พบผลลัพธ์ทั้งหมด 636 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7263/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ต้องอยู่ภายในประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์ การวินิจฉัยเกินกว่าอุทธรณ์เป็นกรณีที่มิชอบ
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์หรือไม่ แล้วศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยบุกรุก จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่ได้ปลูกสร้างโรงเรือนและรั้วรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ ส่วนข้อความในอุทธรณ์ที่จำเลยกล่าวถึงการจัดทำแผนที่วิวาทว่า โรงเรือนและรั้วของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์4 ตารางวา เป็นกรณีที่จำเลยกล่าวถึงข้อที่ศาลชั้นต้นอ้างไว้ในคำพิพากษาเท่านั้นมิใช่จำเลยยอมรับข้อเท็จจริงว่าโรงเรือนและรั้วของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์จริง คดียังคงมีประเด็นว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์หรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้กระทำละเมิดโดยปลูกสร้างบ้านและรั้วรุกล้ำที่ดินของโจทก์ จึงไม่เป็นการวินิจฉัยเกินกว่าอุทธรณ์ของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7263/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ต้องไม่เกินกรอบอุทธรณ์ของจำเลย แม้จำเลยจะยอมรับการรุกล้ำ แต่ศาลต้องพิจารณาเหตุสุจริต
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์หรือไม่ แล้วศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยบุกรุก จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่ได้ปลูกสร้างโรงเรือนและรั้วรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ ส่วนข้อความในอุทธรณ์ที่จำเลยกล่าวถึงการจัดทำแผนที่วิวาทว่า โรงเรือนและรั้วของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ 4 ตารางวา เป็นกรณีที่จำเลยกล่าวถึงข้อที่ศาลชั้นต้นอ้างไว้ในคำพิพากษาเท่านั้น มิใช่จำเลยยอมรับข้อเท็จจริงว่าโรงเรือนและรั้วของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์จริง คดียังคงมีประเด็นว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์หรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้กระทำละเมิดโดยปลูกสร้างบ้านและรั้วรุกล้ำที่ดินของโจทก์จึงไม่เป็นการวินิจฉัยเกินกว่าอุทธรณ์ของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7101/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดซ้ำฐานการพนันหลังพ้นโทษ ส่งผลต่อการลงโทษตามกฎหมาย
ตามบันทึกการฟ้องด้วยวาจาของโจทก์ระบุว่า จำเลยที่ 1 เคยถูกศาลพิพากษาปรับฐานเล่นการพนันไพ่ผสมสิบ เมื่อพ้นโทษแล้วยังไม่ครบกำหนด 3 ปีกลับมากระทำผิดคดีนี้ฐานเล่นการพนันไพ่ผสมสิบซ้ำอีก ขอให้ศาลวางโทษจำเลยที่ 1ทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 14 ทวิ (2) บันทึกดังกล่าวเป็นหลักฐานแห่งคำฟ้องด้วยวาจาของโจทก์ด้วยส่วนหนึ่ง เมื่อจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพโดยไม่ได้โต้แย้งประการใด ก็ถือว่าจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพตามฟ้องทุกประการ รวมทั้งข้อเท็จจริงที่เคยต้องโทษด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7101/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษซ้ำความผิดฐานเล่นการพนัน: ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ลงโทษทั้งจำและปรับตามกฎหมาย
ตามบันทึกการฟ้องด้วยวาจาของโจทก์ระบุว่าจำเลยที่ 1 เคยถูกศาลพิพากษาปรับฐานเล่นการพนันไพ่ผสมสิบเมื่อพ้นโทษแล้วยังไม่ครบกำหนด 3 ปี กลับมากระทำผิดคดีนี้ฐานเล่นการพนันไพ่ผสมสิบซ้ำอีก ขอให้ศาลวางโทษจำเลยที่ 1 ทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 มาตรา 14 ทวิ (2) บันทึกดังกล่าวเป็นหลักฐานแห่งคำฟ้องด้วยวาจาของโจทก์ด้วยส่วนหนึ่ง เมื่อจำเลยที่ 1ให้การรับสารภาพโดยไม่ได้โต้แย้งประการใด ก็ ถือว่าจำเลยที่ 1ให้การรับสารภาพตามฟ้องทุกประการ รวมทั้งข้อเท็จจริงที่เคยต้องโทษด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6908/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระการพิสูจน์ความประมาทเลินเล่อของผู้ครอบครองเรือนในคดีเพลิงไหม้ - โจทก์ต้องพิสูจน์การกระทำผิด
