คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เธียรไท สุนทรนันท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 189 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3675/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ระยะเวลาอุทธรณ์คำวินิจฉัย คชก.จังหวัด: นับแต่วันมีคำวินิจฉัย แม้ผู้อุทธรณ์ยังไม่ทราบ
พระราชบัญญัติ ญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 57ได้กำหนดระยะเวลาในการยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดไว้อย่างช้าที่สุดไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่ คชก.จังหวัดมีคำวินิจฉัยกำหนดระยะเวลาอย่างช้าที่สุดดังกล่าวไม่คำนึงว่าผู้อุทธรณ์ได้ทราบถึงคำวินิจฉัยนั้นแล้วหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3528/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งคำฟ้องฎีกาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกา และการถือว่าจำเลยทราบคำสั่งตามที่ระบุไว้
วันที่ 25 มีนาคม 2535 ทนายความจำเลยผู้มีอำนาจใช้สิทธิฎีกาได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นฎีกาคำร้องคำแถลงเสียค่าฤชาธรรมเนียมศาลและนำหมายฎีกา ในวันเดียวกันนั้นเองเสมียนทนายได้ลงนามรับทราบข้อความที่ว่า "ให้มาทราบคำสั่งในวันที่ 1 เมษายน 2535 ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้ว" ต่อมาวันที่ 27 มีนาคม 2535 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำฟ้องฎีกาของจำเลยให้จำเลยนำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายใน 5 วัน จึงต้องถือว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งดังกล่าวแล้ว การที่จำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินการภายในกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งถือได้ว่าเป็นการทิ้งคำฟ้องฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ประกอบมาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3522/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาอุทธรณ์ต้องมีเหตุพิเศษ การไม่ดำเนินการโดยทนายโจทก์ถือเป็นความบกพร่องของผู้ฟ้อง
การที่ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอุทธรณ์ในวันครบกำหนดอุทธรณ์โดยอ้างว่า ตัวโจทก์ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่กรุงเทพมหานครขณะศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาคดีนี้ ตัวโจทก์เดินทางไปต่างประเทศจึงไม่ทราบคำพิพากษา คดีมีทุนทรัพย์สูง ตัวโจทก์ต้องพิจารณาปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายตลอดจนตระเตรียมค่าฤชาธรรมเนียมนั้น เมื่อทนายโจทก์สามารถดำเนินคดีแทนโจทก์ได้อยู่แล้ว หากจะอุทธรณ์คำพิพากษาไปก่อนโดยขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมเพื่อรอตัวโจทก์ก็อาจกระทำได้ แต่ก็มิได้ขวนขวายกระทำ การที่โจทก์ไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ในกำหนดจึงเป็นเพราะความบกพร่องของตัวโจทก์และทนายโจทก์ มิใช่พฤติการณ์พิเศษที่จะยกขึ้นมากล่าวอ้างเพื่อขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3477/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องสงบ เปิดเผย และรู้ว่าเป็นทรัพย์ของผู้อื่น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นใหม่
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า โจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 117 ตำบลม่วงสามสิบอำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานีเนื้อที่ 2 งาน 84 ตารางวา โดย อ. ยกให้เมื่อ พ.ศ. 2512 ต่อมาเมื่อประมาณ พ.