พบผลลัพธ์ทั้งหมด 101 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 878/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลียนแบบเครื่องหมายการค้าจนสับสน ศาลเพิกถอนทะเบียนและห้ามใช้เครื่องหมายการค้า
จำเลยนำสืบผู้ใช้สินค้าของจำเลย 2 ปาก และนำผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายทะเบียนเครื่องหมายการค้ามาเบิกความเป็นพยานจำเลยแล้ว พยานจำเลยอีก 2 ปาก ซึ่งเป็นผู้ใช้สินค้าของจำเลย 2 ปากและเป็นนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ตัดจึงเป็นพยานที่จะนำสืบในข้อเท็จจริงอย่างเดียวกัน เป็นการสืบพยานที่ฟุ่มเฟือยและทำให้การพิจารณาคดีล่าช้า ที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจตัดพยานจำเลยดังกล่าวจึงชอบแล้ว ไม่ขัดต่อหลักกฎหมายในเรื่องการรับฟังพยานหลักฐาน เครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นรูปช้างยืนอยู่ภายในรูปหกเหลี่ยมหันหน้าไปทางซ้ายมือปล่อยงวงลงมาและยกเท้าหน้าซ้ายขึ้นเล็กน้อย กับมีเส้นลากไขว้ตัดกันจากมุมหนึ่งไปจดอีกมุมหนึ่งรอบตัวช้างลักษณะเด่นของเครื่องหมายคือรูปช้างยืนอยู่ภายในกรอบรูปหกเหลี่ยมและมีเส้นไขว้ตัดกันรอบตัวช้างสำหรับเครื่องหมายการค้าของจำเลยเป็นรูปช้างยืนอยู่ภายในกรอบรูปหกเหลี่ยมหันหน้าไปทางซ้ายมือ กับมีเส้นโค้งลากจากมุมหนึ่งจดอีกมุมหนึ่งรอบตัวช้างลักษณะเด่นของเครื่องหมายอยู่ที่รูปช้างยืนหันหน้าไปทางซ้ายมืออยู่ภายในรูปหกเหลี่ยมและมีเส้นโค้งรอบตัวช้างรวม3ประการซึ่งเครื่องหมายการค้าทั้งสองมีลักษณะเด่นคล้ายคลึงกัน แม้จะมีข้อแตกต่างอยู่บ้างตรงที่รูปเครื่องหมายการค้าของจำเลยเป็นช้างชูงวงขึ้นขาช้างทั้งคู่หน้าหลังแยกจากกันและขาด้านหน้าซ้ายงอเหยียบถังปูนซึ่งเป็นเพียงรายละเอียดเท่านั้นและจำเลยใช้เครื่องหมายการค้ากับสินค้าเครื่องมือสำหรับใช้ในการก่อสร้างเช่น กระบะถือปูน ถังพลาสติกใส่ปูน เกรียงฉาบปูน เป็นต้นซึ่งเป็นสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าวัสดุก่อสร้างของโจทก์นอกจากนี้โจทก์ได้จดทะเบียนและใช้เครื่องหมายการค้านี้ตั้งแต่ปี 2517 และได้โฆษณาทางหนังสือพิมพ์วิทยุและโทรทัศน์เป็นที่แพร่หลายในหมู่ประชาชนทั่วไป จำเลยเพิ่งจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยหลังจากที่โจทก์ได้จดทะเบียนและใช้เครื่องหมายการค้าของโจทก์ถึง 10 ปี แสดงว่าจำเลยเจตนาเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของโจทก์ โดยทำให้เครื่องหมายการค้าของจำเลยคล้ายกับของโจทก์จนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหลงผิดว่าเครื่องหมายการค้าและสินค้าของจำเลยเป็นเครื่องหมายการค้าและสินค้าของโจทก์ เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ศาลชอบที่จะเพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยและห้ามมิให้จำเลยใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 878/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดเครื่องหมายการค้า: การเลียนแบบลักษณะสำคัญจนสับสน และเจตนาเลียนแบบ