ประกาศมหาวิทยาลัยเรื่องข้อพึงปฏิบัติสำหรับผู้พักอาศัยในที่พักของมหาวิทยาลัยเป็นเพียงข้อที่ผู้เข้าอยู่อาศัยควรปฏิบัติตาม ถ้าไม่ปฏิบัติตามและพิสูจน์ได้ว่าผู้เข้าอยู่อาศัยกระทำให้ที่พักหรืออุปกรณ์เสียหาย ต้องรับผิดชอบในความเสียหายนั้นคดีนี้แม้ฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองบ้านที่เกิดเหตุและขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้ไม่มีผู้ใดอยู่ในบ้าน แต่เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นกับตัวบ้าน กฎหมายมิได้วางบทสันนิษฐานล่วงเลยไปให้เป็นโทษแก่จำเลยผู้ครอบครองเรือนต้องรับผิดในความเสียหายโจทก์จึงมีภาระการพิสูจน์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84 ประกอบประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6908/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระการพิสูจน์ความประมาทเลินเล่อของผู้ครอบครองบ้านพักเมื่อเกิดเพลิงไหม้
ประกาศมหาวิทยาลัยโจทก์เรื่องข้อพึงปฏิบัติสำหรับผู้พักอาศัยในที่พักของมหาวิทยาลัย ต้องรับผิดชอบซ่อมแซมหรือชดใช้ต่อการชำรุดเสียหายของที่พักในระหว่างที่อยู่อาศัย ซึ่งมีหลักฐานแน่ชัดว่าได้เกิดขึ้นจากการกระทำของผู้อาศัยเอง และต้องระมัดระวังการใช้ไฟฟ้า อย่าประมาทเลินเล่อ ปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีการเหลียวแลเป็นอันขาด เป็นเพียงข้อที่ผู้เข้าอยู่อาศัยควรปฏิบัติตาม ถ้าหากไม่ปฏิบัติตามและพิสูจน์ได้ว่าผู้เข้าอยู่อาศัยกระทำให้ที่พักหรืออุปกรณ์เสียหาย ก็ต้องรับผิดชอบในความเสียหายนั้น เมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองบ้านพักที่เกิดเหตุและขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้ไม่มีผู้ใดอยู่ในบ้าน แต่เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นกับตัวบ้านกฎหมายมิได้วางบทสันนิษฐานล่วงเลยไปให้เป็นโทษแก่จำเลยผู้ครองเรือนต้องรับผิดในความเสียหาย โจทก์จึงมีภาระการพิสูจน์ว่าจำเลยกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84 ประกอบประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6908/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในความเสียหายของที่พักอาศัย:ภาระการพิสูจน์ของโจทก์
ประกาศมหาวิทยาลัยเรื่องข้อพึงปฏิบัติสำหรับผู้พักอาศัยในที่พักของมหาวิทยาลัยเป็นเพียงข้อที่ผู้เข้าอยู่อาศัยควรปฏิบัติตาม ถ้าไม่ปฏิบัติตามและพิสูจน์ได้ว่าผู้เข้าอยู่อาศัยกระทำให้ที่พักหรืออุปกรณ์เสียหาย ต้องรับผิดชอบในความเสียหายนั้น คดีนี้แม้ฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองบ้านที่เกิดเหตุ และขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้ไม่มีผู้ใดอยู่ในบ้าน แต่เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นกับตัวบ้าน กฎหมายมิได้วางบทสันนิษฐานล่วงเลยไปให้เป็นโทษแก่จำเลยผู้ครอบครองเรือนต้องรับผิดในความเสียหาย โจทก์จึงมีภาระการพิสูจน์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 84 ประกอบป.พ.พ. มาตรา 420
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6819/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขับรถยนต์ที่ถูกลักมาพร้อมแผ่นป้ายทะเบียนปลอม มีความผิดฐานรับของโจรและใช้เอกสารปลอมแยกกระทง