ศ. 2529 โจทก์ได้รังวัดสอบเขตจึงทราบว่าสิ่งปลูกสร้างอาทิเช่น ฉางข้าวที่ปลูกอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 2372ตำบลม่วงสามสิบอำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ได้ปลูกรุกล้ำแนวเขตที่ดินของโจทก์ ทำให้โจทก์ใช้ประโยชน์ในที่ดินส่วนนั้นไม่ได้ โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลบังคับจำเลยรื้อถอนขนย้ายสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำแนวเขตที่ดินโฉนดเลขที่ 117 ของโจทก์ ห้ามเกี่ยวข้องกับที่ดินส่วนดังกล่าวและให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นรายเดือนในอัตราเดือนละ1,000 บาท ฟ้องโจทก์ดังกล่าวได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้วฟ้องโจทก์เกี่ยวกับค่าเสียหายจึงไม่เคลือบคลุม ในชั้นอุทธรณ์โจทก์อุทธรณ์ว่า การจะได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 นั้นผู้ครอบครอง (จำเลย)จะต้องรู้ว่าทรัพย์สินที่ได้ครอบครองนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้อื่น (โจทก์) ครั้นเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า ทรัพย์สินที่ครอบครองนั้นต้องเป็นทรัพย์สินของผู้อื่น แต่หาจำต้องเป็นการครอบครองโดยรู้ว่าเป็นที่ดินของบุคคลอื่นไม่ โจทก์กลับฎีกาว่า การที่จะได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้อื่นนั้น จะต้องครอบครองทรัพย์สินนั้นโดยสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของแต่ตามพฤติการณ์การครอบครองของจำเลยมิได้เป็นเช่นนั้น คือทั้งโจทก์และจำเลยต่างฝ่ายต่างหวงห้ามต่อกันโดยอ้างว่าตนเป็นเจ้าของ ดังนั้น จะถือว่าจำเลยครอบครองโดยสงบมิได้ และการที่จำเลยปลูกฉางข้าวลงในที่ดินของโจทก์โดยมิได้รับอนุญาตจะถือว่าจำเลยปลูกโรงเรือนโดยสุจริตมิได้ ทั้งการครอบครองของจำเลยยังไม่ถึง 10 ปีจำเลยจึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์นั้น เป็นการยกเหตุอื่นขึ้นมาเป็นข้ออ้างในชั้นฎีกา ฎีกาของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ภาค 1ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3406/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากการถมดินทำลายบ่อปลา แม้ผู้ถูกฟ้องไม่เป็นเจ้าของที่ดิน แต่กระทำการละเมิดต่อผู้เลี้ยงปลาได้
แม้บริษัท บ.กับพวกเป็นผู้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทกับ อ.ซึ่งโจทก์อาศัยทำกินอยู่มิใช่จำเลยที่ 1 กับพวกเป็นผู้ซื้อ แต่โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวอ้างว่าจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ได้บังอาจให้ให้บุคคลอื่นนำรถยนต์บรรทุกดินขนาดใหญ่หลายคันนำดินเข้ามาเทถมลงไปในที่เลี้ยงปลาและกุ้งในที่ดินแปลงที่ติดกับที่ดินพิพาท ทำให้ปลาและกุ้งที่โจทก์เลี้ยงไว้ไม่เติบโตและตายในที่สุด มิได้กล่าวอ้างว่าผู้จะซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวทำละเมิดต่อโจทก์ ทั้งโจทก์ก็ได้นำสืบว่ารถยนต์ที่บรรทุกดินมาถมที่ดังกล่าวติดป้ายชื่อห้างจำเลยที่ 1 ซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ได้
แม้โจทก์จะเลี้ยงปลาและกุ้งอยู่ในที่ดินพิพาทหลังจากวันที่โจทก์ยอมรับว่าจะออกไปจากที่ดินแปลงดังกล่าว และโจทก์ก็ได้รับเงินจาก อ.ผู้มีสิทธิในที่ดินเป็นค่าขนย้ายไปแล้วก็ตาม ก็เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับ อ.ที่จะว่ากล่าวกันต่อไป การที่จำเลยทั้งสองเอาดินไปถมบ่อปลาและกุ้งของโจทก์จนเป็นเหตุทำให้ปลาและกุ้งของโจทก์ตายจึงเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์
โจทก์เคยรับปากว่าจะออกไปจากที่พิพาทภายในวันที่ 31 สิงหาคม2527 และรับเงินค่าขนย้ายไปแล้ว แต่ไม่ยอมออกไป จึงถือได้ว่าโจทก์มีส่วนก่อให้เกิดเหตุอันเป็นมูลละเมิดในคดีนี้อยู่ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3345/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองไม้หวงห้ามในฐานะลูกจ้าง ไม่เป็นเหตุให้ไม่ต้องรับผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
คำว่า ครอบครอง ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มิได้มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า สิทธิครอบครอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่มีความหมายกว้างกว่าโดยหมายความรวมถึงครอบครองเพื่อตนเองและครอบครองแทนผู้อื่นด้วยทั้งนี้เพราะไม่มีบทกฎหมายใดจำกัดว่าต้องเป็นการครอบครองเพื่อตนเองเท่านั้น จึงจะเป็นความผิด อีกทั้งในทางอาญาการร่วมกันครอบครองไม้หวงห้ามก็เป็นความผิดเช่นเดียวกัน การที่จำเลยครอบครองไม้ไว้ในฐานะลูกจ้างเพื่อนำส่งโรงเลื่อยจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69,73

