คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เริงธรรม ลัดพลี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 325 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประมาทจากการฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจร ไม่ถือเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
เครื่องหมายจราจรเป็นเครื่องหมายที่แสดงให้ผู้ขับรถได้ระมัดระวังเพื่อความปลอดภัยเท่านั้น การที่ผู้เอาประกันภัยค้ำจุนขับรถยนต์ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจรทำให้เกิดเหตุขึ้นไม่ถือว่าเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง อันจะเป็นเหตุให้ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้ได้รับความเสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดพิจารณา-พิจารณาใหม่: การขาดนัดต้องมีคำสั่งศาล การไม่มาศาลในวันสืบพยานครั้งแรกถือขาดนัด
การขาดนัดพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 197 วรรคสอง มีความหมายว่า ในวันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยานเป็นวันแรกในคดีนั้นไม่ว่าจะเป็นพยานฝ่ายใดและไม่ว่าคู่ความฝ่ายใดมีหน้าที่นำสืบก่อน หากคู่ความฝ่ายใดไม่มาศาลในวันนั้นไม่ว่าตนจะมีหน้าที่นำพยานเข้าสืบในวันนั้นหรือไม่ก็เป็นการขาดนัดพิจารณาปรากฏว่าในวันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยานโจทก์ครั้งแรก จำเลยที่ 1 มาศาลการที่จำเลยที่ 1 ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์จำเลยครั้งต่อไป จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณา คู่ความที่จะมีคำขอให้พิจารณาใหม่ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 207 ได้นั้น จะต้องปรากฏว่าศาลได้มีคำสั่งให้เป็นฝ่ายขาดนัดพิจารณาเสียก่อนเมื่อไม่ปรากฏว่าศาลได้มีคำสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณา ดังนี้สิทธิที่จะขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 1 ไม่อาจเกิดขึ้นได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 966/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลที่ไม่รับคำให้การ: การจำกัดสิทธิอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งยก คำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การของจำเลยมิใช่คำสั่งไม่รับคำให้การของจำเลย อันถือว่าเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 จึงเป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณา ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวในระหว่างพิจารณาคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 650/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันฆ่าโดยเจตนา แม้ไม่มีประจักษ์พยาน พยานหลักฐานอื่นประกอบเชื่อได้ว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกระทำผิด
แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานมาสืบยืนยันว่า จำเลยที่ 3 ได้ ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย และคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน ของจำเลยที่ 1 ที่กล่าวอ้างว่า จำเลยที่ 3 ร่วมกระทำผิดด้วยเป็น คำบอกเล่ามีน้ำหนักน้อย แต่โจทก์มีพยานหลักฐานอื่นประกอบให้เห็นว่า คำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 เป็นความจริง และพยานหลักฐาน โจทก์ประกอบคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 3 มีน้ำหนัก รับฟังได้ว่า จำเลยที่ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ใช้ไม้ท่อนวิ่งไล่ตีผู้ตายเข้าไปในสวนยางจนผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 3 จึง มีความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 625/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาลงโทษฐานยักยอกทรัพย์ แม้ฟ้องขอลงโทษฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลอุทธรณ์พิพากษาได้หากไม่ใช่ต่างกันในสาระสำคัญ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,357 ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์สินหายตามมาตรา 352 วรรคสอง แต่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสาม ถือว่าข้อแตกต่างดังกล่าวระหว่างความผิดฐานลักทรัพย์ รับของโจร ยักยอกมิใช่ต่างกันในข้อสาระสำคัญไม่เกินคำขอ หรือเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษทั้งจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้ จึงลงโทษจำเลยฐานยักยอกทรัพย์สินหายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 625/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาเกินคำขอและการฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งในคดีอาญา
ฟ้องขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์ หรือรับของโจร ตาม ป.อ. มาตรา 225,357,83 ข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยยักยอกทรัพย์สินหาย ตามป.อ. มาตรา 352 วรรคสอง ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานยักยอกทรัพย์สินหายได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสาม ข้อแตกต่างระหว่างความผิดฐานลักทรัพย์ รับของโจรยักยอก มิใช่ต่างกันในสาระสำคัญไม่เกินคำขอหรือเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง โดยฎีกาว่า ขอเอาคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเป็นส่วนหนึ่งของคำฎีกาของจำเลย เป็นฎีกาที่มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ชอบแต่ประการใด เป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 225 ประกอบมาตรา 195.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกค่าทดแทนเวนคืน: การวางทรัพย์ต่อสำนักงานวางทรัพย์กลางถือเป็นการวางต่อศาล
การวางทรัพย์ต่อศาลเป็นงานที่เกี่ยวกับการศาลยุติธรรมที่ไม่ใช่การพิจารณาพิพากษาอรรถคดีตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 216 ข้อ 21แม้จะมี พ.ร.ฎ. ให้สำนักงานวางทรัพย์กลางเป็นส่วนราชการ ของกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม การวางทรัพย์ก็ยังคงเป็นงาน ที่เกี่ยวกับการศาลยุติธรรมอยู่ ตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการวางทรัพย์ สำนักงานวางทรัพย์กลาง กรมบังคับคดีฯ ข้อ 2 กำหนดว่า ลูกหนี้ หรือบุคคลภายนอกอาจวางทรัพย์ต่อสำนักงานวางทรัพย์ได้ในกรณี ต่อไปนี้...(5) กรณีตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายอื่น (6) กรณีตามคำสั่ง ศาลภายใต้บทบัญญัติแห่ง กฎหมาย เช่นป.วิ.พ. มาตรา 264 ดังนั้น การวางเงินค่าทดแทนต่อศาลตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ข้อ 67 วรรคแรก ย่อมหมายถึงการวางเงินค่าทดแทนต่อสำนักงาน วางทรัพย์กลาง กรมบังคับคดี จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืน อสังหาริมทรัพย์นำเงินค่าทดแทนที่โจทก์ไม่ยอมรับไปวางต่อสำนักงานวางทรัพย์กลางดังกล่าวถือว่าเป็นการวางเงินค่าทดแทนต่อศาลโจทก์รับเงินแล้ว โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าทดแทนส่วนที่โจทก์เห็นว่า ควรจะได้เมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันวางเงินค่าทดแทนต่อศาล ดังนี้คดีจึงขาดอายุความตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ข้อ 67 วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกค่าทำขวัญ: การวางเงิน ณ สำนักงานวางทรัพย์กลางถือเป็นการวางต่อศาล
การวางเงินค่าทำขวัญต่อศาลตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 290ข้อ 24 วรรคแรก ย่อมหมายถึงการวางเงินค่าทำขวัญต่อ สำนักงานวางทรัพย์กลาง กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เมื่อจำเลย ที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์กระทำในนามของ จำเลยที่ 1 นำเงินค่าทำขวัญสำหรับที่ดินที่โจทก์ถูกเวนคืนที่โจทก์ ไม่ยอมรับไปวางต่อสำนักงานวางทรัพย์กลาง กรมบังคับคดี ย่อมถือว่า เป็นการวางเงินค่าทำขวัญต่อศาลแล้วดังนี้เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกเงิน ค่าทำขวัญที่โจทก์ควรจะได้เมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่ เจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์วางเงินค่าทำขวัญต่อศาล คดีโจทก์ จึงขาดอายุความตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 290 ข้อ 24 วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกค่าทำขวัญเวนคืน: การวางเงินต่อสำนักงานวางทรัพย์กลางถือเป็นการวางต่อศาล
การวางเงินค่าทำขวัญต่อศาลอันเนื่องมาจากการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 290 ข้อ 24 วรรคแรกหมายถึงการวางเงินค่าทำขวัญต่อสำนักงานวางทรัพย์กลางกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ นำเงินค่าทำขวัญสำหรับที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืนที่โจทก์ไม่ยอมรับไปวางต่อสำนักงานวางทรัพย์กลางเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2528 ถือได้ว่าเป็นการวางเงินค่าทำขวัญต่อศาลแล้ว โจทก์ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวไปแล้ว และฟ้องเรียกเงินค่าทำขวัญส่วนที่โจทก์ควรจะได้เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2529พ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่เจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์วางเงินค่าทำขวัญต่อศาล จึงขาดอายุความตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 290 ข้อ 24 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 477/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คดีอาญา: ข้อจำกัดการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามกฎหมายศาลแขวงและศาลจังหวัด
การพิจารณาว่าจำเลยที่ 2 จะอุทธรณ์ได้หรือไม่ ต้องพิจารณาตามบทกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะยื่นอุทธรณ์ ปรากฏว่าขณะจำเลยที่ 2 ยื่นอุทธรณ์พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22(4) ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2532 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัดพ.ศ. 2520 มาตรา 3 บัญญัติเป็นข้อยกเว้นให้จำเลยอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้ ในกรณีที่ถ้าจำเลยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษปรับเกินหนึ่งพันบาท ดังนั้น เมื่อศาลจังหวัดกาญจนบุรีพิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ 2 เพียงหนึ่งพันบาท จึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
of 33