แม้ตามพยานหลักฐานจะไม่ปรากฏว่า จำเลยเป็นผู้ปลอมแปลงแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ แต่การที่จำเลยขับรถยนต์ของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปและติดแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ซึ่งจำเลยรู้อยู่ว่าเป็นแผ่นป้ายการเขียนปลอมไปตามทางสาธารณะ โดยมุ่งหมายให้ประชาชนผู้พบเห็นเข้าใจว่าเป็นแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ของทางราชการ ก็เป็นการใช้หรืออ้างเอกสารแผ่นป้ายทะเบียนรถเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 อีกกระทงหนึ่งซึ่งแยกออกจากกระทงความผิดฐานรับของโจร แม้ฎีกาของจำเลยในส่วนที่ว่าศาลฎีกาสมควรพิพากษาลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดทั้งสองฐานหรือไม่ จะเป็นฎีกาในดุลพินิจของศาลอันเป็นข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ก็ตามแต่เมื่อจำเลยฎีกาในข้อแรกเป็นปัญหาข้อกฎหมายมาด้วย ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยลงโทษจำเลยและลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 76 ให้เหมาะสมแก่ความผิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6819/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้แผ่นป้ายทะเบียนปลอม แม้ไม่ใช่ผู้ปลอมแปลงเอง ก็เป็นความผิดฐานใช้เอกสารปลอมและรับของโจร
แม้ตามพยานหลักฐานจะไม่ปรากฏว่า จำเลยเป็นผู้ปลอมแปลงแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ แต่การที่จำเลยขับรถยนต์ของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปและติดแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ซึ่งจำเลยรู้อยู่ว่าเป็นแผ่นป้ายการเขียนปลอมไปตามทางสาธารณะ โดยมุ่งหมายให้ประชาชนผู้พบเห็นเข้าใจว่าเป็นแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ของทางราชการ ก็เป็นการใช้หรืออ้างเอกสารแผ่นป้ายทะเบียนรถเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 268 อีกกระทงหนึ่งซึ่งแยกออกจากกระทงความผิดฐานรับของโจร
แม้ฎีกาของจำเลยในส่วนที่ว่าศาลฎีกาสมควรพิพากษาลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดทั้งสองฐานหรือไม่ จะเป็นฎีกาในดุลพินิจของศาลอันเป็นข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก ก็ตามแต่เมื่อจำเลยฎีกาในข้อแรกเป็นปัญหาข้อกฎหมายมาด้วย ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยลงโทษจำเลยและลดมาตราส่วนโทษตาม ป.อ. มาตรา 76 ให้เหมาะสมแก่ความผิดได้
แม้ฎีกาของจำเลยในส่วนที่ว่าศาลฎีกาสมควรพิพากษาลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดทั้งสองฐานหรือไม่ จะเป็นฎีกาในดุลพินิจของศาลอันเป็นข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก ก็ตามแต่เมื่อจำเลยฎีกาในข้อแรกเป็นปัญหาข้อกฎหมายมาด้วย ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยลงโทษจำเลยและลดมาตราส่วนโทษตาม ป.อ. มาตรา 76 ให้เหมาะสมแก่ความผิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6445/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากการถูกข่มเหงทำร้าย: ลดโทษฐานฆ่าโดยเจตนา
จำเลยเห็น ส. กับ บ. ซึ่งยืนอยู่ข้างประตูหลังรถคนละด้านกับคนขับ แต่ก็ยังใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงจ้องยิงไปที่รถยนต์ ขณะที่ บ.ซึ่งกำลังจะขึ้นรถยนต์จำเลยย่อมเล็งเห็นผลหรือคาดหมายได้ว่ากระสุนปืนซึ่งจำเลยยิงไป อาจถูก ส.หรือท.ซึ่งนั่งอยู่ภายในรถยนต์ได้เมื่อกระสุนปืนที่จำเลยยิงไปถูก ส.เป็นเหตุให้ส.ถึงแก่ความตาย และ ท.ได้รับบาดเจ็บ จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่า ท.โดยเจตนา แม้จะฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดขณะมึนเมาเพราะเสพสุราก็ตาม จำเลยก็จะยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวเพื่อไม่ต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้นไม่ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 66 ก่อนเกิดเหตุ บ.ซึ่งเป็นปลัดอำเภออาวุโสเคยข่มขู่จำเลยซึ่งเป็นปลัดอำเภอหลายครั้ง ในคืนเกิดเหตุ บ.เมาสุราขึ้นไปเรียกจำเลยบนบ้านขณะจำเลยเข้านอนแล้วและด่าจำเลยซึ่งออกมาพบว่า "ไอ้เหี้ยมึงซ่านักหรือ" แล้วยังได้ตบจำเลยอีกเช่นนี้ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปทางรถเปอร์โยต์ หลังจาก บ.เดินลงบันไดไปจนเกิดเหตุร้ายดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมและได้กระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้นเป็นการกระทำผิดโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72