พบผลลัพธ์ทั้งหมด 68 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1237/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสัตยาบันการบอกกล่าวบังคับจำนองของตัวแทน แม้การแต่งตั้งตัวแทนไม่เป็นหนังสือ ก็ถือว่าชอบแล้ว
โจทก์ตั้ง ส. ทนายความผู้รับมอบอำนาจเป็นตัวแทนบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังจำเลยโดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือ ส. มีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังจำเลย จำเลยได้รับแล้วไม่ชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์จึงนำคดีมาฟ้อง แสดงว่าโจทก์ยอมรับเอาการบอกกล่าวบังคับจำนองของ ส. ถือได้ว่าโจทก์ซึ่งเป็นตัวการได้ให้สัตยาบันแก่การกระทำของ ส. ซึ่งเป็นตัวแทนที่บอกกล่าวบังคับจำนองตามป.พ.พ. มาตรา 823 ดังนี้ ถือว่าโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยโดยชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1221/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาโต้เถียงดุลพินิจข้อเท็จจริงในคดีเช็ค คดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ฎีกาของจำเลยทั้งสองที่ว่า เช็คที่โจทก์ฟ้องเป็นเช็คค้ำประกันเงินกู้ จำเลยทั้งสองขาดเจตนาที่จะสั่งจ่ายเช็คโดยไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และธนาคารมิได้ปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะว่าเงินในบัญชีไม่พอจ่าย ล้วนเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการที่ศาลรับฟังพยานหลักฐาน เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษปรับจำเลยที่ 1จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ.มาตรา 218 วรรคแรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1118/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้ออุทธรณ์ใหม่นอกเหนือคำให้การเดิม และการพิสูจน์หนี้ตามบัญชีธนาคาร ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยเฉพาะข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้ว
อุทธรณ์ของจำเลยเกี่ยวกับสัญญาเงินกู้และตั๋วสัญญาใช้เงินแตกต่างจากคำให้การ จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้จึงชอบแล้ว ตามคำฟ้องได้ระบุยอดหนี้และรายละเอียดเกี่ยวกับการฝากเงินถอนเงินและการคิดดอกเบี้ย ปรากฏตามสำเนาบัญชีกระแสรายวันท้ายฟ้องเมื่อจำเลยเห็นว่ารายการใดไม่ถูกต้อง ชอบที่จะให้การโต้แย้งไว้ว่าการคิดคำนวณรายการดังกล่าวไม่ถูกต้องเพราะเหตุใดและถามค้านพยานโจทก์ในข้อนั้นไว้ เมื่อสืบพยาน จำเลยก็นำสืบพยานหักล้างพยานโจทก์ เมื่อจำเลยนำสืบพยานหักล้างพยานโจทก์ไม่ได้ก็ดีไม่ได้นำสืบพยานหักล้างก็ดี ศาลชอบที่จะฟังตามพยานหลักฐานโจทก์ว่าโจทก์คิดคำนวณบัญชียอดหนี้ถูกต้องแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1116/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดอำนาจศาล: การยื่นฎีกาที่มีเนื้อหาดูหมิ่นและท้าทายอำนาจศาลยุติธรรม
การที่โจทก์ทั้งสองนำเรื่องราวกล่าวโทษผู้พิพากษาซึ่งมีข้อความก้าวร้าวและดูหมิ่นเสียดสีศาลมารวมเป็นส่วนหนึ่งของฎีกาและลงนามเป็นผู้ฎีกาและผู้เรียงร่วมกับผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นทนายความของโจทก์ทั้งสองนั้น แสดงว่าโจทก์ทั้งสองมีเจตนาให้ข้อความที่ฎีกานั้นปรากฏต่อศาล การที่ผู้ถูกกล่าวหานำฎีกามายื่นต่อศาลชั้นต้นจึงสมเจตนาของโจทก์ทั้งสอง การกระทำของโจทก์ทั้งสองจึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลกรณีนี้เกิดขึ้นแล้ว ตั้งแต่ขณะผู้ถูกกล่าวหายื่นฎีกาดังกล่าวต่อศาลชั้นต้น