พบผลลัพธ์ทั้งหมด 68 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการชำระหนี้หลังล้มละลาย: การได้เปรียบเสียเปรียบเจ้าหนี้และการคิดดอกเบี้ย
จำเลยชำระหนี้ให้แก่ผู้คัดค้านหลังจากถูกฟ้องคดีล้มละลายแล้วโดยจำเลยทราบดีว่าตนยังเป็นหนี้เจ้าหนี้รายอื่นและมีทรัพย์สินไม่พอชำระหนี้ได้ การชำระหนี้ให้แก่ผู้คัดค้าน แม้จะเป็นไปตามสัญญาก็เป็นเหตุให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้รายอื่น แม้จำเลยจะชำระหนี้ให้เจ้าหนี้รายอื่นด้วย แต่จำนวนที่ชำระหนี้ไม่เสมอภาคกัน ถือว่าการชำระหนี้แต่ละราย เป็นเหตุให้เจ้าหนี้แต่ละคนได้เปรียบเสียเปรียบกัน การเพิกถอนการชำระหนี้เป็นไปโดยผลของคำสั่งหรือคำพิพากษาตราบใดยังไม่มีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนก็ยังเป็นการชำระหนี้โดยชอบ กรณียังถือไม่ได้ว่ามีการผิดนัด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ร้องคงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนการชำระหนี้ เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มิได้แต่งทนายความแก้ฎีกาศาลฎีกาย่อมไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 83/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกสัญญาซื้อขายมีผลให้ผู้ขายหมดสิทธิเรียกร้องเงินตามเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายก่อนเลิกสัญญา
โจทก์ขายรถขุดซึ่งโจทก์เช่าซื้อจากบริษัทอ. ให้แก่จำเลยโดยจำเลยต้องชำระเงินแก่โจทก์จำนวนหนึ่งและต้องชำระค่าเช่าซื้อแก่ผู้ให้เช่าซื้อต่อไป โจทก์ส่งมอบรถขุดแก่จำเลย จำเลยชำระเงินสดและเช็คพิพาทลงวันที่ 17 พฤษภาคม 2533 แก่โจทก์เป็นการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขาย แต่สัญญาเช่าซื้อยังไม่เปลี่ยนเป็นชื่อจำเลยจำเลยขาดส่งค่าเช่าซื้อแก่ผู้ให้เช่าซื้อ วันที่ 19 มิถุนายน 2533โจทก์กับพวกยึดรถขุดในความครอบครองของจำเลยไป ถือว่าโจทก์เลิกสัญญาซื้อขายกับจำเลยแล้ว ดังนี้ แม้เช็คพิพาทจำเลยจะได้สั่งจ่ายไว้ก่อนสัญญาซื้อขายเลิกกัน โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะนำคดีมาฟ้องเกี่ยวกับเช็คพิพาทที่ถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินภายหลังที่สัญญาซื้อขายเลิกกันแล้วได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การออกเช็คเพื่อแลกเงินสด ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค หากไม่มีหนี้สินระหว่างกัน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 แต่ขณะคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกามีกฎหมายฉบับใหม่ คือ พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 ออกมาใช้บังคับแทน ปรากฏว่าตามกฎหมายฉบับใหม่การออกเช็คจะเป็นความผิดก็ต่อเมื่อเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริง และบังคับได้ตามกฎหมายเมื่อจำเลยออกเช็คพิพาทแลกเงินสดไปจากโจทก์ ขณะแลกทรัพย์สินระหว่างกันนั้น ผู้แลกต่างไม่มีหนี้ต่อกันมาก่อน จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงให้แก่โจทก์ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4การกระทำของจำเลยแม้จะเป็นความผิดดังที่โจทก์กล่าวในฟ้องจำเลยก็พ้นจากการเป็นผู้กระทำผิดตาม ป.อ. มาตรา 2 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3849/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ถือจงใจ ทำให้ไม่รับพิจารณาใหม่
ชั้นขอให้พิจารณาใหม่ จำเลยที่ 3 และที่ 10 ฎีกาเพียงว่าสัญญาค้ำประกันเป็นเอกสารปลอมนำมาเป็นมูลบังคับคดีกับจำเลยไม่ได้ โดยมิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในเหตุขาดนัดแต่ประการใดเลย ฎีกาของจำเลย-ที่ 3 และที่ 10 จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เมื่อการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องหรือหมายนัดสืบพยาน-โจทก์เป็นไปโดยชอบแล้ว จำเลยมิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด และไม่ได้มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์โดยอ้างเพียงว่าผู้รับไว้แทนทำหาย หรือมีอาชีพขับรถรับจ้างไม่ค่อยอยู่บ้านเท่านั้น พฤติการณ์ถือได้ว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จึงไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่
