พบผลลัพธ์ทั้งหมด 68 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2569/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุสุดวิสัยต้องเป็นเหตุที่ศาลไม่อาจขยายเวลา หรือคู่ความไม่อาจยื่นคำขอได้ การขาดความรอบคอบของทนายไม่ถือเป็นเหตุสุดวิสัย
เหตุสุดวิสัย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23หมายถึงเหตุที่ทำให้ศาลไม่สามารถมีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาหรือเหตุที่คู่ความไม่สามารถมีคำขอขึ้นมาก่อนกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายหรือศาลกำหนดไว้ การที่ทนายจำเลยหลงลืมไม่ได้ยื่นใบแต่งทนายความพร้อมกับคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดนั้น เป็นเพราะทนายจำเลยขาดความรอบคอบหรือไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร จึงไม่ใช่เหตุสุดวิสัยตามมาตราดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2482/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค่าเช่าสังหาริมทรัพย์: องค์การโทรศัพท์ฯ ในฐานะผู้ให้เช่า
จำเลยเช่าคู่สายเคเบิลจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยเพื่อใช้บริการเครื่องเทเล็กซ์ โดยเสียค่าเช่าเป็นเดือนองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย จึงเป็นบุคคลจำพวกที่ค้าในการให้เช่าสังหาริมทรัพย์ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 165(6) สิทธิเรียกร้องค่าเช่าดังกล่าวมีอายุความ 2 ปี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2452/2535 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าพนักงานบังคับคดี และผลสมบูรณ์ของการขายทอดตลาดอสังหาริมทรัพย์
การที่หมายบังคับคดีระบุให้จ่าศาลเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้หมายความว่าเป็นอำนาจเฉพาะเจาะจงของจ่าศาลแต่ผู้เดียวจ่าศาลย่อมมอบอำนาจให้รองจ่าศาลซึ่งเป็นเจ้าพนักงานศาล และเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาดำเนินการบังคับคดีแทนได้ เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ขายที่ดินแก่โจทก์ตามที่โจทก์ซื้อได้จากการขายทอดตลาด การขายทอดตลาดเป็นอันสมบูรณ์ จำเลยจะร้องขอให้ศาลอนุญาตให้จำเลยไถ่คืนที่ดินและเพิกถอนการขายทอดตลาดที่เสร็จ สมบูรณ์ แล้วนั้นไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2452/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจบังคับคดีของรองจ่าศาล และความสมบูรณ์ของการขายทอดตลาดที่ดิน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(14) บัญญัติว่า"เจ้าพนักงานบังคับคดี" หมายความว่า เจ้าพนักงานศาลหรือพนักงานอื่นผู้มีอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ใช้อยู่ ในอันที่จะปฏิบัติตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในภาค 4 แห่งประมวลกฎหมายนี้เพื่อคุ้มครองสิทธิของคู่ความในระหว่างการพิจารณา หรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง รองจ่าศาลเป็นเจ้าพนักงานศาลซึ่งเป็นตำแหน่งรองจากจ่าศาล จึงมีอำนาจบังคับคดีได้ คดีนี้แม้หมายบังคับคดีจะระบุให้จ่าศาลเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีก็หาใช่ว่าจะต้องเป็นอำนาจโดยเฉพาะเจาะจงของจ่าศาลแต่ผู้เดียวไม่ จ่าศาลย่อมมอบอำนาจให้รองจ่าศาลซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาดำเนินการแทนได้ รองจ่าศาลจึงมีอำนาจบังคับคดีได้ การขายทอดตลาดที่ดินซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ขายแก่โจทก์ผู้ซื้อแล้ว ต้องถือว่าการขายทอดตลาดเป็นอันสมบูรณ์ แม้โจทก์จะยังไม่ได้จดทะเบียนการโอนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ตาม ส่วนการจะให้จำเลยซื้อที่ดินคืนหรือไม่ย่อมเป็นสิทธิของโจทก์ จำเลยจะมาร้องขอให้ศาลอนุญาตให้จำเลยไถ่คืนที่ดินและเพิกถอนการขายทอดตลาดที่เสร็จบริบูรณ์ไปแล้วนั้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2398/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานและการรับฟังพยานเอกสาร: ศาลชอบที่จะงดสืบพยานจำเลยหากจำเลยขอเลื่อนเอง และการชำระค่าเอกสารเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย
นัดก่อนจำเลยแถลงว่ามีพยานมาศาลเท่านี้ ขอเลื่อนคดีไป และพยานจำเลยคงเหลือ 2 ปาก นัดหน้าจะสืบเสร็จ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดี นัดต่อมาจำเลยสืบพยานได้อีก 2 ปากแล้ว แถลงขอเลื่อนคดีเพื่อสืบพยานอีกโจทก์แถลงคัดค้าน ดังนี้ ศาลชั้นต้นย่อมชอบที่จะสั่งงดสืบพยานจำเลย เพราะจำเลยแถลงขอสืบต่อไปเพียง2 ปากเท่านั้น การเสียค่าอ้างเอกสารตามตาราง 2 ท้าย ป.วิ.พ. นั้นเป็นค่าธรรมเนียมอย่างหนึ่ง ซึ่งกฎหมายกำหนดให้มีหน้าที่ชำระตั้งแต่เมื่อส่งเอกสารเป็นต้นไปมิใช่ว่าหากไม่ชำระค่าอ้างเอกสารทันทีแล้วจะรับฟังเอกสารนั้น ๆ ไม่ได้ ผู้อ้างเอกสารย่อมมีโอกาสเสียค่าอ้างเอกสารได้เสมอ เมื่อโจทก์เสียค่าอ้างเอกสารจึงรับฟังเอกสารดังกล่าวเป็นพยานได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2379/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อจะขาย: การผิดสัญญาเนื่องจากไม่ชำระหนี้ตามกำหนด และผลกระทบต่อสิทธิในการโอนที่ดิน
สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทมีข้อตกลงว่าโจทก์ผู้จะซื้อจะต้องชำระเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลือทั้งสิ้นจำนวน 137,500 บาท ให้แก่จำเลยผู้จะขายภายในวันที่ 30 พฤษภาคม 2529 และจำเลยจะโอนที่ดินให้โจทก์ในวันเดียวกัน ถือได้ว่าสัญญาฉบับพิพาทดังกล่าวเป็นสัญญาต่างตอบแทนมีกำหนดชำระหนี้กันแน่นอน ซึ่งมีวัตถุประสงค์แห่งหนี้ที่โจทก์ต้องปฏิบัติการชำระให้แก่จำเลย คือชำระด้วยเงินเท่านั้นแต่ครั้นถึงกำหนดชำระหนี้ ปรากฏว่าโจทก์ชำระเงินให้แก่จำเลยไม่ครบตามสัญญา โดยในส่วนที่เหลือโจทก์ได้ทำสัญญากู้ให้จำเลยเป็นประกันมีกำหนดชำระเงิน 1 ปี จึงเท่ากับว่าคู่สัญญาตกลงกันให้เลื่อนการชำระหนี้ออกไปได้อีก ดังนั้น เมื่อครบกำหนดเวลาตามสัญญากู้โจทก์ไม่ชำระเงินให้แก่จำเลยครบถ้วน ย่อมถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ผิดสัญญา จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะไม่โอนที่ดินให้แก่โจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1852/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภรรยาจากธุรกิจครอบครัว: การยินยอมและเจตนาในการทำสัญญา
การที่จำเลยที่ 2 สามีโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์โดยผู้ร้องยินยอมและให้ผู้ร้องสามารถเบิกจ่ายจากบัญชีได้และจำนองทรัพย์พิพาทไว้แก่โจทก์ ย่อมมีเหตุผลให้เชื่อว่าจำเลยที่ 2 กับผู้ร้องร่วมกันกระทำการดังกล่าวเพื่อนำเงินมาลงทุนทำการค้าขายพืชไร่ร่วมกัน ถือว่าเป็นหนี้ร่วมอันเกิดขึ้นเนื่องจากการงานซึ่งสามีภรรยาทำด้วยกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 1490(3)จำเลยที่ 2 กับผู้ร้องต้องร่วมกันรับผิด ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอกันส่วนของผู้ร้องจากทรัพย์พิพาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1852/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภรรยาจากการทำธุรกิจร่วมกัน และสิทธิในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของภรรยา
การที่จำเลยที่ 2 สามีโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์โดยผู้ร้องยินยอมและให้ผู้ร้องสามารถเบิกจ่ายจากบัญชีได้ และจำนองทรัพย์พิพาทไว้แก่โจทก์ ย่อมมีเหตุผลให้เชื่อว่าจำเลยที่ 2 กับผู้ร้องร่วมกันกระทำการดังกล่าวเพื่อนำเงินมาลงทุนทำการค้าขายพืชไร่ร่วมกัน ถือว่าเป็นหนี้ร่วมอันเกิดขึ้นเนื่องจากการงานซึ่งสามีภรรยาทำด้วยกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1490(3) จำเลยที่ 2 กับผู้ร้องต้องร่วมกันรับผิด ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอกันส่วนของผู้ร้องจากทรัพย์พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1806/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์: การครอบครองแทนโจทก์และการแสดงเจตนา
บิดาโจทก์ยกที่พิพาทให้โจทก์ก่อนที่บิดาโจทก์จะสมรสกับจำเลยการที่จำเลยและบิดาโจทก์อยู่ในที่พิพาทต่อมาโดยจำเลยรู้แล้วว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ดังนี้ การครอบครองที่พิพาทของจำเลยจึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์ เมื่อไม่ปรากฏว่า จำเลยได้แสดงเจตนาต่อโจทก์ว่า ไม่ประสงค์จะครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์ต่อแล้วอันเป็นการเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1381ย่อมถือว่าจำเลยยังครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์อยู่เช่นเดิมแม้จำเลยจะครอบครองที่พิพาทติดต่อกันมาเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้วจำเลยก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทในฐานะครอบครองปรปักษ์ตาม มาตรา1382.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1335/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลอุทธรณ์คดีล้มละลาย: การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ชำระค่าธรรมเนียม
คำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายชื่อผู้ร้องออกจากบัญชีลูกหนี้เนื่องจากผู้ร้องไม่ต้องรับผิดชำระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ตามตาราง 1 ข้อ (1)(ก) ท้าย ป.วิ.พ. ประกอบด้วย พ.ร.บ.ล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 179 วรรคท้าย ผู้ร้องจึงต้องเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ผู้ร้องนำค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ที่ยังขาดอยู่มาชำระภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด แต่ผู้ร้องไม่ชำระภายในกำหนด เป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จำหน่ายคดี.