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3263/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าและดุลพินิจต่อสัญญา: ข้อตกลงต่ออายุไม่ใช่คำมั่นจะให้เช่า
หนังสือสัญญาเช่าสถานที่ระบุว่า ถ้าผู้รับมอบหรือผู้เช่ามิได้ประพฤติผิดสัญญา ผู้มอบหรือผู้ให้เช่าจะได้พิจารณาต่ออายุสัญญาให้อีกคราวหนึ่ง เป็นการแสดงความประสงค์ของคู่สัญญาว่า เมื่อสัญญาสิ้นสุดลงผู้ให้เช่าจะใช้ดุลพินิจต่อสัญญาให้แก่ผู้เช่าอีกคราวหนึ่ง ในเมื่อผู้เช่าไม่ได้กระทำผิดสัญญาอย่างไรก็ดีแม้ผู้เช่าจะไม่กระทำผิดสัญญาก็ตามการจะต่ออายุสัญญาให้อีกหรือไม่ย่อมเป็นดุลพินิจของผู้ให้เช่า สัญญาดังกล่าวจึงมิใช่คำมั่นจะให้เช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3263/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าและข้อตกลงต่ออายุ: ข้อตกลงต่ออายุไม่ใช่คำมั่นจะให้เช่า
โจทก์และจำเลยทำสัญญากัน มีใจความว่า "ถ้าผู้รับมอบมิได้ประพฤติผิดสัญญา ผู้มอบจะได้พิจารณาต่ออายุสัญญาให้อีกคราวหนึ่ง" ดังนี้ เป็นการแสดงความประสงค์ของคู่สัญญาว่าเมื่อสัญญาสิ้นสุด ผู้ให้เช่าจะใช้ดุลพินิจต่อสัญญาให้แก่ผู้เช่าอีกคราวหนึ่งเมื่อผู้เช่ามิได้ทำผิดสัญญา แต่แม้ว่าผู้เช่าจะไม่กระทำผิดสัญญา การจะต่ออายุสัญญาให้อีกหรือไม่ ย่อมเป็นดุลพินิจของผู้ให้เช่า การที่ข้อสัญญาระบุว่าจะได้พิจารณาต่ออายุสัญญาให้จึงเป็นการให้โอกาสผู้เช่าในเบื้องแรกภายหลังสัญญาสิ้นสุดลงในกรณีที่มีการขอเช่าใหม่ทั้งเป็นการจูงใจผู้เช่ามิให้ผิดสัญญาระหว่างที่สัญญามีผลบังคับ สัญญาข้อนี้จึงมิใช่คำมั่นจะให้เช่า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3191/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับตามสัญญาประกันและการอุทธรณ์คำสั่งปรับ ศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดแล้ว ไม่อาจฎีกาได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่ลดค่าปรับให้ผู้ประกันตาม ป.วิ.อ. มาตรา 119 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ย่อมถึงที่สุด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3010/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าแชร์: นายวงแชร์มีสิทธิฟ้องลูกวงแชร์ที่ผิดนัดชำระค่าแชร์โดยตรง แม้จะชำระแทนไปแล้ว
การเล่นแชร์ ลูกวงแชร์ต่างเชื่อถือนายวงแชร์เป็นสำคัญนายวงแชร์มีหน้าที่ต่อลูกวงแชร์ในการรวบรวมเงินจากลูกวงแชร์แต่ละคนทั้งที่ประมูลแล้วและยังมิได้ประมูลส่งแก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลได้ในงวดนั้นส่วนลูกวงแชร์ก็มีหน้าที่ต้องส่งค่าแชร์ในแต่ละงวดให้แก่นายวงแชร์เพื่อรวบรวมมอบให้แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลได้นายวงแชร์จึงมีนิติสัมพันธ์อยู่กับลูกวงแชร์แต่ละคน เมื่อลักษณะของการเล่นแชร์เป็นเช่นนี้ จำเลยซึ่งเป็นลูกวงแชร์จึงมีหน้าที่ต้องชำระค่าแชร์ในแต่ละงวดให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นนายวงแชร์ หากจำเลยผิดนัดโจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระค่าแชร์ในงวดนั้นได้โดยตรงไม่จำต้องอาศัยสิทธิหรือรับช่วงสิทธิของลูกวงแชร์ที่ประมูลได้การที่โจทก์ชำระค่าแชร์แทนจำเลยไปบางงวดก็เพื่อป้องกันมิให้ถูกลูกวงแชร์ที่ประมูลได้ฟ้องร้องเท่านั้น มิใช่เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่ต้องชำระแทนจำเลยไปก่อนแล้ว จึงจะเกิดสิทธิเรียกร้องเอาแก่จำเลยในภายหลัง ดังนั้น เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าแชร์จำนวน 10 งวดเป็นเงิน 50,000 บาท แม้โจทก์ได้ชำระค่าแชร์ให้ผู้ประมูลแชร์ไปเพียง 4 งวด เป็นเงิน 20,000 บาท ก็ตาม โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องเรียกเงินจำนวน 50,000 บาท จากจำเลยได้โดยไม่ต้องคำนึงว่าโจทก์ชำระค่าแชร์แทนจำเลยไปแล้วเพียงใด
of 19