เมื่อการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องหรือหมายนัดสืบพยาน-โจทก์เป็นไปโดยชอบแล้ว จำเลยมิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด และไม่ได้มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์โดยอ้างเพียงว่าผู้รับไว้แทนทำหาย หรือมีอาชีพขับรถรับจ้างไม่ค่อยอยู่บ้านเท่านั้น พฤติการณ์ถือได้ว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จึงไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3849/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดยื่นคำให้การและไม่ไปศาล ศาลถือว่าจงใจขาดนัด แม้จะมีเหตุทำเอกสารหาย
ชั้นขอให้พิจารณาใหม่ จำเลยที่ 3 และที่ 10 ฎีกาเพียงว่าสัญญาค้ำประกันเป็นเอกสารปลอมนำมาเป็นมูลบังคับคดีกับจำเลยไม่ได้โดยมิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในเหตุขาดนัดแต่ประการใดเลย ฎีกาของจำเลยที่ 3 และที่ 10 จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เมื่อการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องหรือหมายนัดสืบพยานโจทก์เป็นไปโดยชอบแล้ว จำเลยมิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนดและไม่ได้มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์โดยอ้างเพียงว่าผู้รับไว้แทนทำหาย หรือมีอาชีพขับรถรับจ้างไม่ค่อยอยู่บ้านเท่านั้นพฤติการณ์ถือได้ว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาจึงไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3710/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานในคดีเช็ค: ศาลมีอำนาจหากข้อเท็จจริงเพียงพอ & การยกข้อต่อสู้ความผูกพันเฉพาะบุคคล
ถ้าข้อเท็จจริงเพียงพอแก่การวินิจฉัยคดีแล้ว ก็ไม่จำต้องนำสืบพยานหลักฐานใดอีก ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งงดสืบพยานได้ เพื่อให้คดี ดำเนินไปโดยรวดเร็วและยุติธรรม จำเลยให้การว่าจำเลยไม่เคยนำเช็คตามฟ้องไปขอแลกเงินสดจากโจทก์และจำเลยไม่เคยมีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ ทั้งจำเลยไม่เคยรับเงินใด ๆ จากโจทก์ โจทก์มิได้เป็นผู้ทรงเช็คโดยสุจริตและชอบด้วยกฎหมาย ความจริงจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทแก่ผู้มีชื่อมิใช่โจทก์และได้ชำระเงินตามเช็คให้แก่ผู้มีชื่อเสร็จสิ้นแล้วคำให้การของจำเลยดังกล่าวไม่มีข้อความตอนใดที่กล่าวว่าโจทก์สมคบกับบุคคลใดฉ้อฉลจำเลย แม้พิเคราะห์คำให้การของจำเลยรวมกันทั้งหมดแล้ว ก็ไม่อาจแปลความหมายได้ว่าโจทก์สมคบกับบุคคลอื่นฉ้อฉลจำเลย จำเลยให้การว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่ผู้มีชื่อมิใช่โจทก์ และได้ชำระเงินให้แก่ผู้มีชื่อเสร็จสิ้นแล้ว เท่ากับจำเลยยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 916 เมื่อปรากฏว่าจำเลยไม่ได้ยกข้อต่อสู้ว่าโจทก์กับผู้ทรงคนก่อนคบคิดกันฉ้อฉลแล้วจำเลยย่อมถูกต้องห้ามมิให้นำสืบว่าตนไม่ต้องรับผิดตามเช็คพิพาท แม้ข้อเท็จจริงจะเป็นดังที่จำเลยให้การต่อสู้จำเลยก็ยังมีหน้าที่ต้องชำระตามเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ คำให้การจำเลยไม่ได้กล่าวให้ชัดแจ้งว่า โจทก์ไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร เป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้ง จึงไม่เป็นประเด็นที่จะต้องนำสืบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3691/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาไม่ยินยอมให้เช่าต่อหลังสัญญาหมดอายุ ไม่ถือเป็นการเช่าใหม่ไม่มีกำหนดเวลา ผู้ให้เช่ามีอำนาจฟ้องได้โดยไม่ต้องบอกเลิกสัญญา