ประกอบกับฎีกาของโจทก์ทั้งสองและผู้ถูกกล่าวหามีลักษณะเป็นการท้าทายอำนาจศาลยุติธรรมอย่างรุนแรงและแจ้งชัดไม่มีข้อที่น่าสงสัยว่าได้กระทำไปโดยเลินเล่อหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การที่ศาลลงโทษไปโดยไม่สั่งให้โจทก์ทั้งสองและผู้ถูกกล่าวหาแก้ไขถ้อยคำเสียก่อน จึงเหมาะสมแก่พฤติการณ์แล้ว เมื่อฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาร่วมกระทำผิดด้วยชัดเจนอยู่แล้ว ข้อความที่กล่าวไว้ในฎีกาว่าพร้อมจะแก้ไขถ้อยคำใด ๆ ตามคำสั่งศาลทุกประการนั้น ถูกลบล้างโดยการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเองโดยสิ้นเชิง จะฟังว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่มีเจตนาที่จะกระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้สัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ แต่โจทก์ได้กรรมสิทธิ์หากครอบครองเกิน 10 ปี
โจทก์ทำสัญญาซื้อขายที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 โดยมิได้จดทะเบียนโอนกันให้ถูกต้องตามกฎหมาย สัญญาซื้อขายจึงเป็นโมฆะแต่โจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยความสงบ และโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี ย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แม้ต่อมาจำเลยที่ 1จะนำที่พิพาทไปยกให้จำเลยที่ 3 แต่การยกให้นั้นจำเลยที่ 3 ผู้ได้สิทธิมิได้เสียค่าตอบแทนกรณีจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 1299วรรคสอง ที่จะทำให้จำเลยที่ 3 มีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าโจทก์แต่ที่โจทก์ขอให้จำเลยที่ 1 ไปจดทะเบียนลงชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ (จากการครอบครองปรปักษ์) แทนชื่อจำเลยที่ 1จำเลยไม่มีหน้าที่ในทางนิติกรรมที่จะต้องโอนให้ เป็นหน้าที่โจทก์ต้องไปดำเนินการให้มีชื่อตนในโฉนดเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 743/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: การบุกรุกและทำร้ายร่างกายเป็นความผิดต่อเนื่อง
การที่จำเลยกับพวกบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหายแล้วทำร้ายผู้เสียหายทันที เป็นการกระทำต่อเนื่องในคราวเดียวกันจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท มิใช่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 738/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค่าบริการโทรศัพท์: โจทก์เป็นผู้ค้าหรือไม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 165(7)
โจทก์เป็นนิติบุคคลจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2497 มีอำนาจตามมาตรา 9แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวให้ดำเนินกิจการได้หลายประการ การที่โจทก์ให้จำเลยใช้บริการโทรศัพท์แล้วคิดค่าบริการตามอัตราที่โจทก์กำหนด ถือได้ว่า โจทก์เป็นผู้ค้ำรับทำการงานเรียกเอาสินจ้างอันพึงจะได้รับจากการนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(7) ซึ่งโจทก์จะต้องเรียกร้องเอาค่าบริการภายใน 2 ปีเมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าบริการคดีนี้เกิน 2 ปี จึงขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 738/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค่าบริการโทรศัพท์: องค์การโทรศัพท์ฯ ในฐานะผู้ค้าตาม ป.พ.พ. มาตรา 165(7)
แม้โจทก์จะเป็นนิติบุคคลจัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ. องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยฯ แต่การที่โจทก์ให้จำเลยใช้บริการ โทรศัพท์ แล้วคิดค่าบริการตามอัตราที่โจทก์กำหนดย่อมถือได้ว่า โจทก์เป็นผู้ค้ารับทำการงานเรียกเอาสินจ้างอันพึงจะได้รับจากการนั้น ตาม ป.พ.พ.มาตรา 165(7) ซึ่งโจทก์จะต้องเรียกร้องเอาค่าบริการ ภายใน 2 ปีเมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าใช้บริการเกิน 2 ปี คดีจึงขาดอายุความ.