คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เธียรไท สุนทรนันท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 189 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2480/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามลักทรัพย์: การกระทำความผิดไม่สำเร็จเมื่อทรัพย์สินยังอยู่ในความครอบครองของผู้เสียหาย
แม้จำเลยเป็นผู้เขียนใบเบิกสินค้าทั้ง 5 รายการ และเบิกสินค้าโดยไม่มีใบสั่งซื้อ 2 รายการ โดยทุจริตเพื่อลักทรัพย์อันเป็นการลงมือกระทำความผิดฐานลักทรัพย์แล้วก็ตาม แต่เมื่อสินค้านั้นยังคงอยู่ในความครอบครองของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยดังกล่าว จึงเป็นเพียงการลงมือกระทำผิดฐานลักทรัพย์แล้วแต่กระทำไปไม่ตลอดเท่านั้น อันเป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ของผู้เสียหายซึ่งเป็นนายจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2480/2535 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลักทรัพย์ไม่สำเร็จ: การเบิกสินค้าโดยทุจริตแต่ยังอยู่ในครอบครองผู้เสียหาย
แม้จำเลยเป็นผู้เขียนใบเบิกสินค้าทั้ง 5 รายการ และเบิกสินค้าโดยไม่มีใบสั่งซื้อ 2 รายการ โดยทุจริตเพื่อลักทรัพย์ อันเป็นการลงมือกระทำความผิดฐานลักทรัพย์แล้วก็ตาม แต่เมื่อสินค้านั้นยังคงอยู่ในความครอบครองของผู้เสียหายการกระทำของจำเลยดังกล่าว จึงเป็นเพียงการลงมือกระทำผิดฐานลักทรัพย์แล้ว แต่กระทำไปไม่ตลอดเท่านั้น อันเป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ของผู้เสียหายซึ่งเป็นนายจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2480/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามลักทรัพย์จากใบเบิกสินค้าเท็จ แม้ยังไม่ได้ครอบครองทรัพย์สิน
จำเลยเป็นลูกจ้างของผู้เสียหาย มีหน้าที่ทำใบเบิกสินค้าจำเลยได้เขียนใบเบิกสินค้าตามใบสั่งซื้อจำนวน 5 รายการ และเบิกสินค้าโดยไม่มีใบสั่งซื้อจำนวน 2 รายการ คือ จานเปล 48 ใบและโถ สำหรับใส่อาหาร 12 ใบ แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้เข้ายึดถือครอบครองเอาจานเปลและโถดังกล่าวไป เนื่องจากมีผู้มาพบสินค้าดังกล่าวเสียก่อน แสดงว่าสินค้ายังคงอยู่ในความครอบครองของผู้เสียหายแต่การที่จำเลยเขียนใบเบิกสินค้าอันเป็นเท็จจำนวน2 รายการ ถือว่าเป็นการลงมือกระทำความผิดฐานลักทรัพย์แล้ว แต่กระทำไปไม่ตลอด จึงเป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ของผู้เสียหายซึ่งเป็นนายจ้าง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2480/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามลักทรัพย์นายจ้าง: การกระทำไม่สมบูรณ์ ไม่เข้าข่ายลักทรัพย์ แต่เป็นความพยายาม
จำเลยเขียนใบเบิกสินค้าเพื่อเบิกสินค้าของนายจ้างโดย ไม่มีใบสั่งซื้อ 2 รายการ เพื่อลักทรัพย์ แต่จำเลยไม่ได้เข้ายึดถือครอบครองเอาสินค้าที่เบิกไป สินค้ายังคงอยู่ในความครอบครองของนายจ้าง การเขียนใบเบิกสินค้าอันเป็นเท็จ เป็นการลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด จึงเป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์นายจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2431/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ้างงานต่อเนื่องหลังสัญญาหมดอายุ และสิทธิค่าชดเชยกรณีเลิกจ้าง
สัญญาจ้างแรงงานระหว่างนายจ้างและลูกจ้างสิ้นสุดลงแล้วลูกจ้างยังทำงานให้แก่นายจ้างเรื่อยมา โดย นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แต่มิได้ทำสัญญาจ้างกันเป็นหนังสือ การจ้างลูกจ้างต่อมาจึงเป็นการจ้างที่มิได้กำหนดระยะเวลากันไว้ว่าจะจ้างกันนานเท่าใด ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะเลิกสัญญาด้วยการบอกกล่าวล่วงหน้าก็อาจทำได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 582 เมื่อนายจ้างได้แจ้งให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าตามบทบัญญัติดังกล่าวว่าการจ้างสิ้นสุดลงจึงเป็นการให้ลูกจ้างออกจากงานโดย ที่ลูกจ้างไม่ได้กระทำความผิดตามข้อ 47 แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานอันเป็นการเลิกจ้างโจทก์ตามข้อ 46 วรรคสอง ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย ข้อ 7 แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน(ฉบับที่ 11) กรณีมิใช่เป็นการจ้างลูกจ้างเพื่อทำงานอันมีลักษณะเป็นงานตามโครงการซึ่งนายจ้างและลูกจ้างตกลงทำสัญญาจ้างเป็นหนังสือโดย มีกำหนดวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดของการจ้างไว้และเมื่อสัญญาจ้างสิ้นสุดแล้วแต่งานยังไม่แล้วเสร็จนายจ้างและลูกจ้างตกลงต่อสัญญาจ้างกันอีกโดย ระยะเวลาการจ้างทั้งสิ้นรวมแล้วไม่เกินระยะเวลาการจ้างตามที่ระบุไว้ในสัญญาจ้างฉบับแรกตามข้อ 46 วรรคสามลูกจ้างจึงมีสิทธิได้รับค่าชดเชย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2415/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีแจ้งความเท็จ: ผู้เสียหายจริงคือผู้ถูกกล่าวหาเมื่อได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ
จำเลยแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่าโจทก์ลักทรัพย์ของจำเลยซึ่งเป็นความเท็จ ทำให้โจทก์ถูกดำเนินคดีอาญา แม้ความผิดฐานแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137เป็นความผิดต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งปกติรัฐเป็นผู้เสียหายโดยตรงก็ตามแต่โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษจากการร้องทุกข์ของจำเลยซึ่งเป็นเท็จ โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายที่แท้จริงในข้อหาดังกล่าวและมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2415/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จเรื่องทรัพย์สิน: โจทก์เป็นผู้เสียหายโดยตรง แม้ความผิดต่อเจ้าพนักงาน
จำเลยแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่าโจทก์ลักทรัพย์จำเลยอันเป็นความเท็จทำให้โจทก์ถูกดำเนินคดีอาญา โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายที่แท้จริงในข้อหาฐานแจ้งข้อความเท็จแก่เจ้าพนักงานตามป.อ. มาตรา 137 แม้ว่าบทบัญญัติดังกล่าวจะเป็นความผิดต่อเจ้าพนักงานซึ่งปกติรัฐเป็นผู้เสียหายโดยตรงก็ตาม ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเนื่องจากเห็นว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ แต่จำเลยได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์โต้แย้งว่าทรัพย์ของกลางเป็นของจำเลย การที่ศาลอุทธรณ์ด่วนฟังข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติว่าทรัพย์ของกลางเป็นของโจทก์ โดยไม่วินิจฉัยในประเด็นนี้ จึงเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงที่ไม่ชอบ และไม่ได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา แต่เมื่อปรากฏพยานหลักฐานในสำนวนแล้วศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงได้โดยไม่ต้องย้อนสำนวน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2276/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะเวลากลางคืนเป็นอันตรายร้ายแรง ไม่สมควรรอการลงโทษ
พฤติการณ์ที่จำเลยพาอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปตามถนนในหมู่บ้านและทางสาธารณะในเวลากลางคืนนั้นนับว่าเป็นอันตรายต่อผู้อื่นเป็นอย่างยิ่ง จึงเป็นกรณีที่ร้ายแรง ไม่สมควรรอการลงโทษให้แก่จำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2174/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจประกันตัว: การตีความขอบเขตความรับผิดชอบของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ
หนังสือมอบอำนาจมีข้อความว่า จำเลยที่ 1 ขอมอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 นำโฉนดที่ดินมาประกันตัว ช. ผู้ต้องหาต่อพนักงานสอบสวนเป็นที่เข้าใจได้ว่า จำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2มาประกันตัวผู้ต้องหาแทนจำเลยที่ 1 มิใช่จำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 มาประกันตัวผู้ต้องหาในนามจำเลยที่ 2 เองและแม้ว่าคำร้องขอประกันและสัญญาประกันจะไม่มีข้อความให้จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชอบและไม่มีลายมือชื่อของจำเลยที่ 1ด้วยก็ตาม แต่คำร้องและสัญญาดังกล่าวก็ได้ระบุเลขที่โฉนดที่ดินของจำเลยที่ 1 ไว้เป็นประกันด้วย และการทำสัญญาประกันก็เนื่องมาจากมีหนังสือมอบอำนาจเป็นส่วนสำคัญ การวินิจฉัยความรับผิดจะวินิจฉัยแต่เพียงคำร้องขอประกันและสัญญาประกันหาได้ไม่แต่ต้องวินิจฉัยหนังสือมอบอำนาจประกอบด้วย และถือได้ว่าจำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 นำโฉนดที่ดินมาทำสัญญาประกันตัวผู้ต้องหา จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดตามสัญญาประกันด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2174/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจประกันตัว: ความรับผิดตามสัญญาแม้ไม่มีลายมือชื่อ
หนังสือมอบอำนาจมีข้อความว่า จำเลยที่ 1 ขอมอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 นำโฉนดที่ดินมาประกันตัวนาย ช. ผู้ต้องหาต่อพนักงานสอบสวน เป็นที่เข้าใจได้ว่า จำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 มาประกันตัวผู้ต้องหาแทนจำเลยที่ 1 นั่นเอง หาใช่จำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 มาประกันตัวผู้ต้องหาในนามจำเลยที่ 2 เองไม่ และแม้ว่าคำร้องขอประกันและสัญญาประกันจะไม่มีข้อความให้จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชอบและไม่มีลายมือชื่อของจำเลยที่ 1 ด้วยก็ตาม แต่คำร้องและสัญญาดังกล่าวก็ได้ระบุเลขที่โฉนดที่ดินของจำเลยที่ 1 ไว้เป็นหลักฐานประกันด้วย และการทำสัญญาประกันก็เนื่องมาจากมีหนังสือมอบอำนาจเป็นส่วนสำคัญการวินิจฉัยความรับผิดจะวินิจฉัยแต่เพียงคำร้องขอประกันและสัญญาประกันหาได้ไม่ แต่ต้องวินิจฉัยหนังสือมอบอำนาจประกอบด้วยและถือได้ว่าจำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 นำโฉนดที่ดินมาทำสัญญาประกันตัวผู้ต้องหา จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดตามสัญญาประกันด้วย
of 19