นการ ชำระหนี้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว แต่โจทก์ไม่ยอมคืนเช็คพิพาท กลับกรอกวันสั่งจ่ายแล้วนำไปเรียกเก็บเงินคำเบิกความดังกล่าว เป็นเพียงเสนอข้อเท็จจริงที่จะเป็นการหักล้างพยานโจทก์ ว่าจำเลยทั้งสามได้ชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ แล้วหรือไม่เท่านั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 199 วรรคสอง มิได้ก่อนให้เกินประเด็นแห่งคดีในศาลชั้นต้นการที่จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ว่าโจทก์กรอกวันสั่งจ่ายในเช็คพิพาทโดยไม่สุจริตซึ่งไม่ได้รับความยินยอมจากผู้สั่งจ่ายและในคดีอาญาที่โจทก์ฟ้องจำเลยเกี่ยวกับเช็คพิพาทศาลวินิจฉัยว่าจำเลยมิได้ลงวันออกเช็คจึงไม่มีวันกระทำผิดพิพากษายกฟ้อง จะต้องถือข้อเท็จจริงดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46เช็คพิพาทจึงไม่สมบูรณ์ ตกเป็นโมฆะจำเลยทั้งสามไม่ต้องรับผิดนั้น จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคแรก