คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ปรีชา เฉลิมวณิชย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,328 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5273/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิภารจำยอม: การใช้ทางจำเป็นเพื่อรักษาและใช้สิทธิ แม้มีการถมทางเพื่อปรับระดับให้เสมอถนนสาธารณะ
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1391 เจ้าของสามยทรัพย์มีสิทธิที่ทำการถมทางภารจำยอมเพื่อเป็นการรักษาและใช้ภารจำยอมเนื่องจากทางราชการได้ก่อสร้างถนนของทางราชการสูงกว่าทางภารจำยอม จึงต้องถมทางภารจำยอมให้สูงเสมอ กับถนนของทางราชการได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5273/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทางภารจำยอมอาจเกิดขึ้นได้แม้มีทางออกอื่น และการถมดินเพื่อรักษาทางภารจำยอมไม่ถือเป็นการละเมิด
ที่ดินแปลงหนึ่งแม้มีทางออกสู่ถนนสาธารณะแล้วก็อาจก่อให้เกิดทางภารจำยอมทางอื่นโดยอายุความอีกได้ การที่เจ้าของสามยทรัพย์ถมทางภารจำยอมให้สูงเท่ากับทางสาธารณะเพื่อเป็นการรักษาและใช้ทางภารจำยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1391ไม่เป็นการละเมิดต่อเจ้าของภารยทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5273/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทางภาระจำยอมโดยอายุความและการถมดินเพื่อรักษาทาง
ที่ดินแปลงหนึ่งแม้มีทางออกสู่ถนนสาธารณะแล้ว ก็อาจก่อให้เกิดทางภาระจำยอมทางอื่นโดยอายุความอีกได้
การที่เจ้าของสามยทรัพย์ถมทางภาระจำยอมให้สูงเท่ากับทางสาธารณะเพื่อเป็นการรักษาและใช้ทางภาระจำยอม ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1391ไม่เป็นการละเมิดต่อเจ้าของภารยทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5223/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมีทุนทรัพย์ตามราคาที่ดิน แม้มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์ ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงหากราคาที่ดินต่ำกว่าเกณฑ์
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยปักหลักหินบุกรุกเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน เป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องและให้จำเลยรื้อถอนหลักหินออกไปจากที่ดินพิพาทจำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยปักหลักหินบุกรุกเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยครอบครองมาเกิน 10 ปีแล้วขอให้ยกฟ้อง เป็นการฟ้องเรียกร้องให้ได้ที่ดินพิพาทกลับคืนมาเป็นของโจทก์ ส่วนที่โจทก์ห้ามมิให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องและให้รื้อถอนหลักหินออกไปจากที่ดินพิพาทนั้นเป็นเพียงคำขอเกี่ยวเนื่อง คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์ตามจำนวนราคาของที่ดินพิพาทนั้น เมื่อที่ดินพิพาทมีราคาเพียง 50,000 บาทจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5187/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นข้อพิพาทใหม่ในชั้นฎีกา: การไม่ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นและอุทธรณ์
แม้ศาลชั้นต้นจะกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่า เช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้และโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากจำเลยที่ 3 โดยคบคิดกันฉ้อฉลหรือไม่เนื่องจากจำเลยที่ 1 ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ และจำเลยที่ 2 ได้อุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นไว้ในชั้นอุทธรณ์ แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 มิได้ยกประเด็นดังกล่าวขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การจึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้ จำเลยมิได้ฎีกาโต้แย้งว่าที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยนั้นเป็นการไม่ชอบอย่างไร คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวจึงมีผลเท่ากับว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้อุทธรณ์ประเด็นที่ว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลและโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากจำเลยที่ 3 โดยคบคิดกันฉ้อฉลในชั้นอุทธรณ์ต้องถือว่าประเด็นข้างต้นที่จำเลยที่ 2 ยกขึ้นอ้างอิงในชั้นฎีกานั้นเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาที่ไม่ชอบที่จะรับไว้พิจารณา ตามป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5163/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในคุณสมบัติทรัพย์สิน: สัญญาเช่าเป็นโมฆียะและโมฆะ
