พบผลลัพธ์ทั้งหมด 183 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4374/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่แท้จริง: ตัวแทน vs. ผู้เช่าจริง สิทธิในการฟ้องขับไล่
โจทก์ทำสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทกับบริษัท ท. โดยจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่โจทก์ไม่เคยอาศัยอยู่ในตึกแถวพิพาทเลยจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้อาศัยอยู่ในตึกแถวพิพาท โดยจำเลยที่ 1ได้ประกอบการค้าอยู่ในตึกแถวพิพาทด้วย จำเลยที่ 3 เป็นผู้ออกเงินช่วยค่าก่อสร้างตึกแถวพิพาทจำนวน 270,000 บาท ให้แก่บริษัท ท. หลังจากโจทก์ทำสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทแล้ว จำเลยที่ 3 เป็นผู้ชำระค่าเช่าตึกแถวพิพาทในนามของโจทก์มาตลอดพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าโจทก์เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 3ทำสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทกับบริษัท ท. โจทก์ย่อมไม่อาจอ้างสิทธิตามสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทมาฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสามได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4074/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาให้สิทธิเก็บกินเป็นโมฆะ หากไม่แจ้งความประสงค์ภายในกำหนดเวลา ผู้รับโอนสิทธิไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
จำเลยทำสัญญาให้บริษัท ซ. จำกัดมีสิทธิเก็บกิน(การทำเหมืองแร่) ในที่ดินของจำเลยเป็นเวลา 30 ปี โดยคู่สัญญาตกลงกันว่า หากบริษัทต้องการสิทธิเก็บกินจะต้องแจ้งให้จำเลยทราบภายในเวลาที่กำหนด ดังนั้นเมื่อบริษัทไม่ได้แจ้งให้จำเลยทราบตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญา แต่กลับปล่อยให้เวลาล่วงเลยเป็นเวลาเกือบ20 ปี ถือได้ว่าสัญญาให้สิทธิเก็บกินของบริษัทอันจะพึงมีต่อจำเลยนั้นใช้ไม่ได้อีกต่อไป แม้โจทก์จะเป็นผู้รับช่วงสิทธิตามสัญญาดังกล่าว ก็ไม่อาจอ้างสิทธิเก็บกินเอาแก่จำเลยได้ เพราะผู้รับโอนย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4070/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทิศที่ดินเป็นทางสาธารณประโยชน์โดยปริยายจากการยินยอมให้ใช้ประโยชน์และการสนับสนุนการซ่อมแซมโดยเจ้าของและหน่วยงาน
การที่บิดาจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเดิมและจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของสืบต่อมายินยอมให้บุคคลทั่วไปใช้ถนนพิพาทเป็นเวลาถึง20 กว่าปี โดยได้สร้างรั้วคอนกรีตเป็นแนวเขตระหว่างบ้านกับถนนพิพาทมาเป็นเวลากว่า 20 ปี ตลอดจนมีการเรี่ยไรเงินและการทางซ่อมถนนพิพาทหลายครั้ง ทั้งราชการก็ใช้งบประมาณซื้อลูกรังมาช่วยด้วยโดยที่เจ้าของที่ดินมิได้หวงห้ามหรือสงวนสิทธิ์ย่อมถึงได้ว่าเจ้าของที่ดินได้อุทิศถนนพิพาทเป็นทางสาธารณประโยชน์โดยปริยาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4070/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทิศที่ดินเป็นทางสาธารณประโยชน์โดยปริยายจากการยินยอมให้ใช้ประโยชน์โดยไม่หวงห้าม
การที่บิดาจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเดิมและจำเลย ซึ่งเป็นเจ้าของสืบต่อมายินยอมให้บุคคลทั่วไปใช้ถนนพิพาทเป็นเวลาถึง 20 กว่าปี โดยได้สร้างรั้วคอนกรีตเป็นแนวเขตระหว่างบ้านกับถนนพิพาทมาเป็นเวลา กว่า 20 ปี ตลอดจนมีการเรี่ยไรเงินและการทางซ่อมถนนพิพาทหลายครั้ง ทั้งราชการก็ใช้งบประมาณซื้อลูกรังมาช่วยด้วย โดยที่เจ้าของที่ดินมิได้หวงห้ามหรือสงวนสิทธิ์ย่อมถึงได้ว่าเจ้าของที่ดินได้อุทิศถนนพิพาทเป็นทางสาธารณประโยชน์โดยปริยาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3750/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์มรดก โจทก์มีสิทธิยึดเพื่อชำระหนี้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอปล่อยทรัพย์
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าได้มีการแบ่งกันครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์มรดก ระหว่างผู้ร้องทั้งสามกับจำเลยที่ 1และบรรดาพี่น้องคนอื่น ๆ แล้ว กรณีจึงต้องถือว่าผู้ร้องทั้งสามและจำเลยที่ 1 ยังมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินพิพาท โจทก์สามารถนำยึดมาชำระหนี้ได้ ผู้ร้องทั้งสามจึงไม่มีสิทธิขอให้ปล่อยทรัพย์พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3644/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิรวมแยกโฉนดที่ดินก่อนได้รับอนุญาตจัดสรร ไม่เข้าข่ายละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ แม้ถนนลดขนาด