จำเลยนำสืบผู้ใช้สินค้าของจำเลย 2 บาท และนำผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายทะเบียนเครื่องหมายการค้ามาเบิกความเป็นพยานจำเลยแล้ว พยานจำเลยอีก 3 ปาก ซึ่งเป็นผู้ใช้สินค้าของจำเลย 2 ปากและเป็นนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ตัดจึงเป็นพยานที่จะนำสืบในข้อเท็จจริงอย่างเดียวกัน เป็นการสืบพยานที่ฟุ่มเฟือยและทำให้การพิจารณาคดีล่าช้า ที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจตัดพยานจำเลยดังกล่าวจึงชอบแล้ว ไม่ขัดต่อหลักกฎหมายในเรื่องการรับฟังพยานหลักฐาน เครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นรูปช้างยืนอยู่ภายในรูปหกเหลี่ยมหันหน้าไปทางซ้ายมือ ปล่อยงวงลงและยกเท้าหน้าซ้ายขึ้นเล็กน้อย กับมีเส้นลากไขว้ตัดกันจากมุ่งหนึ่งไปจดอีกมุมหนึ่งรอบตัวช้างลักษณะเด่นของเครื่องหมายการค้าคือรูปช้างยืนอยู่ภายใต้ในกรอบรูปหกเหลี่ยมและมีเส้นไขว้ตัดกันรอบตัวช้างสำหรับเครื่องหมายการค้าของจำเลยเป็นรูปช้างยืนอยู่ภายในรูปหกเหลี่ยมหันหน้าไปทางซ้ายมือกับมีเส้นโค้งลากจากมุมหนึ่งจดอีกมุมหนึ่งรอบตัวช้างลักษณะเด่น ของเครื่องหมายอยู่ที่รูปช้างยืนหันหน้าไปทางซ้ายมืออยู่ภายในรูปหกเหลี่ยมและมีเส้นโค้งรอบตัวช้าง รวม 3 ประการ ซึ่งเครื่องหมายการค้าทั้งสองมีลักษณะเด่น คล้ายคลึงกัน แม้จะมีข้อแตกต่างอยู่บ้างตรงที่รูปเครื่องหมายการค้าของจำเลยเป็นช้างชูงวงขึ้นขาช้างทั้งคู่หน้าหลังแยกจากกัน และขาด้านหน้าซ้ายงอเหยียบถังปูนซึ่งเป็นเพียงรายละเอียดเท่านั้น และจำเลยใช้เครื่องหมายการค้ากับสินค้าเครื่องมือสำหรับใช้ในการก่อสร้างเช่น กระบะถือปูนถังพลาสติกใส่ปูน เกรียงฉาบปูนเป็นต้น ซึ่งเป็นสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าวัสดุก่อสร้างของโจทก์ นอกจากนี้โจทก์ได้จดทะเบียนและใช้เครื่องหมายการค้านี้ตั้งแต่ปี 2517 และได้โฆษณาทางหนังสือพิมพ์วิทยุและโทรทัศน์เป็นที่แพร่หลายในหมู่ประชาชนทั่วไป จำเลยเพิ่งจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยหลังจากที่โจทก์ได้จดทะเบียนและใช้เครื่องหมายการค้าของโจทก์ถึง 10 ปี แสดงว่าจำเลยเจตนาเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของโจทก์โดยทำให้เครื่องหมายการค้าของจำเลยคล้ายกับของโจทก์จนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหลงผิดว่าเครื่องหมายการค้าและสินค้าของจำเลยเป็นเครื่องหมายการค้าและสินค้าของโจทก์เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตศาลชอบที่จะเพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยและห้ามมิให้จำเลยใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเดินสะพัดสิ้นสุด, การคิดดอกเบี้ยหลังสิ้นสัญญา, หักชำระหนี้
สัญญาบัญชีเดินสะพัดระหว่างโจทก์จำเลยรวมอยู่ในสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีซึ่งได้ทำขึ้นเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2523 มีกำหนดเวลา12 เดือน ย่อมสิ้นสุดลงในวันที่ 28 สิงหาคม 2524 สัญญาบัญชีเดินสะพัดซึ่งรวมอยู่ด้วยจึงสิ้นสุดไปพร้อมกัน เว้นแต่โจทก์จำเลยจะได้ตกลงต่อสัญญากันต่อไปอีกโดยตรงหรือโดยปริยาย การที่โจทก์จำเลยจะเดินสะพัดทางบัญชีกันต่อไปภายหลังจากสัญญาครบกำหนดแล้วจำเลยจะต้องเบิกเงินจากบัญชีได้อีก แต่โจทก์หายอมให้จำเลยเบิกเงินได้อีกไม่ จึงเห็นเจตนาของโจทก์ได้ชัดแจ้งว่า โจทก์ไม่ประสงค์จะเดินสะพัดทางบัญชีกับจำเลยอีก ส่วนการที่จำเลยนำเงินเข้าบัญชี2 ครั้งภายหลังจากครบกำหนดเวลาตามสัญญาแล้ว