การที่จะถือว่าเมื่อสิ้นกำหนดการเช่าแล้วมีการเช่ากันใหม่ต่อไปไม่มีกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 570 นั้นกฎหมายไม่ได้กำหนดว่าผู้ให้เช่ามีหน้าที่จะต้องบอกเลิกการเช่าหรือบอกกล่าวให้ผู้เช่าทราบก่อนหรือในวันครบกำหนดการเช่าว่าจะไม่ให้เช่าต่อไป หากแต่ให้ดูเจตนาของผู้ให้เช่าว่ามีการยินยอมให้ผู้เช่าอยู่ต่อไปหรือไม่ซึ่งการยินยอมนั้นรวมถึงการไม่ทักท้วงเมื่อรู้ว่าผู้เช่าครอบครองทรัพย์สินที่เช่าต่อมาหลังจากสิ้นกำหนดเวลาเช่าแล้ว สัญญาเช่าที่ดินมีกำหนดเวลาแน่นอน โจทก์มีหนังสือบอกเลิกการเช่าไปยังจำเลยในวันครบกำหนดการเช่า แสดงให้เห็นเจตนาของโจทก์ว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าต่อไป นับแต่วันครบกำหนดการเช่าแล้ว และหนังสือดังกล่าวนั้นจำเลยได้รับแล้วพฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าโจทก์ได้ทักท้วงในการที่จำเลยจะอยู่ในที่เช่าต่อไป ดังนี้การที่จำเลยอยู่ในที่เช่าต่อมาภายหลังสัญญาเช่าครบกำหนดแล้ว จึงไม่ใช่การเช่ากันใหม่โดยไม่มีกำหนดเวลาตามมาตรา 570 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องโดยไม่จำต้องบอกเลิกการเช่าตามมาตรา 566 อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3678/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตปลูกสร้างอาคารตามประกาศกระทรวงมหาดไทยที่กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง
ภายหลังที่โจทก์ยื่นคำขออนุญาตปลูกสร้างอาคารต่อจำเลยแล้ว ได้มีประกาศกระทรวงมหาดไทย กำหนดบริเวณห้ามทำการก่อสร้างอาคารในบางส่วนของตำบล ซึ่งรวมถึงบริเวณที่โจทก์ขออนุญาตปลูกสร้างอาคารด้วย จำเลยจึงมีคำสั่งไม่อนุญาต ดังนี้เมื่ออาคารที่โจทก์ขออนุญาตปลูกสร้าง ต้องห้ามมิให้ก่อสร้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว จึงเป็นกรณีที่ไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ก่อสร้างได้ ถือว่าจำเลยปฏิบัติหน้าที่ราชการตามอำนาจหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย ฉะนั้นคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ที่ไม่อนุญาตยืนตามคำสั่งจำเลย จึงเป็นคำวินิจฉัยที่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน แม้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จะมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไม่เสร็จภายใน 60 วัน ก็มิใช่เหตุที่จะทำให้คำสั่งนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3483/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมมอบหลักทรัพย์ค้ำประกันหนี้ของผู้อื่น ทำให้เจ้าหนี้มีสิทธิยึดถือได้จนกว่าหนี้จะหมด
โจทก์มอบอำนาจให้ พ. จำนองที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นประกันหนี้เงินกู้ของ ค. กับจำเลยและได้มอบต้นฉบับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้จำเลยยึดถือไว้ แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนจำนองถือได้ว่าโจทก์ได้ยินยอมมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันหนี้ของ ค. ที่มีต่อจำเลยเมื่อ ค. ยังเป็นหนี้จำเลยอยู่โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกหนังสือรับรองการทำประโยชน์คืนจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3370/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสัมพันธ์จ้างแรงงาน: แม้มีเอกสารจ้างเหมา หากพฤติการณ์เป็นจ้างแรงงาน ศาลยึดพฤติการณ์จริง
จำเลยที่ 3 มีหน้าที่ขับรถยนต์ตามคำสั่งของบริษัทจำเลยที่ 2ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ของบริษัทจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2สั่งให้จำเลยที่ 3 ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 จากที่ทำการของจำเลยที่ 1ไปส่งยังที่ทำการของจำเลยที่ 2 เพื่อนำไปขายเดือนละประมาณ 10 คันคันละเที่ยว จำเลยที่ 2 จ่ายค่าจ้างให้เที่ยวละ 550 บาท ระหว่างปฏิบัติงานอยู่กับจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 จะไปขับรถยนต์ที่อื่นไม่ได้เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 3 ทำการงานให้แก่จำเลยที่ 2 และอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 แม้จำเลยที่ 2 จ่ายสินจ้างให้แก่จำเลยที่ 3 เป็นรายเที่ยว ก็เป็นเพียงวิธีการคำนวณสินจ้างและกำหนดการจ่ายเงิน เมื่องานที่ทำแล้วเสร็จเท่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงเป็นการจ้างแรงงาน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 575 เมื่อจำเลยที่ 3 ขับรถยนต์ไปในทางการที่จ้างและได้ทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง จำเลยที่ 2จึงต้องรับผิดกับจำเลยที่ 3 ในความเสียหายที่จำเลยที่ 3 ก่อขึ้น