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ยื่นคำขอรวมและแบ่งแยกโฉนดที่ดินภายหลังที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 296 ใช้บังคับ จำเลยที่ 4ถึงที่ 9 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานได้ทำการรังวัดและแบ่งแยกที่ดินเสร็จสิ้นก่อนที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยื่นคำขออนุญาตและได้รับอนุญาตให้จัดสรรที่ดิน ที่ดินดังกล่าวจึงยังไม่ตกอยู่ในภารจำยอมจำเลยที่ 1 และที่ 2 มีสิทธิที่จะขอรวมและแบ่งแยกโฉนดและจำเลยที่ 3ถึงที่ 9 ก็มีสิทธิที่จะดำเนินการรวมและแยกโฉนดตามคำขอของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามอำนาจหน้าที่ของตนที่มีอยู่ได้ แม้ที่ดินที่เป็นถนนตามโฉนดดังกล่าวเมื่อรวมและแบ่งแยกแล้วจะมีเนื้อที่ลดน้อยลงกว่าเดิม และโจทก์ไม่ได้รับแจ้งให้ไประวังแนวเขตที่ดินขณะทำการรังวัด แต่เมื่อเจ้าพนักงานไม่ได้รังวัดที่ดินรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย โจทก์ย่อมไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3644/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมในที่ดินจัดสรร: ต้องได้รับอนุญาตจัดสรรก่อน จึงเกิดภาระจำยอมต่อถนนสาธารณูปโภค
การจัดสรรที่ดินที่มีขึ้นภายหลังจากประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 286 ใช้บังคับ ถนนซึ่งเป็นสาธารณูปโภคที่ผู้จัดสรรที่ดินได้จัดให้มีขึ้นจะตกอยู่ในภารจำยอมก็ต่อเมื่อแผนผังและโครงการจัดสรรที่ดินนั้นได้รับอนุญาตแล้ว ดังนั้นการยื่นคำขอรวมและแบ่งแยกโฉนดที่ดินที่เป็นถนน ซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำการรังวัดและแบ่งแยกที่ดินเสร็จสิ้นก่อนที่จะยื่นคำขออนุญาตและได้รับอนุญาตให้จัดสรรที่ดิน จึงยังไม่ตกอยู่ในภารจำยอม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3435/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองความประพฤติที่ไม่เป็นเหตุให้เกิดละเมิด การกระทำตามความสมัครใจ
การที่จำเลยทั้งหกได้พูดจารับรองความประพฤติของจำเลยที่ 1เพื่อให้โจทก์ที่ 1 ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้เกี่ยวกับการค้าขายและผลิตทองรูปพรรณและอัญมณีให้แก่จำเลยที่ 1 เพื่อจำเลยที่ 1จะได้ทำการค้าขายทองรูปพรรณร่วมกับโจทก์ที่ 2 หลังจากสมรสกับโจทก์ที่ 2 นั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งหกจงใจกระทำผิดกฎหมายเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย อนามัย เสรีภาพทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างใดอย่างหนึ่ง พฤติกรรมของจำเลยทั้งหกเพียงพูดความเท็จให้โจทก์เชื่อถือในความประพฤติของจำเลยที่ 1เท่านั้น การที่โจทก์ที่ 1 ประสิทธิ์ประสาทวิชาช่างทองให้จำเลยที่ 1และโจทก์ที่ 2 สมรสกับจำเลยที่ 1 เป็นเรื่องเกิดจากความสมัครใจของโจทก์ทั้งสองเอง การกระทำของจำเลยทั้งหกจึงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3371/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้ำประกันสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไม่ถือเป็นการจัดการสินสมรส และการงดสอบสวนพยานที่จำเลยไม่มาตามหมาย
การค้ำประกันสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไม่ใช่การจัดการเกี่ยวกับสินสมรสสามีไม่จำต้องรับความยินยอมจากภรรยาก็ใช้บังคับได้ ในชั้นสอบสวนเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของจำเลยการไต่สวนจำเลยโดยเปิดเผยและการส่งประกาศนัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งไปยังภูมิลำเนาจำเลยซึ่งเป็นสถานที่เดียวกันกับที่ปิดหมายนัดสอบสวนพยานลูกหนี้ซึ่งจำเลยก็ทราบทุกครั้งทั้งมิได้แจ้งว่าย้ายภูมิลำเนาแล้ว จึงเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เมื่อเห็นว่าได้ส่งหมายเรียกให้จำเลยโดยชอบแล้วจำเลยไม่มา เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ชอบที่จะสั่งงดสอบสวนพยานจำเลยเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3312/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมกันจากการค้าปุ๋ยนอกวัตถุประสงค์ของห้างหุ้นส่วนจำกัด และการส่งมอบสินค้าไม่ครบ
จำเลยที่ 3 เป็นผู้ดำเนินกิจการแทนจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุตรตลอดมาและไม่มีหุ้นอยู่ในห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3ได้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ 1 ให้เป็นผู้มีอำนาจลงชื่อสั่งจ่ายเช็คของจำเลยที่ 1 ในการดำเนินกิจการของจำเลยที่ 1 ได้ การที่จำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 3 ร่วมกันแสดงออกต่อโจทก์และบุคคลทั่วไปว่าได้ร่วมกันประกอบกิจการค้าปุ๋ย ถือว่าจำเลยทั้ง 3 ได้ร่วมกันประกอบกิจการ เมื่อจำเลยที่ 3 ส่งปุ๋ยให้โจทก์ไม่ครบจำนวนตามที่โจทก์สั่งซื้อจำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิด ส่วนจำเลยที่ 1 เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด มิได้มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการค้าขายปุ๋ยด้วย แต่การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ได้ร่วมประกอบกิจการค้าปุ๋ยกับจำเลยที่ 3แม้จะเป็นกิจการนอกขอบวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 ก็ตาม จำเลยที่ 1ก็ได้รับประโยชน์ด้วยโดยการรับเงินค่าปุ๋ยมาจากโจทก์ เมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 ส่งปุ๋ยให้โจทก์ไม่ครบตามราคาซึ่งจำเลยที่ 1ได้รับไว้ จำเลยที่ 1 จึงไม่พ้นความรับผิดที่จะต้องคืนเงินค่าปุ๋ยที่เหลือให้แก่โจทก์