การทำสัญญาเช่าที่ดินเพื่อขุดหาพลอยนั้น คุณสมบัติของที่ดินที่เช่าที่ว่ามีการขุดหาพลอยมาก่อนแล้วหรือไม่ย่อมเป็นสาระสำคัญ เมื่อที่ดินที่เช่ามีการขุดหาพลอยมาก่อนแล้วแต่ผู้เช่าทำสัญญาเช่าโดยเข้าใจว่าที่ดินที่เช่ายังไม่ได้มีการขุดหาพลอยมาก่อน จึงเป็นการแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของทรัพย์สินซึ่งตามปกติถือว่าเป็นสาระสำคัญ สัญญาเช่าที่ดินเป็นโมฆียะ เมื่อผู้เช่าบอกล้างโมฆียะกรรมโดยการบอกเลิกสัญญาเช่าและขอเช็คที่มอบให้เพื่อชำระค่าเช่าคืนจากผู้ให้เช่า สัญญาเช่าจึงเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรก คู่สัญญาต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม ผู้ให้เช่าต้องคืนเช็คที่ชำระค่าเช่าแก่ผู้เช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5163/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โมฆียะสัญญาเช่าจากสำคัญผิดในคุณสมบัติทรัพย์สิน ผู้รับเช็คทราบมูลหนี้ระงับ ฟ้องเรียกเงินไม่ได้
การทำสัญญาเช่าที่ดินเพื่อขุดหาพลอยนั้นคุณสมบัติของที่ดินที่เช่าที่ว่ามีการขุดหาพลอยมาก่อนแล้วหรือไม่ย่อมเป็นสาระสำคัญเมื่อที่ดินที่เช่ามีการขุดหาพลอยมาก่อนแล้วแต่ผู้เช่าทำสัญญาเช่าโดยเข้าใจว่าที่ดินที่เช่ายังไม่ได้มีการขุดหาพลอยมาก่อนจึงเป็นการแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของทรัพย์สินซึ่งตามปกติถือว่าเป็นสาระสำคัญสัญญาเช่าที่ดินเป็นโมฆียะเมื่อผู้เช่าบอกล้างโมฆียะกรรมโดยการบอกเลิกสัญญาเช่าและขอเช็คที่มอบให้เพื่อชำระค่าเช่าคืนจากผู้ให้เช่าสัญญาเช่าจึงเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรกคู่สัญญาต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิมผู้ให้เช่าต้องคืนเช็คที่ชำระค่าเช่าแก่ผู้เช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5120/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันภัยยังใช้ได้แม้มีการโอนกรรมสิทธิ์รถ หากทำสัญญาประกันภัยขณะยังเป็นเจ้าของ และมีการใช้ค่าสินไหมทดแทน
แม้ระหว่างเกิดเหตุ ช. จะโอนกรรมสิทธิ์รถแท็กซี่เพื่อเข้าร่วมกิจการกับสหกรณ์ ส. แล้วแต่ขณะทำสัญญาประกันภัย ช.ยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถแท็กซี่คันดังกล่าวอยู่จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียมีสิทธิที่จะทำสัญญาประกันภัยเมื่อสัญญาประกันภัยมีผลบังคับได้ตามกฎหมายโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยซึ่งใช้ค่าสินไหมทดแทนไปย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5120/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันภัยรถยนต์: การรับช่วงสิทธิของผู้รับประกันภัยเมื่อชำระค่าสินไหมทดแทน และผลของการโอนกรรมสิทธิ์
ช. ทำสัญญาประกันภัยรถแท็กซี่ไว้กับโจทก์ ต่อมารถแท็กซี่ซึ่ง น. ขับไปถูกรถยนต์ของจำเลยชน แม้ระหว่างเกิดเหตุ ช. จะโอนกรรมสิทธิ์รถแท็กซี่เพื่อเข้าร่วมกิจการกับสหกรณ์แล้ว แต่ขณะทำสัญญาประกันภัย ช.ยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถแท็กซี่อยู่จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียมีสิทธิที่จะทำสัญญาประกันภัยได้ เมื่อสัญญาประกันภัยมีผลบังคับได้โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยซึ่งใช้ค่าสินไหมทดแทนไปย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5101/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนคำสั่งขาดนัดพิจารณาต้องยื่นภายใน 8 วันนับแต่ทราบเหตุ หากเกินกำหนดสิทธิขาด
ในวันนัดพิจารณาคำร้องขอปฏิเสธหนี้ผู้ร้องไม่ไปศาลศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาผู้ร้องยื่นคำร้องว่าไม่ทราบกำหนดนัดมาก่อนขอให้เพิกถอนคำสั่งเป็นการกล่าวอ้างว่าศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่เกี่ยวกับการพิจารณาโดยขาดนัดในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมอันเป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบตามมาตรา27ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา153ผู้ร้องต้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นก่อนมีคำพิพากษาแต่ต้องไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันที่ผู้ร้องทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้นผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่เมื่อวันที่5กรกฎาคม2536ฉบับหนึ่งมาแล้วแสดงว่าผู้ร้องทราบกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบดังกล่าวแล้วอย่างช้าวันที่5กรกฎาคม2536แต่ผู้ร้องเพิ่งยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบเมื่อวันที่11สิงหาคม2536ซึ่งช้ากว่าแปดวันนับแต่ผู้ร้องทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้นผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบได้ กรณีที่จะถือว่าคู่ความฝ่ายใดขาดนัดพิจารณาได้ต้องปรากฏว่าคู่ความฝ่ายนั้นทราบวันนัดสืบพยานโดยชอบแล้วไม่มาศาลเมื่อผู้ร้องยังโต้เถียงข้อเท็จจริงอยู่ว่าผู้ร้องไม่ทราบกำหนดวันนัดไต่สวนคำร้องของผู้ร้องจึงมิใช่การขอพิจารณาคดีใหม่แต่อย่างใด
of 133