ก็เห็นเจตนาของจำเลยได้ว่าเป็นการนำเงินเข้าบัญชีเพื่อชำระหนี้เท่านั้น หาได้มีเจตนาจะเดินสะพัดทางบัญชีกับโจทก์ต่อไปไม่ ภายหลังจากสัญญาดังกล่าวสิ้นสุดลงโจทก์คงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลยได้โดยวิธีธรรมดาจะคิดดอกเบี้ยโดยวิธีทบต้นต่อไปอีกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 569/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้เรื่องเอกสารสัญญากู้ยืมเงินเป็นเอกสารปลอม ผู้กู้มีสิทธิสืบพยานได้
จำเลยยอมรับว่าได้ลงชื่อไว้ในช่องผู้กู้ตามสัญญากู้ยืมเงินที่ทำไว้กับโจทก์ แต่ต่อสู้ว่าขณะที่ลงชื่อยังไม่ได้มีการกรอกข้อความใด ๆ ลงไป แล้วโจทก์ไปกรอกจำนวนเงินเพิ่มเติมภายหลังซึ่งสูงกว่าที่จำเลยกู้ยืมไปจากโจทก์ ดังนี้ เท่ากับจำเลยต่อสู้ว่าสัญญากู้ยืมเงินเป็นเอกสารปลอม จำเลยจึงนำพยานบุคคลมาสืบตามข้อต่อสู้ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 546/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พฤติการณ์ทำร้ายพร้อมคำขู่ แสดงเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นเหตุพยายามฆ่า
ก่อนเกิดเหตุจำเลยถือมีดอยู่ที่หน้าบ้านร้องตะโกนว่า วันนี้กูจะต้องฆ่าคนก่อนคดีนี้จำเลยเคยบุกรุกเข้าทำร้ายผู้เสียหายแล้วถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกและปรับโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ และเมื่อจำเลยกลับไปบ้านได้พูดอาฆาตผู้เสียหายว่า ถ้าหมดระยะเวลาที่ศาลรอลงอาญาจำเลยจะมาฆ่าผู้เสียหาย นอกจากนี้พฤติการณ์ที่จำเลยตรงเข้าทำร้ายผู้เสียหายทันทีพร้อมกับพูดว่าวันนี้กูจะฆ่ามึงเมื่อผู้เสียหายจอดรถที่หน้าบ้านโดยไม่มีการพูดจาอะไรกัน แสดงให้เห็นถึงมูลเหตุและการตระเตรียมของจำเลยเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อนแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 546/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: อาฆาต พฤติการณ์ทำร้าย และการรับสารภาพ
ก่อนคดีนี้จำเลยเคยบุกรุกเข้าทำร้ายผู้เสียหายแล้วถูกศาลพิพากษาลงโทษ จำเลยได้พูดอาฆาตผู้เสียหายว่าจะฆ่าผู้เสียหาย วันเกิดเหตุเมื่อผู้เสียหายจอดรถที่หน้าบ้าน จำเลยตรงเข้าทำร้ายผู้เสียหายทันทีพร้อมกับพูดว่าวันนี้กูจะฆ่ามึง โดยไม่มีการพูดจาอะไรกัน แสดงให้เห็นถึงมูลเหตุและการตระเตรียมของจำเลยว่าเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อนแล้ว ประกอบกับจำเลยให้การรับสารภาพผิดตามฟ้องย่อมรวมถึงรับในข้อไตร่ตรองไว้ก่อนด้วย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สิน: การกระทำนอกเหนือหน้าที่และอำนาจตามระเบียบราชการ
จำเลยเป็นข้าราชการตำแหน่งสหกรณ์อำเภอ สังกัดกรมส่งเสริมสหกรณ์คณะกรรมการสหกรณ์การเกษตร ส. จำกัด แต่งตั้งจำเลยเป็นกรรมการออกข้อสอบและตรวจข้อสอบเพื่อรับบรรจุพนักงาน เมื่อสหกรณ์ดังกล่าวเป็นนิติบุคคลต่างหากไม่ใช่หน่วยงานในกรมส่งเสริมสหกรณ์ที่จำเลยจะต้องรับผิดชอบโดยตรง ทั้งมติคณะกรรมการสหกรณ์ดังกล่าวก็ไม่มีระเบียบของทางราชการว่าให้ทำได้และจำเลยจะต้องปฏิบัติตาม และการเป็นกรรมการสอบก็ไม่ใช่งานในหน้าที่รับผิดชอบของจำเลย การเป็นกรรมการของจำเลยจึงไม่ใช่เจ้าพนักงานกระทำการในตำแหน่งของจำเลย จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับทรัพย์สินโดยมิชอบหรือกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สิน: การกระทำนอกเหนือหน้าที่และขอบเขตอำนาจ
จำเลยรับราชการในตำแหน่งสหกรณ์อำเภอได้รับแต่งตั้งจากคณะกรรมการสหกรณ์การเกษตร ส. ให้เป็นกรรมการออกข้อสอบและตรวจข้อสอบคัดเลือกพนักงานบัญชีเพื่อบรรจุเข้าทำงานในสหกรณ์การเกษตร ส.สหกรณ์การเกษตรส. เป็นนิติบุคคลแยกต่างหากไม่ใช่หน่วยงานในกรมส่งเสริมสหกรณ์ที่จำเลยจะต้องรับผิดชอบโดยตรงและมติของคณะกรรมการสหกรณ์ดังกล่าวก็ไม่มีระเบียบของทางราชการว่าให้ทำได้และจำเลยจะต้องปฏิบัติตาม ทั้งการเป็นกรรมการสอบก็ไม่ใช่หน้าที่และความรับผิดชอบของสำนักงานสหกรณ์อำเภอตามระเบียบที่วางไว้ แม้จำเลยจะได้เรียกเอาเงินเพื่อช่วยเหลือให้นางสาวอ.สอบได้และได้รับการบรรจุแต่งตั้ง ก็มิใช่เป็นเจ้าพนักงานกระทำการในตำแหน่ง จำเลยไม่มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 408/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่ขาดความชัดเจนในรายละเอียดข้อกล่าวหา ถือเป็นคำร้องเคลือบคลุม ศาลยกคำร้องได้
การพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นั้น มาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมดังนั้น คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสองด้วย ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างเหตุคัดค้านการเลือกตั้งว่าได้มีการกระทำฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 51 และ 52โดยกล่าวอ้างว่า เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนรวม 7 อำเภอ ได้จงใจนับบัตรเลือกตั้งผิดจากความจริง นำบัตรเลือกตั้ง ซึ่งกากบาทหมายเลข 7,8 และ 9 ไว้ด้วยใส่ลงในหีบบัตรเลือกตั้งโดยมิชอบ จงใจอ่านบัตรเลือกตั้งให้ผิดจากความจริงโดยเรียกขานบัตรเลือกตั้งที่ลงให้ผู้ร้องที่ 1 กับพวกเป็นของผู้สมัครหมายเลข 7,8 และ 9 ทำลายเครื่องหมายที่ผู้เลือกตั้งกากบาทให้ผู้ร้องที่ 1 เป็นบัตรเสีย มิได้ชูบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้วให้เห็นโดยเปิดเผย และบางหน่วยเลือกตั้งมีการลงคะแนนเกินกว่าจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้ร้องมิได้แสดงให้แจ้งชัดซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นสภาพแห่งข้อหาว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งผู้ใด กรรมการตรวจคะแนนผู้ใดประจำหน่วยเลือกตั้งใด เป็นผู้กระทำเช่นนั้น และหน่วยเลือกตั้งใดที่มีการลงคะแนนเกินกว่าจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพียงแต่กล่าวอ้างคลุม ๆ มาทุกหน่วยเลือกตั้งจึงเป็นคำกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่พอที่จะทำให้ผู้คัดค้านทั้งสี่เข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้ถูกต้อง คำร้องจึงเคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2486/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูระหว่างสามีภริยา แม้ยังไม่ได้ฟ้องหย่า
จำเลยไม่ยอมอยู่ร่วมกับโจทก์และไม่อุปการะเลี้ยงดูโจทก์ตามอัตภาพโดยที่จำเลยอยู่ในฐานะที่จะอุปการะเลี้ยงดูโจทก์ได้โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูได้โดยไม่ต้องฟ้องหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/38